“ท้าวจตุโลกบาล” ในพุทธศาสนา เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

ญาดา อารัมภีร

เนื่องจากท้าวจตุโลกบาล เป็นเทวดาผู้ดูแลรักษาโลกทั้ง 4 ทิศ พิธีลุยไฟพิสูจน์ความจริงระหว่างนางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้าในเสภาเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” จึงขาดท้าวจตุโลกบาลมิได้ ก่อนเริ่มพิธีพราหมณ์ได้อัญเชิญทวยเทพมาเป็นพยาน

“ส่งข้าวตอกดอกไม้ให้สองนาง พราหมณ์ทั้งสองข้างบูชาร่ำ

บายศรีบัตรพลีพลีกรรม เสกซ้ำสังเวยซึ่งเทวา

โอมองค์พระสยมภูวญาณ องค์บรมพรหมานนาถา

พระจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงศักดา พระคงคาพระเพลิงเถกิงฤทธิ์

พระคเณศร์พระขันทกุมาร มัฆวานทั้งพระพายกายสิทธิ์

โลกบาลบริหารทั้งสี่ทิศ ขอเชิญมาสถิตทัศนา”

ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ ประกอบด้วย ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร มีหน้าที่ตรวจตราความเป็นไปในโลก สำรวจคุณงามความดีของมนุษย์เพื่อรายงานแก่ที่ประชุมสวรรค์ โดยแบ่งงานกันตามที่ “ไตรภูมิพระร่วง” บรรยายว่า

“อันว่าพระจตุโลกบาลเดินดูดีดูร้ายแห่งโลกทั้งหลายนี้ทุกวัน ย่อมใช้ให้เทพยดาองค์อื่นมาต่างตัว ในวันศีลน้อยคือ วันอัฐมีนั้นไส้ ย่อมใช้ลูกมาต่างตัว ผิแลวันศีลใหญ่คือ วันบูรณมีแลอมาพัสสานั้นไส้ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ย่อมมาเองเดินดูเอง เมื่อเทพยดามาต่างตนก็ดี ลูก ธ มาเองก็ดี แลตัว ธ มาเองก็ดี เทียรย่อมถือแผ่นทองเนื้อสุก แลถือดินสอนั้นอันทำด้วยชาติหิงคุละนั้นมาด้วยแลเดินไปดูทุกแห่ง ทั่วถิ่นฐานบ้านเมืองใหญ่น้อยทั้งหลายในมนุษย์โลกนี้ทุกแห่งแล”

ความหมายคือ ถ้าเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันพระ ท้าวจตุโลกบาลจะใช้เทวดาอื่นลงมาแทน

วันขึ้นหรือแรม 8 ค่ำ ใช้ลูกมาแทน

วันพระใหญ่หรือวันขึ้นหรือแรม 15 ค่ำ ท้าวจตุโลกบาลจะลงมาด้วยตนเอง

แต่ใครจะมาก็ตาม หน้าที่และอุปกรณ์ไม่ต่างกัน

เมื่อพบผู้ทำความดีจะใช้ดินสอทิพย์บันทึกชื่อ ที่อยู่และการกระทำนั้นๆ ลงในแผ่นทองเนื้อสุกเพื่อถวายพระอินทร์

ถ้ามีรายชื่อคนทำดีมาก เทพยดาจะแซ่ซ้องสรรเสริญด้วยความยินดี ถ้ามีรายชื่อคนทำดีน้อย เหล่าเทพจะรำพันด้วยความเศร้าสังเวชใจ

 

นอกจากนี้ท้าวจตุโลกบาลยังมีบทบาทเกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์เป็นระยะๆ นับแต่วันประสูติเป็นต้นมา ดังที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงพรรณนาไว้ใน “พระปฐมสมโพธิกถา” ว่า ก่อนที่พระนางสิริมหามายาจะมีพระประสูติกาลเจ้าชายสิทธัตถะ ท้าวจตุโลกบาลหรือท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ได้เสด็จมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบห้องบรรทมพร้อมๆ กับบรรดาท้าวจาตุมหาราชจากหมื่นจักรวาล กินอาณาบริเวณกว้างไกลไพศาล

“ในกาลนั้น ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 มีพระหัตถ์ทรงพระขรรค์ ลงมารักษาห้องศิริไสยาสน์อยู่ 4 ทิศ ใช่แต่เท่านั้น ท้าวจาตุมหาราชทั้งหมื่นจักรวาฬ สิริถึง 4 หมื่นพระองค์ล้วนทรงพระขรรค์มาอยู่อภิบาล ตั้งแต่คัพภทวารตลอดไปตราบเท่าถึงขอบจักรวาฬบรรพต แลท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ในจักรวาฬนี้ ก็สำแดงพระกายให้ปรากฏแก่พระราชเทวี”

ในกาลต่อมาขณะพระนางประพาสป่าสาละ ทันทีที่เอื้อมพระหัตถ์จับกิ่งรัง บังเกิดลมกัมมัชวาต (ลมเบ่ง) ให้ประชวรพระครรภ์ จึงทรง “ยืน ยันพระปฤษฎางค์ (หลัง) อิงเข้ากับลำต้นมงคลสาลพฤกษ์ พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งรังทอดพระเนตรไปฝ่ายปาจีนโลกธาตุ” (อักขรวิธีตามต้นฉบับ)

ช่วงเวลาสำคัญนั้น ท้าวจตุโลกบาลได้ทำหน้าที่ถวายอภิบาลหลังการประสูติต่อจากท้าวสุทธาวาสมหาพรหม ดังนี้

“ในกาลเมื่อพระมหาบุรุษประสูติจากพระครรภ์ยังมิทันถึงพื้นปฐพี ท้าวสุทธาวาสมหาพรหมทั้ง 4 ก็รองรับพระกายด้วยข่ายทอง ในเฉพาะพระพักตร์พระราชเทวี แล้วกล่าวว่า พระแม่เจ้าจงโสมนัสเถิด พระราชโอรสที่ประสูตินี้มีมเหศักดานุภาพยิ่งนัก ขณะนั้นท่ออุทกธาราทั้งสองก็ไหลหลั่งลงมาจากอากาศ ท่อธารอันหนึ่งเป็นสีโตทก ท่อธารอันหนึ่งเป็นอุณโหทก ตกลงมาโสรจสรงพระกายพระมหาสัตว์กับพระราชมารดา

ลำดับนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ก็รับพระองค์ไปจากพระหัตถ์ท้าวมหาพรหม แลรองรับด้วยอชินะจัมมาชาติ อันมีสุขสัมผัสสมมติว่าเป็นมงคลในโลก และนางนมทั้งหลายจึงรองรับพระองค์ด้วยจอมผ้าทุกูลพัสตรจากพระหัตถ์แห่งท้าวจตุโลกบาล”

เราจะมองเห็นภาพท้าวสุทธาวาสมหาพรหมทั้ง 4 รองรับพระกุมารแรกคลอดด้วยข่ายทองคำ มีท่อน้ำเย็นน้ำร้อนจากท้องฟ้าหลั่งมาชำระพระวรกายเจ้าชายสิทธัตถะและพระชนนี ต่อจากนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ใช้หนังสืออันเป็นมงคลรองรับพระกุมารจากท้าวมหาพรหมก่อนส่งให้บรรดาแม่นมรองรับพระกุมารด้วยผ้าเนื้อละเอียด

 

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวช ก่อนตรัสรู้ พระยามารนำกองทัพมารมาคุกคามสำแดงเดช เทวดาทั้งหลายแตกตื่นหนีตายด้วยกลัวภัย ครั้นพระยามารพ่ายแพ้แก่พระพุทธองค์ ทวยเทพพากันกลับมาห้อมล้อมแซ่ซ้องพระบารมี หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4

“ท้าวสหัมบดีพรหมก็ลีลาศมาทรงเศวตฉัตรทิพย์กางกั้น พระยากาฬนาคราชก็กล่าวทุติยกถารำพันสรรเสริญพระคุณมีอเนกประการ ท้าวมัฆวานก็ทรงเป่าวิชัยยุทธมหาสังข์ทักษิณาวัฏศัพท์บันลือลั่น ปัญจสิขรเทพคนธรรพ์ก็ดีดพิณทิพยถวายศัพท์ขับขาน ท้าวจตุโลกบาลก็มาสถิตในทิศทั้ง 4”

หลังตรัสรู้พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขเป็นเวลา 49 วัน ต่อมาตปุสสะ และภัลลิกะพ่อค้าสองพี่น้องถวายข้าวสัตตุก้อนและสัตตุผง ท้าวจตุโลกบาลจึงถวายบาตรทิพย์ทำด้วยหินสีเขียวให้ทรงรับข้าวตูดังกล่าว

“ณ กาลนั้นจึงท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ทราบในพระพุทธอัธยาศัย ก็นำเอาบาตรอันล้วนแล้วด้วยศิลา สีพรรณดังสีถั่วเขียวทั้ง 4 บาตรมาทั้ง 4 ทิศ ทิศละองค์น้อมกราบทูลถวาย ให้ทรงรับซึ่งข้าวสัตตุด้วยบาตรทิพย์ทั้ง 4 สมเด็จพระชินสีห์ก็ทรงรับทั้ง 4 บาตร เพื่อจะรักษาปสาทศรัทธาแห่งท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 พระองค์ ใช่จะทรงรับด้วยมหิจฉภาพเจตนานั้นหามิได้ จึงทรงพระอธิษฐานผสานบาตรทั้ง 4 เข้าเป็นบาตรเดียวแล้วก็ทรงรับข้าวสัตตุด้วยบาตรนั้น”

ในเวลาต่อมา พระพุทธองค์เสด็จประทับใกล้ที่พักของนักบวชนาม ‘อุรุเวลกัสสปะ’ ท้าวจตุโลกบาลได้เสด็จมาเฝ้าในค่ำคืนนั้น

“ครั้นสมัยราตรีเป็นลำดับ จึงท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ก็ลงมาสู่สำนักพระบรมโลกนาถเปล่งพระรัศมีโอภาสทั่วจังหวัดพนสณฑ์บริเวณนั้น ถวายอภิวันทน์แล้วประดิษฐานยืนอยู่ในทิศทั้ง 4 มีทิพยรังสีสว่างดุจกองเพลิงก่อไว้ทั้ง 4 ทิศ”

แสงโชติช่วงสุกสว่างท่ามกลางความมืด ทำให้อุรุเวลกัสสปะรีบถามพระพุทธเจ้าในตอนเช้าว่า

“เมื่อคืนนี้เห็นพระรัศมีสว่างไปทั่วพนัสมณฑลสถาน บุคคลผู้ใดมาสู่สำนัก นมัสการพระองค์ปรากฏรุ่งเรืองในทิศทั้ง 4 จึงมีพุทธฎีกาตรัสบอกว่า

ดูกรกัสสปะ ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ลงมาสู่สำนักตถาคตเพื่อจะฟังพระสัทธรรม”

ท้าวจตุโลกบาลทางพุทธศาสนาหลายเรื่องน่าสนใจ ติดตามฉบับหน้า •