3 ปี รัฐประหารพม่า : ทูตพม่าประจำยูเอ็นชี้ ไทยสำคัญมาก จะช่วยสถานการณ์พม่าไม่เลวร้ายไปกว่านี้

3 ปี รัฐประหารพม่า : ไทยสำคัญมาก จะช่วยสถานการณ์พม่า ไม่เลวร้ายไปกว่านี้

โอกาส 3 ปีเหตุการณ์รัฐประหารพม่า Kyaw Moe Tun เอกอัครราชทูตทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ ได้แสดงความเห็นในโอกาสนี้ โดยชี้ให้เห็นถึงความเลวร้ายของระบอบการปกครองพม่าปัจจุบัน และศักยภาพของไทยที่มีส่วนอย่างสูงที่จะช่วยทำให้วิกฤตเบาลง โดยระบุว่า

การสร้างประชาธิปไตยในเมียนมา จำเป็นต้องสร้างประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ ในฐานะที่ไทยเป็นเพื่อนของเมียนมามาอย่างยาวนาน มีประวัติศาสตร์ร่วมกัน มีชายแดนที่ติดต่อกันมากที่สุด ไทยเป็นประเทศที่รองรับแรงงานจากเมียนมาจำนวนมาก ความโหดร้ายของการรัฐประหารในพม่า การจัดการด้วยการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลทหารต่อฝ่ายต่อต้าน ซึ่งขณะนี้เกิดขึ้นอย่างหนัก มีการจับกุมคุมขังผู้ประท้วงนับพันคน มีการประหารชีวิตฝ่ายต่อต้าน

ชาวพม่าไม่ได้ต่อสู้กับอำนาจรัฐบาลทหารอย่างเดียว แต่เขากำลังต่อสู้เพื่ออนาคตของเขาเอง เขาจับปืนเพื่อปกป้องตัวเอง รัฐบาลทหารใช้กำลังประหัตประหารประชาชนพลเรือน มีการเผาทำลายบ้านเรือนประชาชน กองกำลังทหารได้ทำลายวิถีชีวิตประชาชนทั่วประเทศ ความโหดร้ายเหล่านี้ทำให้ประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนต้องจากบ้าน จากครอบครัว

สิ่งที่รัฐบาลทหารพม่าทำ ทำให้สหประชาชาติดำเนินการเก็บหลักฐานเพื่อใช้ดำเนินการทางกฏหมายต่อรัฐบาลทหารเมียนมา นอกจากนี้ รัฐบาลทหารเมียนมายังเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างชัดเจน ต้องมีการสืบสวนสอบสวนกรณีนี้อย่างเข้มข้น จะเห็นได้ว่า การปกครองของรัฐบาลทหารไม่อยู่ในกฏระเบียบใดๆ นอกจากเป็นภัยต่อชาวพม่า ยังเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาค ตอนนี้ชาวเมียนมาเห็นตรงกัน ว่าจะต้องจัดการกับรัฐบาลมหารพม่าอย่างเด็ดขาด ต้องมีการดำเนินการยึดคืนเมืองอย่างเร็วที่สุด มีการยึดอาวุธของรัฐบาลทหารเมียนมาได้จำนวนมาก ขณะนี้รัฐบาลทหารได้กดคนให้เป็นทาส ด้วยการเกณฑ์ทหาร ใช้คนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อปกป้องรัฐบาลทหาร ไม่ได้เกณฑ์ทหารมาเพื่อสู้กับต่างประเทศแต่อย่างใด

ตอนนี้ชาวพม่ายิ่งต้องหนีออกจากประเทศ ซึ่งก็คือประเทศไทย การเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันจึงมีความจำเป็น ประชาชนจำเป็นต้องสามัคคีกันเพื่อให้รัฐบาลทหารล้มลงให้ได้ เพื่อผลประโยชน์ประชาธิปไตยของประเทศ ประชาคมระหว่างประเทศต้องร่วมกันฟื้นฟูความศิวิไลซ์นี้ให้กลับมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเมือง สังคม เพราะรัฐบาลทหารพม่าเป็นต้นทางของปัญหาจำนวนมาก อนาคตของพม่าไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตยอย่างเดียว แต่ต้องมีหลักการอื่นๆเช่น การมีนิติรัฐ การสร้างความรับผิดชอบให้กับสถาบันต่างๆ ที่ปัจจุบันรัฐบาลทหารพม่าปัจจุบันไม่อยากสูญเสียอำนาจเหล่านี้ ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศฟังเสียงชาวพม่าถึงรากฐานของปัญหาในมุมมองของชาวพม่าด้วย 

ขณะที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ประนามและออกแถลงการณ์ต่างๆมากมายนับตั้งแต่มีการรัฐประหารแต่ก็ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติใดๆ จำเป็นต้องใช้การแซงก์ชั่น ลงโทษ ต้องไม่ให้มีการใช้เครื่องบินรบออกมาสังหารประชาชน ต้องมีการนำเนินการทางกฏหมาย

ขณะที่อาเซียนก็ออกฉันทามติ 5 ข้อ เช่น การเรียกร้องให้ปล่อย ออง ซาน ซูจี แต่ก็ไม่มีผลใดๆ อาเซียนอย่างเดียว ไม่เพียงพอในการแก้ปัญหานี้อย่างถาวร รัฐบาลทหารพม่า ไม่เข้าใจภาษาของอาเซียน หรือ สหประชาชาติ แต่รัฐบาลทหารพม่าของมีภาษาของเขา มีแนวทางการทูตของเขาเอง นั่นหมายความว่า ประเทศไทยจึงสำคัญมากในการมีส่วนในการลดความรุนแรงของปัญหานี้

การมีรัฐบาลที่ปกครองตัวเองได้มีความสำคัญ จำเป็นต้องสร้างสถาบันการเมืองที่มีประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งขั้นแรกคือต้องจัดการกับรัฐบาลทหารพม่า หากรัฐบาลเผด็จการพังไปได้ กลุ่มต่างๆในประเทศก็สามารถพาประเทศไปสู่สหพันธรัฐได้ แน่นอน ท้ายที่สุด เราจำเป็นต้องมีกองทัพ แต่ต้องไม่ใช่กองทัพที่ทำร้ายประชาชน

ขณะนี้ประชาชนชาวพม่าต้องการการช่วยเหลือ สิ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศต้องทำคือรักษาชีวิตพลเรือน การใช้มาตรการคว่ำบาตร เช่นเรื่องการทำให้ค่าเงินตกต่ำ การคว่ำบาตรเรื่องค้าอาวุธ การสร้างการเปลี่ยนผ่านอย่างมีสันติภาพ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องสนับสนุนรัฐบาล NUG รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนตามแนวชายแดน การทำให้รัฐบาลทหารอ่อนแอเป็นเรื่องที่จำเป็น ขอแนะนำรัฐบาลไทยและรัฐสภาไทย อยากให้ทบทวนแนวทางความสัมพันธ์กับทหารพม่า ไทยสำคัญมากจริงๆในการจัดการกับวิกฤตและมนุษยธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อให้คนที่ประสบความทุกข์อยู่ขณะนี้ลดลง โดยการช่วยเหลือต้องไม่เลือกปฏิบัติ ทุกฝ่ายต้องปลอดภัย การจะหยุดยั้งการปกครองที่ไร้ความชอบธรรมของรัฐบาลทหารเป็นเรื่องยาก แต่การให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องมีการร่วมมือกับผู้ปฏิบัติในพื้นที่โดยตรง โดยไม่ผ่านรัฐบาลทหารพม่า เพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง

สอง ต้องไม่ให้ความยอมรับรัฐบาลทหารพม่าว่าชอบธรรม เพราะหากยอมรับ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง และสนับสนุนผู้นำที่ชอบธรรมของพม่า เพื่อนำพม่ากับสู่ความปกติ ทั้งหมดจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยเอง รวมถึงขอให้ไทยช่วยเหลือทางการแพทย์ ที่พักพิง และปกป้องการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของผู้ที่หนีรัฐบาลทหารพม่า

“ได้โปรดช่วยเหลือเขาให้อยู่ในไทย ช่วยทุกๆอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อให้เขามีชีวิตได้อย่างภาคภูมิใจ ท้ายที่สุด การต่อสู้ปฏิวัติประชาชน ต้องการความร่วมมือจากไทย เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ หวังว่าไทยจะให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือทำให้พม่าเดินหน้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยในอนาคต” ทูตเมียนมาประจำยูเอ็น ระบุ