บทความพิเศษ : ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เรียนรู้คุก (10) ช้อน ชั้น ชีวิต

ตอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9

นักโทษมักจดจำขึ้นใจอยู่เสมอว่า สิ่งสำคัญ 3 ประการที่ต้องรักษายิ่งชีพคือ “ช้อน ชั้น ชีวิต”

เพื่อให้เข้าใจว่าสามสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างไร ผมขอพาคุณเข้าสู่ดินแดนสนธยา ที่แม้แต่พระเจ้ายังไม่คาดคิดว่าจะมีสถานที่กักขังคนบาปรวมกันไว้ มนุษย์เรียกสถานที่นี้ว่าคุก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุกในประเทศไทยที่นำคนทำผิดทุกประเภทไม่ว่าผิดมาก ผิดน้อย ผิดครั้งแรก หรือผิดมานับครั้งไม่ถ้วน ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือชั่วร้ายในกมลสันดาน บางคนเคยเป็นอริกันมาก่อน บางคนเป็นคู่คดีกัน ถูกจับมานั่งกินข้าวอาบน้ำเห็นหน้ากันตลอด 24 ชั่วโมง

ในสถานที่แคบๆ ซึ่งมีข้อจำกัดตั้งแต่อิสรภาพไปจนถึงอุปกรณ์การดำรงชีวิต

สิ่งแรกที่นักโทษทุกคนต้องรักษาคือ “ช้อน”

เหตุผลเพราะกิจกรรมในคุกต้องเร่งรีบตามตารางเวลาที่บีบรัด

คุณอาจต้องกินข้าวในถุงพลาสติก ในถาดหลุมของเรือนจำ หรือกินร่วมวงกับเพื่อน ซึ่งจำเป็นต้องมีช้อนเป็นของตัวเอง เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บในคุกมีมากมายและรุนแรง

คงไม่มีใครอยากใช้ช้อนร่วมกับคนที่เป็นวัณโรค ติดเชื้อ HIV หรือคนที่ไอกระด๊อกกระแด๊กโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร

ช้อนจึงเป็นอุปกรณ์ประจำตัวที่นักโทษทุกคนพกไว้เพื่อความอุ่นใจ

ซึ่งตามระเบียบของเรือนจำจะไม่อนุญาตให้ใช้ช้อนโลหะ สเตนเลส รวมทั้งห้ามใช้ส้อม เพราะอาจถูกนำไปดัดแปลงเป็นอาวุธทำร้ายกันได้

นักโทษจึงใช้ได้เพียงช้อนพลาสติกแบบที่โลกภายนอกใช้แล้วทิ้ง

แต่สำหรับที่นี่ต้องเอามาล้างน้ำเพื่อเก็บไว้ใช้ในครั้งถัดไป

โดยเฉพาะนักโทษที่ไม่มีญาติคอยส่งอาหารต้องกินอาหารของเรือนจำที่โรงเลี้ยง หรือที่เรียกว่า “อาหารหลวง” ยิ่งจำเป็นต้องมีช้อนติดตัวไว้เสมอ เพราะช้อนพลาสติกของเรือนจำนั้นอ่อนปวกเปียกจนแทบจะตักอะไรไม่ได้

ช้อนดีมีคุณภาพจึงทำให้คุณได้เปรียบในการตักกับข้าวได้คำใหญ่กว่า รวดเร็วกว่า

หลายคนอ่านถึงตรงนี้อาจคิดในใจว่า กับอีแค่เรื่องตักข้าวมันสำคัญด้วยหรือ?

แต่เรื่องเล็กน้อยนี่ละครับ ที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ภายในคุกเสมอ

นักโทษทะเลาะกันถึงขนาดใช้ปลายช้อนจิ้มคอเพราะแย่งข้าวกันกินมีมานักต่อนัก

อย่างที่สองที่นักโทษจะต้องรักษาคือ “ชั้น”

นักโทษทุกคนจะมีระดับชั้นเป็นตัวกำหนดสถานะ เมื่อเข้ามาในคุกครั้งแรกจะได้เป็นนักโทษชั้นกลาง ต่อไปคือ ดี ดีมาก และเยี่ยม ตามลำดับ

แต่หากเข้ามาโดยพ่วงใบแดงมาด้วย (ใบแดง หมายถึงนักโทษที่เคยติดคุกมาก่อน) จะโดนปรับลดไปชั้นเลว หรือเลวมากก่อนเลย เพราะกรมราชทัณฑ์เห็นว่ายังคงกระทำผิดซ้ำซาก ไม่มีความสำนึก ไม่เข็ดหลาบ เป็นผู้ร้ายโดยสันดาน

นอกจากนี้ บางคดี เช่น คดีฆ่าคนตาย หรือคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ จะถูก “ออฟชั้น” หมายความว่า จะไม่ได้ปรับชั้นหรือถูกแช่อย่างน้อยปีครึ่งถึงสองปีครึ่ง

การปรับชั้นนักโทษจะมีทุก 6 เดือน (มิถุนายนและธันวาคม) โดยขยับไปทีละ 1 ชั้น หากปัจจุบันเป็นชั้นกลางจะปรับเป็นชั้นดี ชั้นดีเป็นดีมาก ดีมากเป็นเยี่ยม

ซึ่งชั้นของนักโทษมีผลอย่างยิ่งต่อการขอพักโทษหรือการขอพระราชทานอภัยโทษ

หากมีโทษต่ำกว่า 2 ปี และเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม เวลามีอภัยโทษก็กลับบ้านได้เลย

หรือมีโทษ 10 ปี จะได้ “ผ่าครึ่ง” เหลือแค่ 5 ปี อิสรภาพอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

นักโทษทุกคนจึงต้องรักษาชั้นเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีพวกนักโทษที่ไม่สนใจชั้น ทำผิดระเบียบวินัยเป็นประจำ โดนจัดอยู่ในชั้นเลวมากโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรจนเรือนจำไม่สามารถจะตัดชั้นลงต่ำกว่านี้ได้ เขาจัดกันให้อยู่ในชั้น “เลวระยำ” (เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเฉยๆ)

พวกนี้ถูกเรียกว่า “ซามูไร” มักออกหน้ารับความผิดแทนคนอื่น รับงานเป็นมือปืน เช่น ไปตีหัวหรือแทงนักโทษคนอื่นๆ รับค่าตอบแทนเป็น…

นักโทษพวกนี้มักจะมีรอยสักเต็มตัวไปจนถึงใบหน้า ไม่สนใจเรื่องออกไปสู่โลกภายนอก เพราะถึงออกไปก็กลับเข้ามาอีกพร้อมใบแดงเป็นหางว่าว

คติของนักโทษพวกนี้คือ “ช่างมัน ชั้นไม่แคร์” (คำว่า ชั้น หมายถึง ชั้นนักโทษ ไม่ได้หมายถึง ฉัน ที่ใช้เป็นสรรพนามเรียกตัวเอง)

นอกจากพวกซามูไรแล้ว นักโทษคนอื่นๆ ทั่วไปพยายามเต็มที่ที่จะไปให้ถึงชั้นเยี่ยม ทางเรือนจำก็มักทำให้การปรับชั้นดูเป็นเรื่องยาก ต้องผ่านการอบรมวิชาชีพ นั่งสมาธิ เพื่อประกอบการพิจารณาเลื่อนชั้น

ยกตัวอย่างเช่น จากชั้นดีเป็นดีมากต้องผ่านการอบรม 1 ครั้ง หรือชั้นดีมากเป็นเยี่ยมต้องผ่านการอบรม 2 ครั้ง และจะต้องไม่ถูกตัดคะแนนวินัยใดๆ

หากมีเรื่องทะเลาะวิวาท เรือนจำสามารถตัดลดชั้นได้ตลอดเวลา

 

สิ่งสุดท้ายที่นักโทษจะต้องรักษา แน่นอนว่าคือ “ชีวิต”

อย่าไปคิดว่าหากคุณเข้ามาอยู่ในคุกแล้วจะไม่ยุ่งกับใคร อยู่ตัวคนเดียวแล้วจะไม่มีเรื่องมีราว เพราะสังคมคุกนั้นสามารถเกิดเรื่องได้ตลอดเวลา

และเมื่อมีเรื่องแล้วมักจะมีความรุนแรงตามมาเสมอ เพราะทุกคนมีระเบิดเวลาอยู่กับตัวซึ่งคือความกดดันที่รอวันปะทุ

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สามารถทำให้มีเรื่องมีราวถึงขนาดฆ่ากันได้

เช่น ในเรือนนอนกลางดึกที่นักโทษนอนเรียงติดกันเป็นแถวตามพื้นจนไม่เหลือที่ว่างให้เดินไปบล็อก (ส้วม) อาจมีนักโทษปวดฉี่ และด้วยความสะลึมสะลือจึงเผลอไปเหยียบแขนนักโทษที่นอนอยู่ เท่านั้นคุณอาจจะได้ดูมวยคู่เอกกลางดึก

หรือแม้แต่การกินข้าวตักปลาทูชิ้นใหญ่กว่า ก็อาจถูกหมั่นไส้จนชกต่อยกันได้

ด้วยทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดในคุก ประกอบกับความบีบคั้นทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ (ภายนอกอาจหมายถึง ครอบครัว ธุรกิจ นักโทษบางคนอยู่นาน เมียก็อาจจะเลี้ยว หมายถึง เมียทิ้งไปมีผัวใหม่) การรักษาชีวิตให้รอดจากในคุกจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแค่เรื่องทะเลาะวิวาทเท่านั้น โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็พร้อมแพร่เชื้อกันง่ายๆ ทั้งโรคเอดส์ วัณโรค โรคสะเก็ดเงิน โรคเรื้อน สารพัดโรคที่คุณอาจไม่เคยรู้เลยว่ายังมีโรคเหล่านี้หลงเหลืออยู่

ไหนจะเรื่องอบายมุขที่เป็นบ่อเกิดความขัดแย้ง

อย่าคิดว่าในคุกไม่มีการพนัน หากมีลูกเต๋าก็เล่นไฮโล มีไพ่ก็เล่นไพ่

แม้แต่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ยังเล่นแมวเดินผ่านว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เครื่องบินที่จะบินผ่านลำต่อไปเป็นสายการบินอะไร (ดูไม่ยากหรอกครับ แอร์เอเชียสีแดง ทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คลองเปรม สถานบำบัด ตั้งอยู่บน ถนนงามวงศ์วาน ใกล้สนามบินดอนเมือง เห็นเครื่องบินขึ้นลงอยู่เป็นประจำ)

นอกจากเรื่องการพนันแล้วยังมีเรื่องแย่งกะเทยกันอีก อย่าคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แทงกันเพราะแย่งกะเทยก็มีมาแล้ว

 

สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายภายในคุกทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ส่งผลไปถึงร่างกาย คนแข็งแรงสุขภาพดีพอเข้าคุกคิดมากก็กลายเป็นอ่อนแอ โรคภัยไข้เจ็บถามหา

หากติดคุกตอนอายุน้อยๆ ก็แล้วไป แต่บางคนดันมาติดเอาตอนแก่ยิ่งไปกันใหญ่

คนภายนอกครอบครัว ลูก เมีย ก็พลอยแย่ไปด้วย

แต่ถึงแม้ปลายทางจะมองไม่เห็นอิสรภาพ ท้ายสุดก็ยังต้องรักษาชีวิตเอาไว้

ช้อน ชั้น ชีวิต จึงเป็นสิ่งที่นักโทษทุกคนหวงแหนตราบเท่าที่ยังชดใช้กรรมอยู่ในกำแพงสี่เหลี่ยมแห่งนี้