บทความพิเศษ : ความจริงที่หายไปในพฤษภา’35 (ตอน21)

ตอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
โดย “มือเก่า”

“เดลิมิเรอร์” 2 มิถุนายน 2535 คอลัมน์ ศอกกลับ ของ สนิท ศรีสำแดง

ในทางศาสนาพุทธ ปากที่ใช้ยั่วยุ ด่าทอ ก็ถือเป็นอาวุธชนิดร้ายแรง ท่านเปรียบด้วย “หอก” ที่สามารถแทงใจ ให้ผู้อื่นมีแผลในใจไปตลอดชีวิต

มีผู้หญิงจับกลุ่มกัน เดินเข้าไปยั่วยุพวกทหารโดยการจับหนวด ใช้นิ้วชี้ทิ่มเฉียดลูกตา ปากก็ประณามว่า เกิดชาติใดๆ อย่าได้ผัวเป็นทหารหน้าโง่ๆ รับใช้ทรราชอย่างเจ้าหน้าจืดคนนี้ ไปเสียเถิด ฆาตกร สู้ก็ไม่ชนะดอก

พวกปลุกระดม ได้ใช้วิธีการยั่วยุให้เกิดเหตุรุนแรง เมื่อเหตุเกิด ก็นำไปปลุกระดมให้คนเกลียดทหารทั้งกองทัพ

“สยามรัฐ” 28 พฤษภาคม 2535 หน้า 11 คอลัมน์ “ข้างวัด”

ความโหดร้ายของทหารส่วนหนึ่ง ในเหตุการณ์จลาจลเลือดที่ผ่านมานั้น เกิดจากภาวะกดดันทางจิตใจหลายด้าน ด้านหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ทหารไม่มีอาหารในกระเพาะเพียงพอ บวกกับแรงยั่วยุอันหยาบคาย และเหยียดหยามเหลือที่จะทนได้

“เดลิมิเรอร์” 9 กันยายน 2535 จากผู้อ่าน นามปากกา “วรรณี”

เจ้าอาวาสได้เล่าว่า ได้มีทหารกองพันที่ 9 เมืองกาญจน์ มารดน้ำมนต์ล้างซวยกันทั้งกองพล สาเหตุทหารเล่าว่า ทหารได้ถูกย่ำยี ทำร้ายจิตใจอย่างมาก เช่น เอาถุงอุจจาระ ปัสสาวะขว้างใส่ทหาร เอาน้ำเยี่ยวใส่น้ำแข็งยื่นให้ดื่ม พวกผู้หญิงก็เปิดหมวกทหาร และลูบหัวเล่น เท่านั้นไม่พอ ยังได้เอาสีเมจิกมาเขียนเป็นรูปอวัยวะผู้หญิงตรงหน้าผากทหารด้วย

…มันทำร้ายจิตใจทหารจนเกินไป ทหารถึงได้โมโหและโกรธมาก…

ยังมีผู้เห็นใจทหารอยู่บ้าง

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาทมิฬ หน้า 45

“…ผมในฐานะที่เป็นโฆษกของกองทัพ อยากจะเรียนว่า ทหารมีความบอบซ้ำด้านจิตใจมาก…”

พลโทอนุสรณ์ กฤษณะเศรณี

ทหารไทย จำใจฆ่า รักษาเมือง

เขาย่ำยี พวกเรา เหล่าทหาร

ด่าประจาน สิ้นดี ศักศรีหาย

หาว่าเป็น ฆาตรกร ฆ่าคนตาย

ล้วนเลวร้าย กว่ามาร ทหารไทย

หากบ้านเมือง เราไซร้ ไร้ทหาร

เกิดศึกราญ เพลี่ยงพล้ำ ทำไฉน

ตกเป็นทาส เมืองขึ้นเขา คงเศร้าใจ

จะมีใคร ออกมาสู้ กู้พารา

ช่างไม่รู้ หรือไร ใครกันเล่า

ที่คอยเฝ้า พิทักษ์ชาติ ศาสนา

อีกสถาบัน กษัตริย์ ขัตติยา

ทหารกล้า ห่อนให้ ใครครอบครอง

ไม่เข้าใจ คุณธรรมไทย ไยจึงเปลี่ยน

คนที่เพียร ทำชั่ว ไม่มัวหมอง

ระดมคน เผาเมือง อันเรืองรอง

กลับยกย่อง ว่าประเสริฐ เลิศกว่าใคร

ประชาธิปไตย ทำไมเล่น กันเช่นนี้

กติกามี แต่ไม่เล่น เป็นไฉน

ซ้ำเหินเกริม เผาเมือง เรื่องอะไร

ทหารไทย จำใจฆ่า รักษาเมือง

จดหมายถึง “ซัดชาตรี” เดลิมิเรอร์

จากทหารที่ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

“มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับที่ 614 29 พฤษภาคม 2535 หน้า 15

“ฝ่ายแค้น” เริ่มช่วงชิงสถานการณ์อันสุกงอมเพื่อพัฒนาไปสู่ “การช่วบชิงอำนาจ”

นับแต่นั้นเป็นต้นมา “ยุทธการข่าวลือ” เปิดฉากขึ้น

เริ่มตั้งแต่เปิดประเด็นว่า จปร.7 จะออกมาช่วย พล.ต.จำลอง พล.ต.จำลอง ถูกซ้อม พล.ต.จำลอง ถูกฆ่าตาย

ทหารฆ่า 12,000 ศพ ทหารฆ่า 10,824 ศพ ทหารฆ่า 8,300 ศพ

ทหารฝ่ายพลเอกเปรม นำโดย จปร.8 เดินทางจากกองทัพภาคที่ 4 ถึงประจวบคีรีขันธ์ เพื่อช่วยประชาชน ทหารของพลเอกเปรม ยิงต่อสู้กับทหารของพลเอกสุจินดาที่รังสิต…ทหารนำศพไปให้จระเข้กินที่สมุทรปราการ นำศพไปเมืองกาญจน์ นำศพไปเผาที่วัดเสมียนนารี…

ลือในช่วงเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม ว่า “สุจินดา” ถอนเงิน และเผ่นหนีไปต่างประเทศ

แผนครบวงจร มีขบวนการปล่อยข่าวลือด้วย ล้วนแต่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล พลเอกสุจินดาจะมีอำนาจอะไรหนุนหลังก็ตาม ก็สู้อำนาจเงินไม่ได้แน่นอน

“แพรว เฉพาะกิจ” หน้า 107

สักสามทุ่มกว่าๆ ก็มีผู้ชายสูงอายุคนหนึ่ง สัก 70 ได้ หรืออาจจะหย่อนเล็กน้อย ผ่านมาบอก คุณๆ ระวังนะ ไอ้พวกทหารมันหลบอยู่บนตึกกรมประชาสัมพันธ์ก็มี เพราะท่านผ่านประสบการณ์ 14 ตุลามาแล้ว

และข่าวจากประชาชนก็พูดปากต่อปาก…

เป็นไปได้ไหม ที่จะมีหน้าม้าปล่อยข่าวลือก่อนว่าทหารอยู่บนตึกกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อมีคนถูกยิงจะได้นึกว่าทหารยิง

“มติชน” 16 พฤษภาคม 2535 หน้า 20

หัวข้อ “สุ” แฉ ส่งแฟกซ์นัดชุมนุม

ผมเพิ่งได้รับข่าวเมื่อเช้านี้ ว่าฝ่ายต่อต้านผม พยายามใช้แฟกซ์ส่งเอกสารไปตามบริษัทห้างร้านต่างๆ เพื่อชักชวนให้มาต่อต้านผม และบอกด้วยว่า ใครขาดวิทยากรจะส่งไปให้…

“มติชน” 13 มิถุนายน 2535 หน้า 8 คอลัมน์ เขียนให้คิด…

มีการพูดกันมากว่า ทหารเข่นฆ่าประชาชนที่มีแต่มือเปล่าๆ ถึงจะอยู่ห่างไกลจากเหตุการณ์ แต่ได้รับ Fax บ้าง ใบปลิวบ้าง โทรศัพท์บ้าง ทำให้ประชาชนสับสนในเหตุการณ์…ความจริง Fax ใบปลิว หรือโทรศัพท์เถื่อนๆ เหล่านั้น ล้วนเป็นการสร้างสถานการณ์

การส่ง Fax จำนวนแสนๆ ฉบับอย่างรวดเร็วไปทั่วทุกสำนักงาน บริษัท ห้างร้าน ธนาคาร ฯลฯ กล่าวได้ว่า ที่ใดมีเครื่อง Fax ที่นั่นต้องได้รับการปลุกระดม

แสดงให้เห็นว่า การดำเนินการเพื่อให้เกิดการจลาจลขึ้นนั้น ได้มีการวางแผน เตรียมการไว้ล่วงหน้า

ใช่เลย

“บ้านเมือง” 21 พฤษภาคม 2535 หัวข้อ แจกใบปลิวแหกตา

บริเวณบางลำพู ถึงหน้าวัดชนะสงคราม เวลา 14.00 น. มีประชาชนคนหนึ่ง ได้นำแฟกซ์ ซึ่งได้รับจากที่ทำงาน มาถ่ายเอกสาร แจกผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น มีข้อความว่า มีประชาชนติดอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประมาณ 20,000 คน ขอเรียกร้องให้ประชาชนเข้าไปช่วยเหลือด้วย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ป่าเถื่อนมาก

“ข่าวสด” 19 พฤษภาคม 2535

เวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ได้นำแผ่นโปสเตอร์ มีข้อความเชิญชวนให้ไปร่วมชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ติดตามเสาไฟฟ้าบริเวณสะพานลอยยมราช เต็มไปทั่วบริเวณ

22.15 น. มีขบวนมอเตอร์ไซค์จำนวน 20-30 คัน ถือธงชาติ วิ่งไปทั่วบริเวณถนนต่างๆ ในย่านราชดำเนิน พร้อมกับเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมการชุมนุม

“ข่าวไท” 25 พฤษภาคม 2535 หน้า 36

มีการแถลงทางทีวี ว่าตามที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีแจ้งทางโทรสาร และโทรศัพท์ ไปยังสถานที่ต่างๆ ว่าทหารได้คุมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไว้แล้ว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด…และบอกว่า โทรสารและโทรศัพท์ที่แจ้งไปยังที่ต่างๆ นั้น เพื่อให้ประชาชนมาชุมนุมกันที่สนามหลวง ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ เพื่อช่วยเหลือพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวนี้

ทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ แม้กระทั่งอาจเอื้อมถึงพระประมุข

มีทั้งขบวนการปล่อยข่าวลือ ใบปลิว โทรสาร และโทรศัพท์ เพื่อเรียกประชาชนให้ออกมา (เป็นเหยื่อ) ให้มากที่สุด ทำให้รัฐบาลและทหารถูกเกลียดชังให้มากที่สุด และยังมี “กองหน้า” & หน่วยจรยุทธ์ก่อการจลาจลทั่วเมือง เพื่อถล่มพลเอกสุจินดาคนเดียวให้ออกให้ได้ เมื่อนายกฯ ออก รัฐบาลก็ต้องล้มตามกฎหมาย ก็จะได้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ทันใจ ผู้กระหายจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินก็จะสมหวัง บนความพินาศย่อยยับของชาติบ้านเมือง ใช่หรือไม่?

“แนวหน้าสุดสัปดาห์” ฉบับที่ 9 29-4 มิถุนายน 2535 หน้า 21

หัวข้อ ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ที่เห็นชัดเจนคือ กรมสรรพากร กรมประชาสัมพันธ์ สน.นางเลิ้ง กองบังคับการสวัสดิการเยาวชนของตำรวจถูกเผาย่อยยับ ทั้ง 4 หน่วยงาน จะต้องหาเงินงบประมาณมาสร้างตึกที่ทำการใหม่ โดยเฉพาะกรมสรรพากร ที่ห่วงมากที่สุดคือเอกสาร ในเรื่องคดีความระหว่างสรรพากร กับผู้ที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง และเอกสารการตรวจสอบภาษีต่างๆ ที่ไม่ได้เข้าไมโครฟิล์ม จะหาทางแก้ไขอย่างไร

ทางสรรพากรได้เสนองบประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างตึกแห่งใหม่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ส่วนกรมประชาสัมพันธ์ สถานีตำรวจ และกองสวัสดิการ คงต้องเตรียมงบประมาณเพื่อสร้างตึกใหม่ด้วยเช่นกัน จะเป็นเงินกี่ร้อยล้านที่ต้องเสียงบประมาณแผ่นดิน

ป้อมตำรวจ 43 แห่ง สัญญาณไฟจราจร 67 แห่ง รถตำรวจ 37 คัน รถดับเพลิง 4 คัน รถพยาบาล 5 คัน ตู้โทรศัพท์ 180 ตู้ สายไฟหม้อแปลง ต้นเสาไฟกินรีที่ราชดำเนิน วิทยุสื่อสารติดต่อของตำรวจ 63 รายการ รถ ขสมก. 19 คัน

ทั้งๆ ที่มีหลักฐานความพินาศของบ้านเมืองปรากฏชัดเจน ยังถูกชี้นำ กลบเกลื่อนว่าทหารปราบปรามประชาชนมือเปล่า ฆ่าประชาชนที่ชุมนุมอย่างสันติ ยิ่งเมื่อความพินาศของบ้านเมืองหายไปจากการซ่อมแซม ความจริงยิ่งพลอยหายไปด้วย จึงเห็นประโยชน์จากรายงานของสื่อที่เป็นหลักฐานชั่วกาลนาน

ว่าเกิดการจลาจลทั่วกรุง โดยขบวนการมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเคลื่อนที่เร็วตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องฉุกเฉินเฉพาะหน้า วางแผนอื่นไม่ทัน แต่ทหารก็จำเป็น มีหน้าที่ต้องระงับเหตุเพื่อรักษาบ้านเมือง ไม่ให้ลุกเป็นไฟ กลายเป็นแดนมิคสัญญี จึงได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับทหารของชาติบ้าง