บทความพิเศษ : ความจริงที่หายไปในพฤษภา’35 (ตอน17)

ตอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
โดย “มือเก่า”

 

“ร่วมกันสู้” หน้า 14, 17, 181

ใกล้จะถึงรถจี๊ป นายทหารรุ่นน้องยศพันเอกนายหนึ่ง แต่งกายชุดสนาม ยกมือขึ้นทำความเคารพ พร้อมกับพูดว่า “พี่ลอง ผมขอโทษ” แล้วเดินนำไปขึ้นรถ

คืนนั้น ตำรวจจะให้ผมนอนในห้องรับแขก ซึ่งเป็นห้องแอร์ ผมไม่เอา ขอไปนอนในห้องขังเหมือนกับผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นๆ ที่ถูกจับมา ตำรวจก็ยอม

…ผู้ควบคุมผม ไม่ว่าจะเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือนายสิบ ให้เกียรติผมในฐานะเป็นนายทหาร ทั้งการพูดจา และแสดงกิริยามารยาท คอยถามไถ่อยู่เสมอ ว่าผมขาดอะไรบ้าง

ส่วนอาหารการกินสะดวก เพราะผมกินมื้อเดียว เขาทำอาหารมังสวิรัติให้ทุกวัน ผมกินได้ นอนหลับเป็นปกติ เสื้อกางเกงสำหรับใส่นอน แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และรองเท้าแตะ จัดหาไว้ให้พร้อมเพรียง ทหารทุกคนให้เกียรติ ทำความเคารพทุกครั้ง

ท่านกล่าวหาทหาร ทั้งๆ ที่ท่านก็ได้ประโยชน์จากการครองยศทหารของท่าน (มือเก่า)

ข่าวพิเศษ 5-11 มิถุนายน 2535

บันทึกคำให้การของ พ.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา

จากนั้นผมก็นำกำลังกลับมาอีกครั้ง

ตอนที่เขาควบคุมตัว พล.ต.จำลอง แล้ว ตอนนั้นเขาก็เอาคนขึ้นรถไป ซึ่งผมยืนยันได้ว่า ไม่มีใครเสียชีวิต

ประมาณบ่าย 5 โมง เขาก็เริ่มคลี่คลายจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปถึงโรงแรมรอแยล ภาพที่เห็นคือ ทหารยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วไล่คนไปเรื่อยๆ พอตอนหลัง ประชาชนรู้ว่าไม่ยิงจริงก็ไม่กลัว เอาขวดน้ำ หิน เศษกระเบื้องขว้าง และด่าใส่ทหาร ภาพที่คนกลัวเสียงปืนก็หมอบ ถูกนำไปตัดต่อ แล้วบอกว่าถูกยิงเป็นใบไม้ร่วง ทำให้ถูกเข้าใจผิดอย่างมากเลย กำลังของผมก็นอนอยู่แถวนั้น นอนตากน้ำค้างกันกลางถนนเลย

วันที่ 18 จนกระทั่งจับ พล.ต.จำลอง
ยังไม่มีการปราบปราบ
จึงยังไม่มีการเสียชีวิต (มือเก่า)

เหตุการณ์หน้าโรงแรมก็ตรึงกันอยู่ มีการใช้เครื่องขยายเสียง ขอให้สลายตัวกลับบ้าน ก็ไม่มีใครฟัง นั่งตรึงกันอยู่ พอดึกๆ เริ่มมีเผาขึ้นอีก จุดที่น่าสนใจคือ มีกลุ่มจักรยานยนต์ เที่ยวไปยึดรถเมล์มา เริ่มยึดรถขนข้าวของทหารอากาศมาเผา จากจุดตรงนี้แหละครับที่มีการยิง ถ้าดูวิดีโอจะเห็นว่า ทหารเขาถอย ถอยมาประมาณ 3-4 ร้อยเมตร จะเห็นว่าทหารหลีกเลี่ยงการปะทะมาตลอด แต่การยั่วยุและเผารถทหารยังมี ที่สำคัญที่สุด คือการใช้รถพุ่งชนเข้ามา อันนี้แหละที่เป็นเหตุสุดวิสัย จุดที่เรายิง คือ กลุ่มรถ และยิงไปที่ยางรถ บนรถเมล์คนตั้งเยอะ จะเห็นภาพว่า เขานั่งโบกธงอยู่ตั้งนาน ระยะแค่นี้ทหารยิงเป้าเล็กๆ ยังยิงกระจุยเลย ถ้าเขาตั้งใจยิงแล้วเนี่ย คุณจะมีเวลามาโบกสักกี่นาที…นักข่าวไปออกทีวี ตัดต่อเฉพาะตอนเรายิง เรามีการใช้กระสุนตั้งแต่รุ่งเช้า ไม่มีใครตายเลย ควบคุม พล.ต.จำลอง มีคนตายมั้ย ไม่มีเลย

พ.ท.ไพบูลย์ ยืนยันว่า เริ่มมีการยิง เมื่อมีขบวนมอเตอร์ไซค์ปรากฏออกมาป่วนเมืองในเวลากลางคืน ยึดรถเมล์พุ่งชนทหาร และกลุ่มรถจักรยานยนต์ เป็นกลุ่มที่ไปยึดรถเมล์ (มือเก่า)

ปัญหาคือว่า ฝูงชนเจ็บตรงไหน แน่นอนบนรถเมล์ เจ็บ อาจจะมีตาย ผมว่ามีตายแน่ ลองกระสุนที่เรายิงไปที่ยาง ไปที่เหล็กมันแฉลบ เราพูดว่า อย่าเข้ามาๆ แล้วทหารก็ถอยมาตั้ง 200-300 เมตร เราไม่ได้เจตนา จะทำอย่างไร รถพุ่งมาทหารเขาตายมั้ย ทหารเขาตายเป็นนะ รถกี่คัน 5-6 คันที่ส่งเข้ามา แล้วเอารถก๊าซมา รถน้ำมันมา ทหารเนี่ยตื่นตระหนกมากเลย…ผมอยากให้คุณเข้าใจ ไม่ใช่ทหารตั้งใจยิงประชาชน

ทหารมีหลายชั้น ข้างหลังก็ยิงเหมือนกัน แต่ยิงขึ้นไปข้างบน ทหารข้างหน้าเขาก็อยู่ ถ้าเขายิงก็ต้องตายแล้ว จะเห็นว่าเขายิงขึ้นข้างบนเป็นสายๆ คนอยู่ในเหตุการณ์ก็จะเห็น เจตนาทหารจะฆ่าประชาชนหรือ เหตุการณ์คับขันอย่างนั้น ต้องเข้าใจความรู้สึกของเขาด้วยว่า ทั้งรถก๊าซ รถเมล์ที่พุ่งเข้ามา…นี่มันไม่ใช่การชุมนุมอย่างสันติ…

แต่ผู้นำการชุมนุม บอกว่า ผู้ประท้วงชุมนุมอย่างสันติ (มือเก่า)

เมื่อผมไปอยู่ที่ทำเนียบฯ ผมสงสารทหารมาก เพราะถูกด่าทั้งวัน ด่าพ่อล่อแม่บ้าง ด่าเสียดสีเย้ยหยัน…ทหารบางคนลูบหัวยังไม่ได้เลย เพราะเขาถือ มันเป็นประเพณีบ้านเขา แต่นี่ต้องมาฟังเขาด่า

ตอนที่ผมควบคุมหัวโจกได้ 5 คน จนกระทั่งหน่วยของผมถูกยิงจากบนภูเขาทอง…คุณอย่ามายั่วยุทหารเลย ด่าแม่ทหารเนี่ย ชี้หน้าด่าทหาร เขามีศักดิ์ศรีนะครับ

ผมก็ถามพวก 5 คนว่า ผมจะบ้วนน้ำลายรดหน้าคุณ 5 คน เหมือนกับพวกคุณทำกับพวกผม คุณเอาไหมครับ ตอบไม่เอาครับ แล้วคุณทำทำไม คุณเอาพวกมากมาเฮๆ ทหารฟาดตูมไป คุณบอกว่าทหารทำผมมือเปล่า แต่ปากคุณไม่เคยได้หยุดเลย

ผมถามว่า เหตุการณ์สำคัญ อย่างทหารเอาศพขึ้นรถยีเอ็มซี จะไม่มีใครถ่ายไว้ได้เชียวหรือ แม้กระทั่งยิงกันทีวียังจับได้หมดเลย ยิงเสร็จเอาศพขึ้น ทำไมทีวีไม่ถ่าย หลักฐานขนาดนั้น ทำไมไม่มีภาพออกมาสักภาพหนึ่ง นักข่าวอยู่ตลอด แม้กระทั่งทหารเคลียร์บนโรงแรม ทหารเตะมาจากโรงแรม ภาพข่าวที่ออกมา กล้องเป็นสิบๆ เป็นร้อยๆ ตัว แล้วขนศพทำไมคุณไม่ถ่าย

ผมรู้ว่า การกล่าวทหารใช้ความรุนแรง สิ่งนี้มันต้องเกิดขึ้นทันทีที่เสียงปืนดังก้องขึ้น

ถ้าเราท้อแท้ คนดีท้อแท้ สังคมก็หมด…

ข้อกล่าวหาที่ว่า ทหารขนศพไปทิ้ง ไปซ่อน คำตอบคือ มีนักข่าวอยู่ด้วยตลอด และกล้องนับสิบนับร้อยบันทึกเหตุการณ์ไว้ทุกอย่าง แต่ทำไมภาพทหารขนศพขึ้นรถจึงไม่มีสักภาพเดียว เมื่อไม่มีการขนย้ายแล้วจะเอาไปซ่อนได้อย่างไร (มือเก่า)

ทหารรู้ดีว่า ถ้ามีการใช้ความรุนแรง ก็มีแต่เสียเปรียบ ดังนั้น จึงไม่มีการปราบปราม จนกระทั่งสถานการณ์บังคับในคืนวันที่ 18

“สยามรัฐ” 22 พฤษภาคม 2535 ฝันร้าย 15 ชั่วโมงในสยามรัฐ หน้า 4-5 (วันที่ 18) เวลาประมาณ 13.00 น. ได้ข่าวจากศูนย์ข่าวฝ่ายรัฐบาล จะเข้าสลายม็อบราชดำเนินกลาง โดยจะเริ่มตั้งแต่ 15.00 น.

…ทหารได้ประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เดินออกนอกพื้นที่ ไปทางสะพานผ่านพิภพลีลา ซึ่งก็มีประชาชนจำนวนหนึ่งทยอยเดินออกไป และเจ้าของรถที่จอดไว้ตรงเกาะกลาง ได้นำรถของตน เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่

เวลา 15.00 น.เศษ เสียงปืนด้านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยดังขึ้นอย่างถี่ยิบ ทหารได้ยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อขู่ม็อบให้สลาย จะได้เข้าจู่โจมจับตัว พล.ต.จำลอง

ทันทีที่เสียงปืนสงบลง ก็มีเสียง พล.ต.จำลอง นำกลุ่มผู้ประท้วงร้องเพลงสดุดีมหาราชา แต่เมื่อเพลงจบลงก็มีการยิงขู่อีก ในที่สุด ก็สามารถจับตัว พล.ต.จำลอง ไปได้

ทหารประกาศเตือนทุกครั้ง ก่อนจะปฏิบัติการ (เหตุการณ์วันที่ 18 พฤษภาคม 2535 จากสื่อ ที่อยู่ใจกลางเหตุการณ์)

หลังจากทหารนำ พล.ต.จำลอง ไปแล้ว กลุ่มผู้ประท้วงยังชุมนุมกันอยู่ ในที่สุด ทหารจึงใช้วิธีเดินเรียงหน้ากระดาน มีตำรวจพลร่มถือโล่ เดินเป็นแถวหน้า จากนั้นก็กระหน่ำปืนขึ้นฟ้า นับหมื่นนับแสนนัด

เหตุการณ์กระหน่ำปืนขึ้นฟ้า ยุติเอาเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.เศษ ทั้งทหารและตำรวจ ต่างตั้งแนวพักอยู่บนถนนราชดำเนินกลาง

(วันที่ 18) จนค่ำมืดเข้าปกคลุม รถเสบียงของทหารได้เคลื่อนที่ผ่านมาทางหน้ากรมประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสบียงให้กับเหล่าทหาร แต่ก็ถูกกลุ่มม็อบจู่โจมยึดรถไปเผาทิ้ง

ยิ่งมืด สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย กลุ่มม็อบได้ไปยึดเอารถประจำทางมาประมาณ 6-7 คัน ปิดกั้นถนนราชดำเนินกลาง…ในขณะที่ผู้ประท้วง แสดงทีท่าว่าจะใช้รถเมล์เข้าปะทะนั้น ฝ่ายทหารได้ประกาศให้อยู่ในความสงบ พร้อมกับแจ้งให้รับรู้ว่า ถ้าหากมีการเคลื่อนย้ายรถเมล์เข้าปะทะ ฝ่ายทหารจะใช้อาวุธปืนเข้าสกัด

แต่การข่มขู่ของทหารไม่เป็นผล ในที่สุดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.เศษ เมื่อขบวนรถเมล์เคลื่อนที่เข้าปะทะทหารที่นั่งพักผ่อน แถวราชดำเนินกลาง พากันยิงปืนเข้าสกัดสนั่นหวั่นไหวไปหมด กลุ่มนักข่าวทั้งของสยามรัฐ และสำนักอื่นที่ออกันอยู่หน้า สนง.สยามรัฐ ต่างก็เข้าหาที่กำบังกันจ้าละหวั่น ส่วนใหญ่ตะเกียกตะกายขึ้นมาหลบบนกองบรรณาธิการ

ยิ่งดึก สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด เพราะฝ่ายม็อบได้นำเอารถน้ำมันไฟลุกท่วม แล่นเข้าถนนราชดำเนินกลาง ฝั่งกองสลาก เป้าหมายคือ การเผากองสลากให้ราบ

พ้นจากรถน้ำมัน ก็มีพี่อีกท่าน แจ้งให้ทราบผ่านทางหัวหน้าช่างภาพ ว่าได้มีการจี้เอารถก๊าซไว้แล้ว 2 คัน แต่ไม่รู้ว่าจะไปโผล่กันที่ไหน พวกเราได้แต่หวั่นใจ ห่วงทั้งตัวเองและญาติพี่น้องที่อยู่ทางบ้าน…

เหมือนกับว่า เรายังเครียดกันไม่พอ ไม่กี่นาทีต่อมา ไอ้รถบ้าที่เรากลัวนักกลัวหนาก็มาโผล่ให้เห็นเป็นรถสีขาว ลักษณะเดียวกับรถบรรทุกน้ำมัน และรถก๊าซ เขียนไว้ชัดเจนว่า วัตถุไวไฟ

นักข่าวที่ดูเหตุการณ์อยู่ในสำนักงานยังเครียด
แล้วทหารที่ถูกรถพุ่งชน จะรู้สึกอย่างไร (มือเก่า)