ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 พฤษภาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
ในตอนนี้เราขอต่อด้วยเรื่องราวของผลงานศิลปะที่น่าสนใจในมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ครั้งที่ 60 ที่เรามีโอกาสได้ไปดูชมมา
คราวนี้เป็นผลงานของศิลปินผู้มีชื่อว่า เรซา อาราเมช (Reza Aramesh) ศิลปินชาวอิหร่านโดยกำเนิด ผู้อาศัยและทำงานในลอนดอนและนิวยอร์ก
เขาทำงานศิลปะในหลากสื่อหลายแขนง ทั้งงานประติมากรรม, งานวาดเส้น, งานเย็บปัก, งานเซรามิก, งานวิดีโอและศิลปะแสดงสด
ผลงานของเขาได้แรงบันดาลใจจากข่าวสารของสื่อต่างๆ เกี่ยวกับสงครามและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน
โดยเปลี่ยนแปลงเรื่องราวในข่าวเหล่านั้นเป็นผลงานประติมากรรมหรืองานวาดเส้นที่มีต้นแบบจากนายแบบสมัครเล่น โดยนำเสนอรูปกายมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและความรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจออกมาอย่างเรียบง่าย ในท่วงท่าที่ไร้แก่นสาร เพื่อตีแผ่ความไร้สาระและไร้ประโยชน์ของสงครามและความรุนแรง
เขายังสำรวจการใช้ร่างกายของผู้ชายในบริบททางเชื้อชาติ, ชนชั้น และเพศสภาพในผลงานศิลปะของศิลปินชั้นครูในอดีต เพื่อวิพากษ์วิจารณ์หลักคิดของประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก
ในมหกรรมศิลปะ เวนิส เบียนนาเล่ 2024 ครั้งนี้ เรซา อาราเมช มาพร้อมกับผลงานของเขาในนิทรรศการ NUMBER 207 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Collateral Events หรือนิทรรศการนอกพื้นที่แสดงงานหลักของเวนิส เบียนนาเล่
อาราเมชนำเสนอนิทรรศการของเขาภายในพื้นที่ของ โบสถ์ ซาน ฟานติน (Chiesa di San Fantin) ในเมืองเวนิส กับผลงานประติมากรรมแกะสลักด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์รารา (Carrara marble แหล่งหินอ่อนคุณภาพดีที่สุดในโลกที่ ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) ประติมากรเอกแห่งยุคเรอเนสซองส์ใช้แกะสลักประติมากรรมอันเลื่องชื่อของเขา) โดยร่วมงานกับช่างแกะสลักหินอ่อนชั้นครูแห่งเมืองคาร์รารา ผู้ใช้เทคนิคและภูมิปัญญาเชิงช่างฝีมือที่สืบทอดมาจากยุคเรอเนสซองส์
ผลงานประติมากรรมหินอ่อนเหล่านี้สร้างบทสนทนาระหว่างประติมากรรมหินอ่อนที่แสดงร่างกายอันสมบูรณ์งดงามของมนุษย์ (เพศชาย) ในยุคเรอเนสซองส์ และภาพวาดพระเยซูคริสต์และเหล่านักบุญในศาสนาคริสต์ที่แขวนอยู่ภายในโบสถ์ กับชะตากรรมของเหยื่อความรุนแรงและสงครามในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ
ในนิทรรศการประกอบด้วยผลงานประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักจำนวนสามกลุ่ม
ทั้งประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปมนุษย์เพศชายที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ หากมีท่าทางคล้ายกับถูกทรมานหยามเหยียด ด้วยการเปลื้องเปลือยให้อับอายและปิดคลุมใบหน้าด้วยเสื้อผ้า
และประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปศีรษะของมนุษย์จำนวนหลายหัว ที่ถูกแยกขาดจากร่างกาย ร่วงหล่นตามมุมต่างๆ ของโบสถ์ ราวกับพวกเขาถูกประหารด้วยการตัดศีรษะ
รวมถึงประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปกางเกงชั้นในจำนวน 207 ตัว (อันเป็นที่มาของชื่อนิทรรศการครั้งนี้) ที่ถูกถอดวางเรียงรายอยู่บนพื้นโบสถ์ ราวกับถูกทิ้งเอาไว้ ด้วยเหตุที่ชีวิตของเจ้าของพวกมันถูกพรากไปแล้ว
ผลงานชุดนี้ยังสร้างบทสนทนากับภาพวาดในโบสถ์อย่าง ภาพวาดพระเยซูถูกตรึงกางเขน และภาพวาด Passion of Christ (พระทรมานของพระเยซู) ของศิลปินแห่งยุคเรอเนสซองส์ ลีโอนาร์โด โกโรนา (Leonardo Corona) ที่แสดงชะตากรรมอันน่าสยดสยองของศาสดาผู้ถูกทรมานและประหารชีวิต ทับซ้อนไปกับชะตากรรมอันน่าสยดสยองของผู้คนในยุคร่วมสมัยอย่างมีนัยยะสำคัญ
อาราเมชยังจัดแสดงรายชื่อของเหล่าบรรดานักโทษ สถานที่จองจำ และวันเดือนปีสุดท้ายของนักโทษประหารจำนวน 207 คน ผู้เป็นเสมือนเจ้าของกางเกงชั้นในเหล่านี้เอาไว้บนผนัง และเปิดบันทึกเสียงข้อมูลเหล่านี้ขับขานออกมาทางลำโพงในโบสถ์ให้ผู้ชมได้รับฟังอีกด้วย
ในทางกลับกัน ผลงานประติมากรรมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประติมากรรมรูปมนุษย์เพศชาย ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความวาบหวามเย้ายวนราวกับเป็นโฆษณาชุดชั้นในชายแบรนด์ดัง
อันเป็นสุนทรียะแบบ โฮโมอีโรติก (Homoeroticism) หรือความสนใจใคร่หลงต่อเพศเดียวกัน ซึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างยาวนานในโลกศิลปะนับตั้งแต่ยุคสมัยกรีกโบราณ นับเป็นการสร้างบทสนทนากับประวัติศาสตร์ศิลปะในอีกแง่มุมได้อย่างน่าสนใจ
เรซา อาราเมช ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน กล่าวถึงแนวคิดเบื้องหลังนิทรรศการครั้งนี้ของเขาว่า
“ผลงานของผมชุดนี้มีแง่มุมในการสร้างบทสนทนาเชิงวิพากษ์ต่อแม่แบบของศิลปะตะวันตก (Western Art Canon) หรืองานศิลปะชั้นสูง เมื่อเราคิดจะแสดงงานในเวนิส ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องที่วิเศษ ถ้าเราได้แสดงงานภายในโบสถ์เก่าแก่โบราณ เพราะโบสถ์ส่วนใหญ่ในอิตาลีและประเทศในยุโรป นั้นไม่เพียงเต็มไปด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม หากแต่ยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบทางประวัติศาสตร์ศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม หรือประติมากรรมของศิลปินชั้นครูในอดีต ซึ่งส่งแรงบันดาลใจให้ผลงานชุดนี้ของผม”
“แต่ทำไมผมต้องเจาะจงที่จะแสดงงานในโบสถ์ ซาน ฟานติน แห่งนี้ล่ะ? เหตุเพราะในประวัติศาสตร์ นักบวชประจำโบสถ์แห่งนี้มีส่วนร่วมในการปลอบโยนจิตวิญญาณของนักโทษก่อนที่พวกเขาจะถูกประหารชีวิต และผลงานประติมากรรมหินอ่อนรูปชุดชั้นในที่วางเรียงรายอยู่บนพื้นโบสถ์แห่งนี้ ก็อ้างอิงมาจากเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของนักโทษประหาร ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของโบสถ์แห่งนี้อย่างชัดเจน”
“แง่มุมอีกอย่างในผลงานชุดนี้ก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างวัสดุอันสูงค่าอย่าง หินอ่อน ที่ในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคเรอเนสซองส์ หรือยุคบาโรก มักถูกใช้สร้างรูปสลักของกษัตริย์, ชนชั้นสูง, ขุนนาง หรือบุคคลสำคัญ แต่การที่ผมใช้วัสดุอันสูงค่าชนิดนี้ในการสร้างรูปของสิ่งที่หลงเหลือของเหล่าบรรดานักโทษ (และตัวนักโทษเอง) ซึ่งโดยปกติไม่เพียงแค่เป็นปุถุชนคนธรรมดาสามัญ หากแต่ยังเป็นชนชั้นล่างของสังคมที่มักถูกปฏิเสธและมองข้ามจากคนส่วนใหญ่ หรือแม้แต่ครอบครัวและคนใกล้ชิดของพวกเขา เหตุเพราะความกระดากกระเดื่องอับอาย บุคคลที่สังคมส่วนใหญ่มองว่าไร้ค่า ไม่มีความสลักสำคัญ”
ความขัดแย้งเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผมสนใจอย่างมาก”
เมื่อดูผลงานอันงดงามเปี่ยมสุนทรียะ ท่วมท้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลาย และเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดอันลึกซึ้งละเมียดละไมของ เรซา อาราเมช ในนิทรรศการนี้แล้ว
ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ผลงานชุดนี้ของเขาไม่เพียงสร้างบทสนทนากับประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้เท่านั้น
หากแต่ยังกระตุ้นเตือนให้ผู้ชมตระหนักถึงผู้คนในยุคร่วมสมัยที่ประสบภัยจากความรุนแรง
อย่างการถูกฆ่าและประหารชีวิต หรือถูกจับกุมคุมขังและทรมานในเรือนจำต่างๆ ในทั่วโลกด้วยสนุทรียะและความงามได้อย่างทรงพลังยิ่ง
นิทรรศการ NUMBER 207 โดยศิลปิน เรซา อาราเมช และภัณฑารักษ์ ซูรูบิริ โมเสส (Serubiri Moses) จัดแสดงในมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ พื้นที่แสดงงาน โบสถ์ ซาน ฟานติน เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ตั้งแต่วันที่ 16 เมษยน-2 ตุลาคม 2024 •
ข้อมูล www.actionbynumber.com, https://shorturl.at/mZ056, https://shorturl.at/asQY1
ภาพถ่ายโดย ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022