บทความพิเศษ : ความจริงที่หายไปในพฤษภา’35 (ตอน13)

ตอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
โดย “มือเก่า”

21.50 น. กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งสงบกางเกงขาสั้นและเสื้อสีส้ม เรียกกันว่าเป็น “กองหน้า” ของกลุ่มผู้ประท้วง ใช้ขวดน้ำขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยฝ่ายตำรวจยังคงใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำสกัดกั้นเอาไว้…

22.00 น. กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งเรียกว่า ส่วน “กองหน้า” บุกเข้ายึดรถดับเพลิงของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แล้วก็ใช้น้ำฉีดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้แถวของตำรวจหลบชุลมุน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการ ยึดรถดับเพลิงคืน ตำรวจจึงบุกเข้ายึดรถดับเพลิง โดยใช้กระบองกระหน่ำตีกลุ่มที่ยึดรถ กระทั่งสามารถช่วงชิงรถดับเพลิงกลับคืนมาได้

มติชน ก็รายงานว่า ผู้ชุมนุมมี “กองหน้า” (มือเก่า)

23.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา ตรงบริเวณกรมโยธาธิการ เป็นระยะๆ…

23.37 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ได้ใช้ขวดใส่น้ำมัน และจุดไฟ ขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตรึงอยู่บริเวณถนนหลานหลวง หน้ากรมโยธาธิการ เจ้าหน้าที่ตำรวจพากันวิ่งหลบชุลมุน

23.40 น. ที่สะพานผ่านฟ้า มีประชาชนจำนวน 200 คน อ้อมมาด้านสถานีตำรวจนางเลิ้ง แล้ววกมาทางสะพานผ่านฟ้า และได้ล้อมตำรวจที่ยืนประจำที่สะพานผ่านฟ้าไว้ และแสดงความยินดี โห่ร้อง ที่สามารถโอบล้อมตำรวจได้ โดยทหารจาก ม.พัน 4 รอ. ซึ่งอยู่ด้านหลังฝูงชนที่โอบล้อม ได้ถอยหลังออกมาเล็กน้อย และนั่งลง

ผู้ชุมนุม มือเปล่า!

ไม่มีมีด ไม่มีไม้ มีแต่ระเบิด! (มือเก่า)

“มติชน” 19 พฤษภาคม 2535 หน้า 17

พ.อ.บัญชร กล่าวว่า เวลา 22.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม 200 คน ได้เข้ายึด สน.นางเลิ้ง และสถานีดับเพลิงภูเขาทอง และได้เผาทรัพย์สินของราชการ และรถของทางราชการหลายสิบคัน นอกจากนี้ ยังฉกฉวยทรัพย์สินของราชการ เช่น อาวุธปืน ทำให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก ทางกองกำลังทหารและตำรวจได้ตั้งกำลังป้องกัน ในลักษณะตั้งรับ ไม่ได้มีการตอบโต้…

เวลา 02.16 น. เหตุการณ์ได้รุนแรงถึงที่สุด เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา สน.นางเลิ้ง และปล่อยตัวผู้ต้องหาออกไปทั้งหมด

แผนเยี่ยม ยึดสถานีตำรวจก่อน

ได้ทั้งปืน และได้โยนบาปให้รัฐบาล (มือเก่า)

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาคมทมิฬ หน้า 56

21.35 น. … ประชาชนส่วนหน้า ที่เคลื่อนขบวนเป็นชุดแรก เดินทางมาถึงบริเวณสะพานผ่านฟ้า เผชิญหน้ากับกองกำลังตำรวจ ที่พยายามวางสิ่งกีดขวางไม่ให้กลุ่มชนเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้า

ทันใดนั้น ได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าไปรื้อสิ่งกีดขวาง และกระชากโล่ในมือตำรวจ โดยกลุ่มรถจักรยานยนต์นำหน้าขบวนหลายร้อยคันได้พร้อมใจกันพ่นควันจากท่อไอเสียใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขณะที่ประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ใช้ไม้กระแทกสิ่งกีดขวาง

“ผู้จัดการ” ก็รายงานตรงกัน ว่าประชาชน “ส่วนหน้า” เป็นฝ่าย “ก่อเหตุ” และผู้ชุมนุมมีจักรยานยนต์หลายร้อยคัน อยู่ในขบวน (มือเก่า)

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาคมทมิฬ หน้า 59-60

ต่อมามีรถตู้สีเทา ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 6 ฌ-6348 กทม. ได้พุ่งชนสิ่งกีดขวาง ลากสิ่งกีดขวางออกมาได้…

ขณะเดียวกัน มีบรรดาประชาชนกลุ่มหนึ่ง ได้ชักชวนกันอ้อมไปทางด้านหลังของธนาคารกรุงเทพ เพื่อขึ้นสะพานข้ามคลองวัดปรินายก ไปยังหลังแนวตำรวจ ทหาร ไปยังบริเวณถนนราชดำเนินนอก เป็นผลให้มีประชาชนจำนวน 20,000 คน ทะลักเข้าไปยังบริเวณดังกล่าว สร้างความพะวักพะวงให้กับตำรวจ-ทหาร ที่บริเวณผ่านฟ้า

23.17 น. ได้เกิดจลาจลที่บริเวณคลองมหานาค เป็นผลให้เหตุการณ์ชุลมุน ทำให้รถและข้าวของชาวบ้านในย่านดังกล่าวเกิดความเสียหาย ชาวบ้านได้นำรถเข็นใส่เชื้อเพลิงจุดไฟเผา วิ่งเข้าใส่แนวกั้นตำรวจ เกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณรั้วลวดหนาม กระทั่งตำรวจต้องนำรถดับเพลิงเข้ามาดับไฟ บรรดาชาวบ้านยังได้นำประทัดมาจุดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ

ชุมนุมอย่างสงบ!! (มือเก่า)

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาคมทมิฬ หน้า 63

00.45 น. … ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นตรงบริเวณสะพานผ่านฟ้า โดยมีกำลังตำรวจวิ่งกรูกันเข้าไปยังบริเวณที่เกิดเสียงดัง แต่หลังจากวิ่งไปถึง ตำรวจกลุ่มนี้ได้แตกฮือกลับมายัง สน.นางเลิ้ง

ช่วงนี้ ได้มีชายวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 20 คน โพกผ้าสีดำ ได้วิ่งกรูตามตำรวจและทหารมาด้วย โดยชายกลุ่มนี้ได้เผารถตำรวจ และรถดับเพลิง รวมทั้งรถพยาบาล และรถที่จอดในบริเวณใกล้เคียงกันจ้าละหวั่น

อิทธิฤทธิ์ ของ “กองหน้า” (มือเก่า)

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาคมทมิฬ หน้า 64

เวลา 01.30 น. สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ออกประกาศของกระทรวงมหาดไทย

“ห้ามมิให้มีการชุมนุมกันเกิน 10 คน ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ตั้งแต่เวลา 00.30 น. วันที่ 18 พฤษภาคม เป็นต้นไป

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาคมทมิฬ หน้า 65

02.07 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนส่วนหนึ่งพยายามพังเข้าไปในกองกำกับการตำรวจสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน กับ สน.นางเลิ้ง รวมทั้งขว้างปาขวดและก้อนหินเข้าใส่ตำรวจที่หลบอยู่ในสถานที่ทั้งสอง

02.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลบอยู่ในกองกำกับการตำรวจสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ได้พยายามหลบหนีออกมาทางด้านหลังกองกำกับการ เช่นเดียวกับตำรวจที่ สน.นางเลิ้ง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของประชาชนที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้า ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกไป ฝูงชนได้บุกเข้าไปทุบกระจกภายในกองกำกับการ และ สน.นางเลิ้ง หลังจากนั้น ได้จุดไฟเผากองกำกับการ กับ สน.นางเลิ้ง ทันที

นอกจากเผาตัวอาคารแล้ว ฝูงชนที่โกรธแค้นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้เผารถตำรวจทั้งสิ้น 11 คัน รถดับเพลิง 3 คัน

ชุมนุมโดยสงบ! (มือเก่า)

“ผู้จัดการ” ฉบับพฤษภาคมทมิฬ หน้า 69

04.05 น. … สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้ออกภาพข่าวเหตุการณ์จลาจลเป็นครั้งแรก โดยเนื้อข่าวระบุว่า ประชาชนได้ก่อการจลาจลที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า ฝ่าลวดหนามเข้าสู่ถนนนครสวรรค์และราชดำเนินนอก โดย พล.ต.จำลอง ซึ่งยืนอยู่บนรถคันหนึ่ง ไม่ได้ห้ามปรามให้อยู่ในความสงบ โดยกลุ่มผู้ก่อการจลาจลใช้ผ้าโพกหัว มีอักษรสีขาว คนกลุ่มดังกล่าวได้ทำลายเผารถ และสถานที่ราชการ โดยขาดความยั้งคิด

“ดอกเบี้ย” ประชาธิปไตยเลือด หน้า 70-74

01.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับตำรวจ ทำให้ถอยร่นไปทางหลานหลวง ตำรวจ 4 นายที่ถูกล้อมกรอบ ซึ่งประชาชนกลุ่มนั้นได้ร้องถามว่า ใช่ตำรวจหรือไม่ ตำรวจร้องอย่าทำผมเลย มีคนเข้ามา และตะโกนว่า ถ้าไม่ใช่ตำรวจให้ถอดกางเกง ตำรวจทั้ง 4 นาย ก็ยอมถอดกางเกงออกแต่โดยดี

น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้พกปืน
ตลอดคืนวันที่ 17
จึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ (มือเก่า)

“ดอกเบี้ย” ประชาธิปไตยเลือด หน้า 70-6, 70-8, 70-9

04.03 น. (เช้ามืดวันที่ 18) ทหารประมาณ 400 นาย เคลื่อนกำลังถึงหน้า ททท. (สี่แยกจักรพรรดิพงษ์) มีวันรุ่นตะโกนถาม “มายิงใครวะ” ทหารเคลื่อนขบวนเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมทั้งตะโกนว่า “กลับไปนอนเสีย”

05.49 น. ทหารไล่ประชาชนและนักข่าวออกจากบริเวณหน้าอาคารสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน ว่า ถ้าไม่กลับบ้านจะดำเนินการจับกุมขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

05.50 น. พล.ต.ประภาส ศกุนตนาค อ่านแถลงการณ์ของรัฐบาล ว่า รัฐบาลพยายามระงับไม่ให้ลุกลาม แต่กลุ่มบุคคลไม่หยุดการกระทำ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการเด็ดขาดเข้าระงับเหตุการณ์ เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติโดยเร็ว

06.37 น. พล.ต.ประภาส ศกุนตนาค อ่านประกาศว่า ขณะนี้เกิดการจลาจล และรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน จึงขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่บ้านวันนี้ทั้งวัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ารักษาความสงบเรียบร้อยได้อย่างรวดเร็ว และไม่เกิดความสับสน

ทหารพยายามขอให้ประชาชนกลับบ้าน แต่ไม่เป็นผล ขบวนใหญ่ของ พล.ต.จำลอง ยังอยู่ อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ก่อเหตุ สามารถเข้าปะปน แฝงตัวอยู่ในขบวนได้ (มือเก่า)