ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม 2560 - 4 มกราคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | เสฐียรพงษ์ วรรณปก |
เผยแพร่ |
บางแง่มุมเกี่ยวกับพระพุทธองค์ (19) พระพุทธองค์ทรงเป็นอะไรกับพระเทวทัต
หัวข้อเรื่องนี้ยังกับตั้งคำถามสอบนักธรรมแน่ะ นักธรรมตรีก็คงตอบได้ว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพระศาสดา พระเทวทัตเป็นสาวกรูปหนึ่ง หรือถ้าพูดถึงสถานภาพก่อนหน้านั้น สมัยยังทรงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ก็ทรงเป็นสามีของน้องสาวของพระเทวทัต เพราะเจ้าชายเทวทัตเป็นพี่ชายของพระนางยโสธรา (พิมพา)
ถ้านักธรรมตรีตอบอย่างนี้ก็คงให้สอบได้ แต่บังเอิญว่า มิได้ถามนักธรรมตรี คำตอบจึงอาจจะมิใช่ดังว่ามานี้ ถามว่าคำตอบว่าอย่างไร ไม่ทราบสิครับ
เมื่อไม่นานมานี้ ดูหนังพุทธประวัติฉบับจีน สร้างที่ฮ่องกงเป็นหนังใหญ่ เอาคนจริงแสดงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและพระพุทธเจ้า ไม่แน่ใจว่าดารานำเป็นใคร หนังออกไปทำนองหนังกำลังภายใน เพราะเวลาเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ มีมังกรเหินฟ้าเป็นนิมิตอัศจรรย์
ข้อมูลที่เขาเอามาสร้างหนังน่าสนใจ เขาสร้างให้เจ้าชายเทวทัต เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระนางยโสธรา เมื่อเป็นหนุ่มก็หมายปองสาวงามคนเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะก็คือ พระนางยโสธรา นั้นเอง
มีการประลองฝีมือกันระหว่างเจ้าชายสิทธัตถะกับเจ้าชายเทวทัตหลายครั้งหลายครา สู้กันทีไร ไม่ว่ากระบวนท่าไหน เจ้าชายเทวทัตแพ้ทุกที เหนืออื่นใด เจ้าหญิงยโสธรา มิได้มีความรักให้เจ้าชายเทวทัตแม้แต่น้อย
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช เจ้าชายเทวทัตก็เทียวไล้เทียวขื่อมาจีบ พระนางก็ไม่สนใจ ยังคงจงรักภักดีต่อพระสวามีแม้ว่าจะออกบวชเป็นนักพรตแล้วก็ตาม ทำให้เทวทัตอาฆาตแค้นเจ้าชายสิทธัตถะมาก จึงไปเป็นศิษย์ลัทธิปฏิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนา
ในหนังทำให้เข้าใจเป็นลัทธิผีสางคางแดงอะไรสักอย่างจะว่าเป็นศาสนาพราหมณ์ก็ไม่ใช่ ร่ำเรียนไสยเวทต่างๆ จนมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช ตามไปล้างแค้นพระพุทธเจ้า
ในหนังเรื่องนี้ไม่ให้เทวทัตบวช ให้ไปเป็นอาจารย์ของเจ้าชายอชาติศัตรู ยุยงเจ้าชายยึดบรรลังก์พระราชบิดา แต่ในที่สุดก็แตกคอกัน เทวทัตเองก็ถูกมังกรเหินฟ้า พ่นไฟทำลายวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าชายอชาติศัตรูสร้างให้ พังพินาศ แผ่นดินแยกเป็นเหวลึก เทวทัตตกลงไปในเหว ร้องขอพระพุทธองค์ให้ช่วย พระพุทธองค์เสด็จมาช่วยให้ขึ้นจากเหว โดยฉายรัศมีออกเป็นเกลียวเชือกดึงเทวทัตขึ้นจากเหว
ตอนจบฉายให้เห็นเทวทัตก้มกราบสำนึกผิด เสียงสวดมนต์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ สำเนียงแขกแว่วมา แล้วค่อยจางหายไป
หนังสนุกครับ เสียดายไม่ทราบว่าชื่อเรื่องอะไร
ถ้าถามว่า หนังเรื่องนี้ได้ข้อมูลมาจากไหน ก็คงได้มาจากแหล่งอื่นที่มิใช่ สายเถรวาท เพราะข้อมูลที่ว่า เจ้าชายเทวทัตมิใช่พระเชษฐาของเจ้าหญิงยโสธรานั้น มีบางแห่งพูดถึง และก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน ยังบุคคลอื่นอีกเล่า ใช่ว่าหลักฐานจะลงรอยกันหมดก็หาไม่
ภูมินักธรรมตรีก็บอกว่า เจ้าชายเทวทัตเป็นโอรสเจ้าชายสุปปพุทธะและพระนางอมิตา เป็นพระเชษฐาของพระนางภัททากัจจานา (คือนางยโสธรา) แต่ใน มหาวัสตุ (ชื่อในคัมภีร์นะครับ) บอกว่าเป็นโอรสเจ้าอมิโตทนะ เป็นเชษฐาของเจ้าชายอานนท์หลักฐานในวินัยปิฏกบางแห่งเรียกเทวทัตว่า โคธีบุตร แสดงว่าพระมารดาของท่านชื่อ เจ้าหญิงโคธี เห็นหรือยังว่ายิ่งอ้างหลักฐานกันมาก ก็จะยิ่งไปคนละทาง
และอีกทางหนึ่งก็คือ อรรถกถาธัมมบท (ธัมมปทัฏฐกถา) ภูมิเปรียญ 3 (เก่า) ถึงเปรียญ 6 นั้นแล กล่าวว่า พระเทวทัตแก่กว่าพระพุทธเจ้า
เมื่อพระเทวทัตพยายามเล่นงานพระพุทธเจ้าสารพัดรูปแบบไม่ประสบความสำเร็จ แผนการล่าสุด สั่งปล่อยช้างนาฬาคิรีให้สังหารพระพุทธองค์ ประสบความล้มเหลว ความชั่วร้ายเลยเป็นที่รับรู้กันไปทั่ว แผนการลับครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจ้างนายขมังธนูไปยิงพระองค์ก็ตาม แอบบกลิ้งก้อนหินหมายให้ทับพระพุทธองค์ก็ตามยังไม่มีใครรู้กันสักเท่าไร แต่ที่ฮือฮายิ่งกว่าเหตุการณ์โมนิกา ลูวินสกี้ ก็คือ สั่งปล่อยช้างตกมันไปเหยียบพระพุทธองค์
พระเจ้าอชาติศัตรูเองก็ทรงสำนึกผิดว่า ตนเชื่อคนผิด ทำบาปมหันต์ ได้ตัดญาติขาดมิตรกับพระเทวทัตก่อนหน้านั้นแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างมาประมวลเข้ากัน ประชาชนก็สรุปได้ว่า เป็นฝีมือของเทวทัตแน่นอน
ไม่เพียงแต่พระเจ้าอชาติศัตรูที่ตีตัวออกห่าง ลูกน้องบริวารหลายท่านก็ถอยๆ ออกไป ทำให้จำนวนศิษย์หาผู้ห้อมล้อมน้อยลง เจ้ากูเทวทัตจึงวางแผนสุดท้าย เพื่อกู้ชื่อเสียงหรือเกียรติภูมิคืนมา
ได้โอกาสเหมาะก็เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เสนอข้อปฏิบัติ 5 ข้อที่ เคร่งครัด ให้พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้เป็นข้อบังคับปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ทั่วไปคือ
ขอให้พระทั้งปวงอยู่ป่าตลอดชีวิต ให้อยู่โคนต้นไม้เป็นนิตย์ ให้ใช้ผ้าบังสุกุลเป็นนิตย์ ให้ถือบิณฑบาตเป็นนิตย์ ห้ามฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต
พระพุทธองค์ตรัสว่า ช่างเถิด เทวทัต ใครอยากอยู่ป่าตลอดชีวิต ถือบังสุกุลตลอดชีวิต ฯลฯ ก็ให้เป็นเรื่องเฉพาะตัวไป ไม่ควรบัญญัติให้ทำเหมือนกันทุกรูป เมื่อพระองค์ไม่ทรงอนุญาต ก็เลยถือเป็นข้ออ้างว่า ไหนว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนปฏิปทาเคร่งครัดขัดเกลา ครั้นเราเสนอให้วางกฎเคร่งครัดกลับไม่สนพระทัย อย่างนี้ไม่เคร่งครัดจริงนี่หว่า อะไรทำนองนั้น
แล้วประกาศก้องว่า ใครเห็นด้วยกับเราให้ตามมา มีภิกษุใหม่ไม่รู้พระธรรมวินัยจำนวนมากตามพระเทวทัตไป เธอได้ทีก็ประกาศแยกตนออกจากสังฆมณฑลเรียกว่า สังฆเภท
(พระใหม่เหล่านั้นภายหลังพระสารีบุตรตามไปชี้แจงให้ฟังก็กลับมาตามเดิม)
ชะตากรรมพระเทวทัตหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วนะครับ ไม่จำเป็นต้องเล่าละเอียด ที่ต้องการบอกไว้ตรงนี้ก็คือ ศัตรู ก่อนจะคิดวางแผนประทุษร้ายพระพุทธองค์ต่างๆ อันมีมาภายหลังจากนั้น บ่งบอกความเกี่ยวพันของพระเทวทัตกับพระพุทธองค์
บางอย่างนั้นก็คือ พระเทวทัตกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญบัดนี้พระองค์ทรงแก่เฒ่าแล้ว ขอพระองค์ทรงพักผ่อนเถิด ขอจงมอบพระสงฆ์ให้ข้าพเจ้าบริหารแทนเถิด”
พระนางยโสธราเป็น สหชาต กับพระพุทธองค์ ถ้าพระเทวทัตเป็นพระเชษฐาของพระนางยโสธรา พระเทวทัตก็แก่กว่าพระพุทธองค์สิครับ แล้วทำไมพระเทวทัตจึงพูดว่า “พระพุทธองค์ทรงแก่เฒ่าแล้ว”
นี้ก็แสดงว่าพระเทวทัตมิใช่เป็นเชษฐาของพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่คัมภีร์มหาวัสตุว่า เจ้าชายเทวทัตหมายปองสตรีเดียวกันกับเจ้าชายสิทธัตถะ และถูกหักอกเพราะสาวไม่รัก จนกระทั่งถูกนำมาสร้างหนังพุทธประวัติฉบับจีนก็มีมูลความจริงอยู่บ้างสินะครับ