บทความพิเศษ : ความจริงที่หายไปในพฤษภา’35 (ตอน16)

ตอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
โดย “มือเก่า”

“มติชน” รายวัน 6 มิถุนายน 2535 (ต่อจากหน้า 1)

เวลา 13.00 น. วันที่ 5 มิถุนายนนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ แถลงข่าว

ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม แม้แต่น้อย…ช่วงที่รับผิดชอบ คือ ม็อบวันที่ 8-11 พฤษภาคม…วันที่ 14 พฤษภาคม มีคำสั่งยกเลิกหน่วยเฉพาะกิจที่ตนรับผิดชอบ…ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม ตนไม่ได้รับมอบหมายแต่อย่างใด ไม่มีอำนาจสั่งการ

พ.ต.ท.ประจวบ เปาอินทร์ น้องชายของผมก็อยู่ที่ สน.นางเลิ้ง ทรัพย์สินส่วนตัวในห้องทำงาน ถูกเผาพินาศจนหมดสิ้น หลานชายก็กำลังเข้าเวรที่สน.นางเลิ้ง ถึงกับต้องถอดเสื้อ หนีเอาตัวรอดออกมา ผมเสียใจมากที่ สน.นางเลิ้งถูกเผา แต่กลับถูกกล่าวหาว่า มีส่วนรู้เห็น จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้สงสัยเกี่ยวกับการถอนกำลังจาก สน.นางเลิ้ง…พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า มีการแอบอ้างและสั่งการจนวุ่นวายสับสน โดยเฉพาะการใช้วิทยุสื่อสาร ซึ่งโดยปกติตนไม่เคยใช้วิทยุสื่อสาร สำหรับสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น

“ร่วมกันสู้” หน้า 176

อีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ตำรวจปวดหัว คือ “ไอ้แหลม” ซึ่งเป็นชื่อเรียกคนที่พูดวิทยุแซงเข้าไปในข่ายการติดต่อสื่อสารของตำรวจ มักจะดัดเสียงเป็นเสียงแหลมๆ วงการสื่อสารตำรวจ และนักวิทยุสมัครเล่นที่ดักฟังการสื่อสารเรียกกันติดปากว่า “ไอ้แหลม”

การดักจับว่า “ไอ้แหลม” …เป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำได้ยากมาก เพราะ “ไอ้แหลม” จะพูดสั้นๆ ไม่ทันให้จับทิศทางได้ แล้วเงียบไป หากถูกขู่ “ไอ้แหลม” จะข่มทันที “ถ้ารู้ว่าผมเป็นใคร พวกคุณจะหนาว”

สงสัยเป็นตำรวจ และอาจเป็นถึง นายพัน! (มือเก่า)

… บางครั้งมันจะปล่อยให้ตำรวจเพลินไปสักพัก วิทยุรับทราบกันเป็นทอดๆ เช่น รามา-ทราบ ผ่านฟ้า-ทราบ พญาไท-ทราบ ดุสิต-ทราบ ฯลฯ พอทุกฝ่ายทราบหมด ได้แหลมก็บีบเสียงพูดเบาว่า แหลมก็ทราบ ไอ้มุขนี้เด็ดจริงๆ

ฝ่ายผู้ชุมนุม สามารถเข้าไปแทรกแซงวิทยุสื่อสารของทางการได้ ดังนั้น จึงสามารถรู้แผน และพลิกแผนของทางการได้อย่างสบายๆ (มือเก่า)

“ข่าวสด” 13 พฤษภาคม 2535 หน้า 21 คอลัมน์ วงค์ ตาวัน

ในสถานการณ์ที่มีการชุมนุมขนาดใหญ่ อันอาจจะเกิดเหตุร้ายได้ทุกวินาทีนั้น การติดต่อสื่อสารทางวิทยุสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยุสื่อสาร บอกว่า เครื่องมือสื่อสารของ “ไอ้แหลม” นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าของตำรวจ มันจึงสามารถตัดคลื่นก่อกวนอย่างได้ผล สูงประสิทธิภาพกว่าของตำรวจเสียอีก

ผู้ที่มีเทคโนโลยีทางการสื่อสารในสมัยนั้นน่าจะยังมีไม่กี่คน (มือเก่า)

“แนวหน้าสุดสัปดาห์” 29 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2535

หัวข้อ สไนเปอร์มีจริง

ฝ่ายทหาร ยืนยันว่า มีสไนเปอร์ออกปฏิบัติการจริง เพราะมีทหารของ ม.พัน 3 รวม 3 คน ถูกลอบยิงจากที่สูง บริเวณใกล้กับโรงเรียนสตรีวิทย์ กระสุนเจาะหลังเท้า และหน่วยล่าของฝ่ายรัฐบาลก็หวิดที่จะได้ตัวผู้ลอบยิงจากที่สูง ดีแต่ว่าวิ่งปะปนฝูงชน หลบออกไปได้เสียก่อน

“ข่าวพิเศษ” สัมภาษณ์ พ.ท.คุ้มฉายา 5-11 มิถุนายน 2535

ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้า ในคืนวันที่ 19 ผมถูกยิงจากภูเขาทอง ไปถามชาวบ้านได้เลย มีนักข่าวอยู่ด้วย ยิงเข้ามา 2-3 นัด ลูกน้องผมวิ่งกระเจิงไปหมด ไปถามพระวัดภูเขาทองได้เลย

“มติชน” 18 พฤษภาคม 2535 (ต่อจากหน้า 22 นาทีต่อนาที)

00.15 น. ที่ถนนบริพัตร ข้างวัดสระเกศ ตำรวจใช้ปืนยิงเข้าไปยังกลุ่มประชาชน ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บทันที 3 คน

01.00 น. หลังจากที่มีการยิงกัน ตำรวจได้ผลักดันผู้ชุมนุมออกไปจากถนนบริพัตร บริเวณวัดสระเกศ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เสียงปืนไม่ได้เริ่มจากตำรวจ จากการสอบถามตำรวจที่เข้ามาเคลียร์พื้นที่ ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีปืน มีแต่กระบองและโล่

“กรุงเทพธุรกิจการเมือง” หน้า 9 (3) และ 10 (4)

04.15 น. บริเวณสะพานผ่านฟ้า ไม่รู้มีใครยิงเข้าใส่ฝูงชน ทหารยังร้องว่า ยิงเข้าไปทำไม

05.44 น. ผู้ชุมนุมมีปืน ยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

พฤษภาคม 2535 มีชายชุดดำยิ่งใส่ผู้ชุมนุมด้วยกัน เพื่อจะให้ทางการเป็น “แพะ” แต่กล้องบันทึกภาพไว้ได้ชัดเจน รัฐบาลเลยรอดตัว แต่พฤษภาคม 2535 มีเพียงคำบอกเล่าจากผู้รู้เห็น แต่ไม่สามารถจับภาพไว้ได้ (มือเก่า)

“มติชน” 19 พฤษภาคม 2535 นาทีต่อนาที “สลายม็อบ”

เวลา 15.01 น. มีชาวบ้านเห็นรถกระบะทะเบียน 1 ฌ 2568 กทม. คาดว่าเป็นของ พล.ต.จำลอง กระจกหน้าแตก วิ่งฝ่าฝูงชนมุ่งหน้าไปทางสะพานผ่านฟ้า แล้วหายลับไป

เวลา 15.10 น. มีรายงานว่า ได้มีการประกาศเรียก พล.ต.จำลอง ไปที่ กก.ลพน. โดยไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใด

เวลา 15.15 น. …ทหารยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้ผู้ชุมนุมแตกตื่นพากันหลบหนี หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารได้นำกำลังบีบกระชับ ขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่น แตกออกไปและทหารยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไว้ได้

เวลา 15.16 น. มีรายงานว่า ไม่พบตัว พล.ต.จำลอง ว่าไปอยู่ที่ใด

เวลา 15.40 น. รายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ควบคุมตัว พล.ต.จำลอง ได้แล้ว โดยนำผ่านไปทางหน้าถนน บก.จร.

“ร่วมกันสู้” หน้า 13

พอเสียงปืนสงบลง ทหารก็กรูเข้ามายืนคุมเต็มพื้นที่ พร้อมกับจ้องปากกระบอกปืน ผมรีบลุกขึ้นนั่งก่อนเพื่อน ให้สัญญาณชูมือขวาขึ้น พร้อมกับร้องตะโกนว่า “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อยู่นี่ จะจับให้มาจับตรงนี้ อย่าไปยิงประชาชน” ทหาร 2-3 นายที่อยู่ใกล้ผมหันมามอง ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ทำอะไร

ตามข่าว มีการประกาศเรียกตัวท่านตั้งแต่ 15.10 น. ถ้าท่านไปมอบตัวตั้งแต่เวลานั้น และพูดเช่นนี้คงเท่กว่าเยอะ แต่กลับมาพบท่านซุกอยู่ท่ามกลางฝูงชนในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา และถ้าท่านห่วงประชาชนจริง ท่านก็ควรยอมย้ายกลับสนามหลวงตั้งแต่เช้าวันที่ 18 ตามที่ทหารขอแล้ว (มือเก่า)

“ร่วมกันสู้” หน้า 21

ตอนที่เสียงปืนสงบ และผมลุกขึ้นนั่งชูมือนั้นเป็นนาทีของการเสี่ยง ขณะที่ทหารจ้องปืนอยู่นั้น อาจจะลั่นไก่ยิงผมก็ได้ เพราะไม่หมอบอยู่กับที่ ลุกขึ้นมารับกระสุนปืนเอง ผมเสี่ยง… แต่การฆ่าตรงนั้นเปิดเผยไปหน่อย ท่ามกลางสายตานับร้อยนับถัน คงปิดข่าวไม่ได้แน่ๆ

เมื่อเสียงปืนสงบ และท่ามกลางสายตาฝูงชน ท่านคงไม่ต้องเสี่ยงหรอก (มือเก่า)

“ร่วมกันสู้” หน้า 13

คนที่อยู่ข้างๆ ทุ่มตัวเข้าทับผมถึง 2 ชั้น เอาตัวเองเข้ากันลูกกระสุน ผมต้องใช้มือแหวกออก ไม่ยอมให้ทับ เพราะยิ่งทับ ยิ่งเป็นกองพูนสูงขึ้น จะเป็นเป้ากระสุนอย่างดี กว่าจะแหวกออกได้หมด ก็เหนื่อยแทบแย่ ผมขอบคุณอย่างยิ่งที่กลัวผมจะถูกยิง ถึงขนาดเสี่ยงชีวิต เอาตัวเข้ากำบังให้ ซึ่งผู้ที่ทับผมนั้น บางคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย

ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วผู้คุ้มครอง 400 คน ระหว่างชุมนุมครั้งแรก 6-12 พฤษภาคม 2535 หายไปไหน และไปทำอะไร ระหว่าง 17-22 พฤษภาคม 2535 (มือเก่า)

“ไทยรัฐ” 5 พฤษภาคม 2535 หัวข้อ 7 วันออกหัว-ก้อย

…พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนจะมีคน 400 คนมาคอยผลัดเปลี่ยน หมุนเวียน คอยป้องกันตนตั้งแต่เย็นวันนี้

“มติชน” 10 พฤษภาคม 2535 หน้า 23

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง …ยังคงปักหลักอยู่ในอาการสงบ ท่ามกลางบริวารกว่า 400 คน คอยดูแลความปลอดภยด้วยความเข้มแข็ง

“ร่วมกันสู้” หน้า 19

ผมขอยืนยันว่า ผมยินดี และจงใจจะให้จับ รัฐบาลยิ่งจับ ก็ยิ่งแพ้

“ร่วมกันสู้” หน้า 21

ไม่ได้จับผมคนเดียว จับไปอีกสามพันกว่าคน แต่ละคนมีญาติพี่น้องนับสิบๆ ร้อยๆ รัฐบาลก็มีศัตรูเพิ่มขึ้นเป็นแสน จะอยู่ได้อย่างไร ยิ่งจับมากขึ้นเท่าใด ยิ่งฉลาดน้อยลงเท่านั้น

“ร่วมกันสู้” หน้า 181

จับผมพร้อมกับผู้ชุมนุม 3,800 คนเศษ ก็นับว่าสติปัญญาของผู้สั่งการ ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองฉลาดน้อย ชนิดคาดไม่ถึงอยู่แล้ว

ขอบคุณ คุณฉลาดมาก ที่เปิดเผยเองว่า ยินดีและจงใจจะให้จับ คนทั่วไปใครจะอยากถูกจับ แต่ถ้าท่านถูกจับอาจเกิดจลาจลทั่วกรุง บีบบังคับให้รัฐบาลต้องปราบปราม เมื่อรัฐบาลใช้ความรุนแรง รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้ขับไล่รัฐบาล บนความพินาศของผู้คนและบ้านเมือง (มือเก่า)