บทความพิเศษ : ความจริงที่หายไปในพฤษภา’35 (ตอน22)

ตอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21
โดย “มือเก่า”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

…ที่แปลกใจก็อาจมี ว่าทำไมเชิญ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพราะว่าอาจมีผู้เป็นตัวแสดงตัวละครมากกว่านี้ แต่ที่เชิญมาตั้งแต่แรกมีเหตุการณ์ ท่านสองท่านเป็นผู้ที่เผชิญหน้ากัน ในที่สุดเป็นการต่อสู้…ถึงได้เชิญสองท่านมาภายหลังสิบกว่าวัน การเผชิญหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เสียทั้งนั้น ทำให้มีความเสียหายทางชีวิต เลือดเนื้อ ของคนจำนวนมากพอสมควร แล้วก็ความเสียหายทางวัตถุ ซึ่งเป็นของส่วนราชการและส่วนบุคคล เป็นมูลค่ามากมาย นอกจากนั้น ก็มีความเสียหายในทางจิตใจ และในการเศรษฐกิจ ของประเทศชาติ อย่างที่จะนับพรรณนาไม่ได้

ฉะนั้น การที่จะเป็นไปอย่างนี้ต่อไป…เผชิญหน้ากันแบบนี้ต่อไป เมืองไทยมีแต่ล่มจมลงไป ฉะนั้น ต้องแก้ไข โดยที่ดูว่า มีข้อขัดแย้งอย่างไร แล้วก็พยายามที่จะแก้ไขตามลำดับ…

ปัญหาไม่ใช่เรื่องของการเมือง หรือการดำรงตำแหน่ง เป็นปัญหาของการสึกหรอของประเทศชาติ ฉะนั้น จะต้องช่วยกันแก้ไข…

ในที่สุด ก็ได้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเพื่อคนไทยทั้งชาติ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2535

“ดอกเบี้ย” ฉบับประชาธิปไตยเลือด หน้า 86

พล.อ.สุจินดา คราประยูร แถลงหลังเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผมกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าฯ เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ดังที่ปรากฏแก่สายตาผู้ชมโทรทัศน์เมื่อครู่นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า ให้เราทั้ง 2 คน เป็นตัวแทนของทุกฝ่ายที่เผชิญหน้ากัน ให้หันหน้าเข้าหากัน ในการช่วยกันให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข แล้วไปแก้ปัญหากันในรัฐสภา เพื่อจะร่วมมือกันสร้างชาติ และพัฒนาประเทศต่อไป

ในประการแรก จะอนุญาตให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กลับบ้านโดยทันที นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่ร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทางรัฐบาลก็จะได้พิจารณาออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ต่อไป

เมื่อได้ตกลงกัน และประกาศให้ทราบวันนี้ หากยังมีผู้ฝ่าฝืน ก่อความไม่สงบขึ้นอีก ทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชนและบ้านเมือง

“แพรวเฉพาะกิจ” บันทึกเหยื่ออธรรม หน้า 70-72

พอทุกอย่างเรียบร้อย ถึงอนุญาตให้แก้มัดแขนออกได้ ผมเงยหน้าขึ้นดู ตกใจที่เห็นตึกกรมประชาสัมพันธ์ และกรมสรรพากรถูกไฟเผาเสียยับเยิน มีรถดับเพลิงฉีดน้ำอยู่ ถนนราชดำเนินเลอะเทอะไปด้วยขยะ ที่กองกันเป็นพะเนิน สะพานผ่านพิภพลีลามีลวดหนามวางไว้

ระหว่างที่รอขึ้นรถไปสอบสวน ทหารก็กวาดจับคนอื่นๆ มาสมทบอีกหลายคน บางคนที่หนีลงไปในคลองหลอดแช่น้ำครำตั้งหกชั่วโมง ถูกไล่ต้อนขึ้นมา ทหารบางคนก็ทำดีเอาน้ำจากกระติกมาเทใส่ปาก ให้ดับกระหาย และอนุญาตให้ไปฉี่ลงคลอง หรือโทรศัพท์ได้ บางคนก็เบาใจ ชวนทหารพูดคุยใหญ่เป็นการผูกมิตร

ประมาณสิบโมงเช้าของวันที่ 19 พวกเราที่เป็นผู้ชายก็ถูกกวาดต้อนขึ้นรถยีเอ็มซี ร่วมสิบกว่าคันนำไปที่คุมขัง…ขบวนรถขนผู้ถูกจับได้เคลื่อนออกจากโรงแรม ผ่านเส้นทางต่างๆ บนถนนราชดำเนิน ยามนั้นมีแต่ซากความเสียหายและเกลื่อนไปด้วยเศษขยะ จนรู้สึกอดสูใจ…

รถพวกเรามาถึงโรงเรียนตำรวจนครบาลบางเขน ซึ่งมีประชาชนหลายสิบคนยืนรออยู่หน้าประตู โยนน้ำ สิ่งของขึ้นมาให้ พร้อมกับตบมือต้อนรับ และตะโกนให้สู้สู้…รถเข้ามาจอดบริเวณด้านในของโรงเรียนซึ่งเป็นพื้นที่สนามกีฬา แล้วถูกไล่ลงจากรถมานั่งเรียงแถวตากแดด ทั้งๆ ที่ถอดเสื้อ แต่ไม่ได้มัดมือ พวกทหารเขาก็พูดดี ว่าเดี๋ยวกลับแล้ว รอตำรวจนำเรื่องสอบสวน แล้วยังสั่งให้พลทหารเอากระติกไปตักน้ำมาแจก วิ่งไปวิ่งมาหลายสิบรอบ โถ กระติกใบนิดเดียว กับคนร่วมพันคน

ผมนั่งร่วมชั่วโมง จนรู้สึกหัวร้อนไปหมด ทั้งที่เอาเสื้อคลุมหัว เขาก็ไม่ทำอะไรสักที ประมาณเที่ยงก็ไล่เข้าโรงยิมที่แม้จะร่ม แต่อบอ้าวไปหน่อย เข้ามาถึงเห็นเพื่อนๆ ที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ นั่งกันเต็มพื้นสนามไปหมด รวมเบ็ดเสร็จก็ร่วม 3 พันคน แออัดไปหมด

นับแต่วินาทีนั้น พวกเราก็สูญสิ้นอิสรภาพที่จะได้เห็นโลกภายนอกอีกต่อไป ภาระหน้าที่ของพวกทหารก็สิ้นสุดลงเท่านี้ พวกเราอยู่ภายใต้ความดูแลของตำรวจแทน

จากนั้นก็นอน ผมกับเพื่อนๆ คุยกันถึงเรื่องต่างๆ ฆ่าเวลาจนหลับไป สักเที่ยงคืนครึ่ง พล.ต.จำลอง พร้อมตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีก 3 ท่านเข้ามาบอกว่า ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ทุกอย่างกำลังคลี่คลาย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตา ทรงมีพระราชดำริให้แก้ไขปัญหา พร้อมกับขอให้ปล่อยผู้ต้องหาคดีจลาจลนี้ทุกคนในตอนเช้า แล้วจะมีกฎหมายนิรโทษกรรมภายหลัง ในความรู้สึกของคนอื่นๆ คิดว่าคงเช่นเดียวกับผม นั่นคือ ความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นล้นพ้น ขนของผมลุกซู่ด้วยความยินดีตื่นเต้น…ผมนั้นคิดถึงการอาบน้ำเป็นอย่างแรก สองวันเต็มๆ แล้วที่ไม่ได้อาบเลย ตัวนี่เหนียวมอมแมมไปหมด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตาต่อประชาชนของพระองค์ท่าน ผู้ถูกคุมขัง จึงทรงขอให้ปล่อยตัว แต่ก็จะมีกฎหมายมารองรับให้ถูกต้อง พระราชกำหนดนิรโทษกรรมจึงมีขึ้นมา ดังหมายเหตุท้ายพระราชกำหนดฉบับนี้

“แนวหน้าสุดสัปดาห์” ฉบับที่ 9
29 พฤษภาคม-4 มิถุนายน 2535 หน้า 5

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้คือ โดยที่ได้มีประชาชนชุมนุมกันระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2535 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2535 และเหตุการณ์ได้ลุกลาม จนมีการกระทำที่เป็นความผิด และเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคล ทั้งยังเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน รวมตลอดทั้งมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหที่ของรัฐ แต่เมื่อได้คำนึงถึงว่า การกระทำนั้นได้ริเริ่มจากความปรารถนาที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนพึงกระทำได้ ประกอบกับเพื่อให้เหตุการณ์สงบโดยรวดเร็ว และเกิดความสามัคคีระหว่างคนในชาติ จึงสมควรให้มีนิรโทษกรรม แก่บุคคลที่ได้กระทำ หรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าว และโดยที่ในขณะนี้ ได้มีการจับกุมบุคคลเป็นจำนวนมากมาควบคุมตัวไว้ แม้บางส่วนจะได้มีการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งต้องถูกควบคุมตัวอยู่ อันยังผลให้เกิดความเคียดแค้นขึ้นในหมู่ประชาชน และจะนำไปสู่ความไม่พอใจ และชุมนุมต่อต้านขึ้นอีกได้

กรณีจึงเป็นการฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ และป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ขึ้น

จะเห็นได้ว่า พระราชกำหนดนี้ เพื่อประชาชนผู้ชุมนุมล้วนๆ ที่ชุมนุมลุกลามจนมีการกระทำที่เป็นความผิด จนถูกจับกุม

“เดลิมิเรอร์” 20 มิถุนายน 2535 คอลัมน์ “ซัดซาตรี”

…พระราชกำหนด ที่ทรงลงพระปรมาภิไทยแล้ว ฝ่ายค้านและกลุ่มบริวารต่างๆ ได้รวมหัวกันค้านอย่างชนิดไม่มีเยื่อใย คล้ายๆ กับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ฝ่ายตนถูกต้อง ฝ่ายทหาร ตำรวจ ผิดหมด

ความจริง เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทหาร ตำรวจ ไม่ต้องออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมก็ได้ เพราะมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย และกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว

น่าแปลก ผู้ที่ไปแจ้งข่าว พ.ร.ก. ฉบับนี้แก่ผู้ถูกคุมขัง 3 พันกว่าคน ก็คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายตำรวจผู้ใหญ่อีก 3 ท่าน ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขอให้ปล่อยตัวทั้งหมดในตอนเช้า และจะมีกฎหมายนิรโทษกรรมตามมา พล.ต.จำลองเองถูกข้อหากบฏในราชอาณาจักร ถ้าไม่มี พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ก็น่าจะมีโทษหนัก แล้วทำไมยังมีการบิดเบือนให้ร้าย พล.อ.สุจินดา ว่าออก พ.ร.ก. นี้เพื่อประโยชน์ตนเอง & พวกพ้อง ทั้งฝ่ายค้านและนักวิชาการหลายท่านต่างรุมกันคัดค้าน พ.ร.ก. ฉบับนี้ ถึงขนาดเรียกร้องให้สภาคว่ำ พ.ร.ก. ฉบับนี้