เปิดโฉมหน้า รัฐมนตรีใหม่ ‘6+1’ ครม.เศรษฐา เสริมทัพ รุ่นเก๋า-แรกรุ่นเสริมเชื่อมั่น

ถูกจับตามาพักใหญ่ ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะรอดในการปรับ ครม. ในยุครัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” หลังบริหารประเทศมากว่า 8 เดือน จนท้ายที่สุดก็กระจ่างตามคาดตามโผที่ออกมา ท่ามกลางข่าวลือสะพัดถึงเบื้องหลังการปรับตำแหน่งมีนายใหญ่อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังเงียบๆ

โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศเผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ออกมาอย่างเป็นทางการ

ปรากฏว่าการปรับ ครม.ในครั้งนี้ มี รมต.คนเก่าถูกปรับออก 4 คน และมี รมต.ใหม่เข้ามาเพิ่มถึง 6 คน มีทั้งคนใหม่หน้าเก่าที่คุ้นหน้าและคนใหม่ถอดด้าม

ที่ว่ากันว่าถูกดันเข้ามาเพื่อหวังดึงกระแสความนิยมจากคนรุ่นใหม่ หลังความนิยมของรัฐบาลเริ่มลดน้อยถอยลงเมื่อเทียบกับฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล

 

6 รัฐมนตรีหน้าใหม่ที่ถูกปรับเข้ามาใน ครม.เศรษฐา 1/1 ในครั้งนี้ มีตั้งแต่สายตรงจันทร์ส่องหล้า อย่าง “พิชัย ชุณหวชิร” ที่เลื่อนขึ้นมาจากที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บุคคลที่อดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คนแห่งบ้านชินวัตรให้ความไว้วางใจมานานแล้ว

เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านการบริหาร การบัญชี ผนวกกับมีเครือข่ายที่แนบแน่นกับวงการธุรกิจชั้นแนวหน้ามานับไม่ถ้วน

ขณะที่สายตรงอีกคน ก็คือมือกฎหมายตระกูลชินวัตร อย่าง “พิชิต ชื่นบาน” หัวหน้าทีมทนายความต่อสู้คดีต่างๆ ให้แก่ครอบครัวชินวัตร มาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทยถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 จนถึงช่วงรัฐประหาร 2557 ช่วงที่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อสู้คดีจำนำข้าว พิชิต ชื่นบาน ก็ทำหน้าที่หัวหน้าทีมทนายความสู้คดีให้โดยตลอด

ยังรวมถึงการเลือกตั้งในปี 2562 ที่มีการแตกสาขาพรรคมาเป็นไทยรักษาชาติ พิชิต ชื่นบาน ก็ได้เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษากฎหมาย ก่อนจะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคในเวลาต่อมา

ทำให้ พิชิต ชื่นบาน ต้องมาทำหน้าที่เป็นคีย์แมนทำงานอยู่เบื้องหลังในการเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กระทั่งถึงจังหวะที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง 2566 พิชิต ชื่นบาน ก็มีชื่อเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แต่สุดท้ายหลุดโผเพราะมีกระแสกังขาเรื่องคุณสมบัติและความเหมาะสมกรณีที่ถูกศาลฎีกาสั่งจำคุกไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล

แต่เมื่อเคลียร์คุณสมบัติได้ ก็ได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เศรษฐา คอยกลั่นกรองข้อกฎหมายสำคัญให้กับนายกฯ ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านกฎหมายในที่สุด

 

ด้าน รมต.ใหม่ถอดด้าม ได้แก่ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” ลูกหม้อเด็กปั้น “ภูมิธรรม เวชยชัย” กับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้มักปรากฏภาพเจ้าตัวคอยตอบคำถามเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ตให้เพื่อไทยมาโดยตลอด

และหลังจากพรรคได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เผ่าภูมิก็มีโอกาสเรียนรู้งานกระทรวงการคลัง ในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนจะได้ขยับขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีช่วยในที่สุด

“จิราพร สินธุไพร” ส.ส.ร้อยเอ็ด 2 สมัย ส.ส.หญิงผู้บุกเบิกให้เกิดแฟนด้อม มีกลุ่มแฟนคลับในวงการการเมือง และอดีตผู้อภิปรายสุดเดือดเรื่องเหมืองทองอัครา หมายหัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรัฐบาลที่แล้ว ก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ว่ากันว่าจะเป็นคนสำคัญของการดึงความสนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้กลับมาสู่พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

“อรรถกร ศิริลัทธยากร” มือไม้สำคัญในยุควิปรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าวินในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ จากโควต้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าวินในโค้งสุดท้าย แทน “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร เต็งหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่จะดันเข้ามานั่ง รมช. แต่สุดท้ายก็พลาดไป

ด้านหน้าเก่าที่คัมแบ๊กมาร่วมงานกันใหม่อีกครั้ง ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อย่าง “สุชาติ ชมกลิ่น” จากโควต้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตเซลส์ขายบ้านสู่นักการเมืองท้องถิ่นในสังกัดบ้านใหญ่ในจังหวัดชลบุรี และมาประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมือง ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนจะย้ายมาซบพรรครวมไทยสร้างชาติ

วันนี้ได้กลับเข้าสู่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ในฐานะ รมช.พาณิชย์เต็มตัว

 

ภายหลังประกาศปรับ ครม.ได้ไม่ทันข้ามวัน ความระส่ำระสายของการปรับเก้าอี้ รมต. ก็สั่นสะเทือนอย่างหนัก เมื่อ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย เพื่อเปิดทางให้คนอื่นมาดำรงตำแหน่งแทน

ทั้งนี้ ในหนังสือลาออก ช่วงหนึ่งมีการระบุว่า “สาเหตุของการปรับผมออกจากรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ผมเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับผมไม่มีผลงานแน่นอน เพราะผมทุ่มเทการทำงานด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และตั้งใจทำหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนมากขึ้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงผลงานไปแล้ว จนสามารถตอบสนองต่อนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกอย่างเด่นชัด วันนี้ไทยหวนกลับมาขึ้นบนจอเรดาร์ของโลก มีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น และมีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น

นอกจากนั้น การให้ความสำคัญกับคนไทยในต่างประเทศ ผมยังไปเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อนำคนไทยผู้ถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอลกลับไทยได้ถึง 23 คน แรงงานไทย 8,000 คน และจากเล่าก์ก่ายในเมียนมาอีก 1,000 คน เปิดวีซ่าฟรีกับหลายประเทศ เพื่อคนไทยมีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา ฟื้นความสัมพันธ์กับอาเซียน สหภาพอียู อินเดีย และประเทศมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกา และจีน จนเกิดการเจรจา ลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ในประเทศไทยอีกด้วย”

เป็นการประกาศลาออกอย่างกะทันหันที่สั่นสะเทือน ครม.เศรษฐา และยังนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากคนบางกลุ่มในเพื่อไทย ก่อนที่นายกฯ เศรษฐาจะเปิดปากเผยถึงเรื่องนี้ ว่าได้ส่งข้อความผ่านกลุ่มงานต่างประเทศขอโทษปานปรีย์ ถ้าทำให้ไม่สบายใจจากการตัดสินใจปรับ ครม.ในครั้งนี้ พร้อมดำเนินการหาคนใหม่มาแทนที่ โดยเปิดเผยเป็นนัยว่าเป็นคนที่อยู่ในแวดวงของการทูตและการเมือง ทำงานข้างหลังพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด

ก่อนจะปรากฏชื่อของ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” หรืออดีตทูตปู คือผู้ที่จะมานั่ง กต.แทนปานปรีย์ แพร่สะพัดในหน้าข่าวอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา

 

สําหรับมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ถือว่าไม่ใช่คนหน้าใหม่ในทางการเมือง เป็นอีกหนึ่งสายตรงบ้านชินวัตร เคยปรากฏตัวเป็นทีมงานข้างกายอดีตนายกฯ ทักษิณ ตลอดสมัยรัฐบาลไทยรักไทย เคยทำงานที่กรมองค์การระหว่างประเทศ กรมสารนิเทศ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เป็นข้าราชการประจำที่ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล และยังเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐวานูอาตู ในสมัยรัฐบาลยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์อีกด้วย

ก่อนเกษียณอายุราชการในตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงออตตาวา แคนาดา โดยก่อนเกษียณเคยรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ เคยออกไปประจำการ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ผ่านการดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำเครือรัฐออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ อดีตเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐฟิจิ และอดีตเอกอัครราชทูตกรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล และในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน คือที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศในช่วงที่ปานปรีย์ดำรงตำแหน่งอยู่

และเป็นไปตามคาด 1 พฤษภาคม ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าฯ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” เป็น รมว.ต่างประเทศ คนใหม่อย่างเป็นทางการ

 

การปรับ ครม.เศรษฐา ครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกิดแรงกระเพื่อมใหญ่อย่างชวนให้ติดตามในสายตาประชาชน

โดยเฉพาะการประกาศลาออกอย่างกะทันหันของปานปรีย์ ที่ถือเป็นการเขย่าภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของรัฐบาลไม่น้อย

ครม.เศรษฐา 1/1 แล้วมาเป็น 1/2 อย่างรวดเร็ว จะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2570 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า พรรคเพื่อไทยจะต้องกลับมาแลนด์สไลด์

แต่หากมัวแต่รำ ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน โอกาสจะพ่ายแพ้พรรคก้าวไกล อย่างราบคาบ จะเกิดขึ้นซ้ำรอยการเลือกตั้งปี 2566