เรื่องสั้น : ไม่มีอาร์ซีเอสำหรับเธอ / ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง

 

 

ไม่มีอาร์ซีเอสำหรับเธอ

 

คุณรักการดูหนังในโรงภาพยนตร์ ตั้งแต่จำความได้ คุณดูหนังอย่างบ้าคลั่งในช่วงเรียนมัธยมต้น นั่งรถสองแถวไป-กลับระยะทางร่วมร้อยกิโล เพื่อไปยังโรงหนังสแตนด์อโลน โรงหนังแห่งเดียวในจังหวัดบ้านเกิดของคุณ จังหวัดทางภาคใต้ตอนล่าง ริมทะเลสาบสงขลา

คุณชอบโรงหนังแห่งนั้น ตึกปูนเปลือย หน้าโรงหนังมีรถเข็นขายกล้วยปิ้ง พนักพิงเก้าอี้แข็งและเหม็นคราบอับ กลิ่นควันบุหรี่ลอยฟุ้ง ผู้คนไม่ค่อยนั่งตามหมายเลขตั๋ว ถือคติว่าใครมาก่อนก็ได้นั่งก่อน ที่นั่งประจำของคุณคือแถวบนสุดตรงกลาง

คุณไปดูหนังคนเดียวเสมอ ไม่แคร์ว่าจะได้นั่งข้างใคร คุณแค่อยากดูหนัง แขวนสายตาไว้กับจอภาพยนตร์ใหญ่ยักษ์ เหมือนจอหนังกลางแปลงที่พ่อคุณพาไปดูในงานวัด

ดูหนังจบคุณก็ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น เผื่อรอดูหนังเรื่องต่อไป หลายคนทำแบบนั้น วันไหนมีเงินเหลือคุณก็ซื้อตั๋วแบบฉายควบ ดูจนตาแฉะ กลับบ้านไปให้แม่คุณหยอดน้ำตาเทียมให้ คุณโดนแม่ด่าทุกครั้งที่ไปดูหนัง แม่บอกคุณว่าในโรงหนังเป็นแหล่งมั่วสุม ตึกแถวสกปรกแห่งนั้นมีแต่พวกขี้ยา คุณฟังแม่ด่า รับปากว่าจะไม่ไปอีก แต่คุณก็ไปดูหนังทุกสัปดาห์อยู่ดี บางทีก็โดดเรียนนั่งรถสองแถวเข้าเมืองไปดูหนังคนเดียว

คุณจบมัธยมปลายด้วยเกรดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คุณชอบภาพยนตร์แต่ไม่ได้อยากเป็นผู้กำกับหนัง แค่ชอบดูหนัง ปล่อยให้หนังพาชีวิตคุณไป คุณจึงเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเปิดย่านบางกะปิ เลือกเรียนสาขาสังคมวิทยา แทนที่จะเลือกเรียนสื่อสารมวลชน

ก็อย่างที่บอก คุณแค่ชอบดูหนัง ไม่ได้อยากเป็นผู้กำกับฯ

 

คุณเช่าหอพักริมคลองแสนแสบ คุณติดสอยห้อยตามหญิงสาวคนหนึ่งที่คุณแอบชอบ คนที่คุณเจอในวันปฐมนิเทศ เธอมาแจกใบปลิวช่วยรุ่นพี่จัดงานเทศกาลภาพยนตร์สั้น ผมติดสอยห้อยตามเธอและกลุ่มเพื่อนไปดูหนัง โรงหนังประจำของพวกเราอยู่ย่านอาร์ซีเอ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่

ทุกวันเสาร์ เราจะนัดกันที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยตอนเก้าโมง นั่งรถเมล์สาย 93 หรือ 113 ลงป้ายตรงข้ามทางเข้าอาร์ซีเอ เดินเท้าไปไม่กี่อึดใจก็ถึงโรงหนังสแตนด์อโลนแห่งนั้น เธอบอกคุณว่าโรงหนังแห่งนั้นชื่อ ‘เฮาส์ อาร์ซีเอ’ เฮาส์ที่หมายถึงบ้าน ตอนแรกคุณไม่ค่อยเข้าใจคำนั้น แต่พอมาดูหนังกันทุกวันเสาร์ จึงเข้าใจที่เธอบอก ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของคนรักหนัง

คุณชอบตึกย่านนั้น ตึกสีเหลืองมาร์การีนของร้านขายเครื่องเขียน ตึกสีดำที่มีรูปปั้นปีศาจของร้านอิซากายะ และตึกสีน้ำตาลแถบสีเขียว ตัวอักษรนูนสีขาวเด่นชัดเขียนไว้ว่า ‘RCA PLAZA’ โรงหนังเฮาส์ตั้งอยู่ชั้นสาม ชั้นล่างสุดเยื้องบันไดเลื่อนเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต เธอมักจะชวนคุณไปซื้อกาแฟสดที่นั่น กลุ่มเพื่อนเธอไม่มีใครดื่มกาแฟสักคน พวกเขาสูบแต่บุหรี่

เรามักจะมาถึงโรงหนังก่อนหนึ่งชั่วโมง เพื่อนเธอบ้างนั่งบ้างยืนบนขั้นบันไดหินอ่อน ยืนเฝ้าถังทราย จุดบุหรี่สูบ ปักมวนบุหรี่ลงบนเม็ดทราย จุดมวนใหม่สูบอีก

ส่วนคุณจะมานั่งเป็นเพื่อนเธอที่ร้านกาแฟมุมเล็กๆ มีแค่ที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์ เก้าอี้สตูลสองตัวสำหรับเรา เธอสั่งลาเต้ร้อน ส่วนคุณสั่งอเมริกาโน่ร้อน

เธอไม่ค่อยพูดอะไรกับคุณมากนัก ไม่เหมือนเวลาที่เธออยู่กับกลุ่มเพื่อน เธอพูดได้เป็นวรรคเป็นเวร พูดกันแต่เรื่องหนังที่เคยดู

 

ตอนเจอกันครั้งแรก เธอถามคุณว่าชอบดูหนังของผู้กำกับฯ คนไหน คุณบอกเธอไปว่า ‘เวส แอนเดอร์สัน’ เพื่อนเธอหันมามองคุณ ส่วนคุณก็ร่ายรายชื่อหนังของผู้กำกับฯ คนนั้น และบอกว่าหนังที่คุณชอบที่สุดคือเรื่อง ‘มูนไรส์ คิงด้อม’ นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มให้คุณ และคุณมารู้ทีหลังว่าเธอก็เป็นแฟนตัวยงของผู้กำกับหนัง เวส แอนเดอร์สัน และเธอก็ชอบหนังเรื่องเดียวกับที่คุณชอบด้วย แต่เพื่อนเธอไม่ค่อยชอบหนังของผู้กำกับฯ คนนี้ พวกเขาบอกคุณว่าหนังมันฟรุ้งฟริ้งเกินไป

เวลาที่มาโรงหนังแห่งนี้ทุกวันเสาร์ เธอจะชวนคุณไปนั่งร้านกาแฟในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้นเสมอ เราไม่ค่อยคุยอะไรกันมากนัก นั่งฟังเพลงที่เจ้าของร้านกาแฟเปิดคลอเบาๆ บางวันก็นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลา เธอชอบอ่านงานของฮารูกิ มูราคามิ ส่วนคุณชอบอ่านแม็กซิม กอร์กี้ อ่านแนวชนชั้นแรงงาน เพื่อชีวิต เพราะคุณเติบโตมาแบบนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอให้ยืมหนังสือ หน้าปกเป็นรูปกีตาร์และแมลงเต่าทอง ชื่อหนังสือเล่ม ‘นอร์วีเจี้ยน วูด’ หนังสือหนาใช้ได้ แต่คุณก็อ่านจบภายในห้าวัน นับจากนั้นคุณก็มีเรื่องคุยกับเธอมากขึ้น บางวันก็นัดเจอกันที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แค่เธอกับคุณ คุยกันเรื่องหนังสือ

เวลาเธออยู่ตามลำพังกับคุณ ช่างแตกต่างกับเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อน ทั้งระยะห่างและบทสนทนา เวลาดูหนังจบ เรามักจะมานั่งตรงขั้นบันไดใกล้ถังทราย ส่วนเธอยืนอยู่บนขั้นบันไดล่างสุด ในมือมีน้ำโคล่าแบบไร้น้ำตาล เธอยืนเท้าสะเอว คอยถามความคิดเห็นหลังดูหนังจบ ถกเถียงกันจริงจังตามแบบฉบับของเด็กเรียนหนัง ฝ่ายที่ชอบก็หาเหตุผลมาหักล้างกับฝ่ายที่ไม่ชอบ ฝ่ายที่ไม่ชอบก็อธิบายและขัดง้างกับเหตุผลของฝ่ายที่ชอบ

คุณสนุกทุกครั้งที่ได้ดูหนังกับเพื่อนกลุ่มนี้ เหมือนได้ฟังทฤษฎีและเรียนรู้เรื่องการวิจารณ์ภาพยนตร์ คุณนั่งตัวลีบฟังทุกคนแลกเปลี่ยนกัน ฟังแล้วก็ได้เติมเต็มส่วนที่สงสัย เพราะบางฉากดูไม่เข้าใจ คุณจึงมักจะเป็นผู้ฟังและคิดตามคำพูดของแต่ละคนที่สนทนากันถึงหนังที่เพิ่งดูจบ

คุณเหมือนเป็นเด็กเก็บบอลที่ได้รับเกียรติให้นั่งร่วมกันกับบรรดาตัวสำรองที่รอลงสนาม

 

เหมือนเป็นหมุดหมายของวันเสาร์ เราจะมาที่โรงหนังแห่งนี้ ดื่มกาแฟ สูบบุหรี่ ดูหนัง นั่งถกเถียง กินมื้อเที่ยงราคาถูกที่ฟู้ดคอร์ต และนั่งรถเมล์กลับ บางครั้งก็ไปต่อกันที่ห้องของเพื่อนเอ ไปดูหนังทำมือ หนังสั้นที่ถ่ายกันเล่นๆ หนังจำพวกที่หาแก่นสาระไม่ได้ บางครั้งก็ดูแผ่นหนังที่ซื้อมาตอนลดราคา ส่วนใหญ่เป็นหนังอิสระและหนังรางวัล

บรรยากาศต่างจากนั่งดูหนังเงียบๆ ในโรงภาพยนตร์ เพราะพวกเขาลุกขึ้นมาวิจารณ์กันตรงนั้นเลย ถกเถียงกันในขณะจอทีวีฉายหนังอยู่ ฉากไหนไม่สมเหตุสมผลพวกเขาก็สับกันเละ เหมือนเป็นงานเสวนาขนาดย่อม ตาดูหนัง ปากวิจารณ์ไม่หยุด เธอบอกคุณว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้ดูหนังและแลกเปลี่ยนกัน เป็นประโยชน์ต่อคณะที่เธอเรียนอยู่ ส่วนผมเรียนสังคมวิทยา ไม่เกี่ยวอะไรกับภาพยนตร์นัก ผมแค่ชอบดูหนัง

คุณสนิทกับเธอมากขึ้นตามจำนวนหนังสือที่อ่านและหนังที่ดู คุณเริ่มแสดงความคิดเห็นผ่านมุมมองของนักศึกษาสังคมวิทยา บ้างก็ยกทฤษฎีที่คุณท่องจำไปสอบ พูดชื่อนักสังคมวิทยาแบบผิดๆ ถูกๆ เอามาอ้างในบทสนทนาของตัวเองเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และเพื่อนหลายคนก็นั่งฟังคุณอย่างครุ่นคิด

หนังบางเรื่องแย่จนแทบจะขาดใจตายให้ได้ เราต่างหัวเสีย พยายามหาข้อดีของหนังเรื่องนั้น แต่ไม่มีเลย หนังเรื่องนั้นน่าเบื่อเกินกว่าเราจะมานั่งถกเถียงให้เสียเวลา เราจึงนั่งรถเมล์กลับไปดูหนังที่ห้องเพื่อน ดูหนังที่เข้าท่ากว่า ชดเชยอารมณ์และเวลาที่เสียไป

บันไดเลื่อนทางขึ้นนั้นยาวกว่าบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้า พวกเราขึ้นขั้นละสองคน ลดหลั่นลงมา คุณเลือกที่จะยืนหลังสุด และเป็นเธอที่ยืนข้างคุณทุกครั้ง แรกสุดคุณคิดว่าแค่บังเอิญ แต่เมื่อลองย่างเหยียบขั้นบันไดเลื่อนแล้ว รองเท้าผ้าใบสีขาวแถบเขียวของเธอก็ประทับลงบนขั้นบันไดเลื่อนข้างคุณทุกครั้งไป

คุณเป็นสุขที่ได้เคียงข้างเธอ แม้เพียงเวลาชั่วขณะบนบันไดเลื่อน

 

คุณหวงแหนวันอาทิตย์ เป็นวันที่คุณไม่อยากออกไปไหน ชงกาแฟร้อนดื่ม กินข้าวมื้อเช้ากับเที่ยงควบรวมกัน อ่านหนังสือ เปิดเพลงฟัง ขังตัวเองไว้ในห้องสี่เหลี่ยม เหมือนเป็นพัสดุสักชิ้นในกล่อง แต่วันอาทิตย์ของคุณเปลี่ยนไป เมื่อเธอชวนคุณไปเทศกาลภาพยนตร์เงียบ แค่คุณและเธอ ไม่มีคนอื่น

เธอบอกคุณให้ไปเจอกันที่โรงหนังลิโด้ย่านสยามสแควร์ คุณนั่งรถเมล์สาย 40 รถติดจนคุณฟังเพลงของวงโอเอซิสจบไปหนึ่งอัลบั้ม แล้วคุณก็เจอเธอที่หน้าโรงหนังแห่งนั้น เธอเล่าให้คุณฟังว่าลิโด้ก็เป็นโรงหนังสแตนด์อโลนอีกแห่ง ใกล้ๆ กันก็มีอีกโรงหนึ่ง ชื่อสกาลา

คุณคิดถึงตึกปูนเปลือยแห่งนั้น โรงหนังสแตนด์อโลนแห่งเดียวในจังหวัดบ้านเกิดของคุณ ซึ่งตอนนี้ปิดตัวลงแล้ว ปิดไปแบบเงียบงัน เริ่มจากมีแผงขายเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬามาวางขายตรงลานหน้าโรงหนัง ป้ายคัตเอาต์หนังซึ่งวาดด้วยมือก็ถูกปลดลง ไร้เสียงรถแห่โฆษณาบนท้องถนน ไม่นานตึกปูนเปลือยแห่งนั้นก็ถูกทุบทิ้ง สร้างใหม่เป็นห้างสรรพสินค้า ทุกคนในเมืองแห่งนั้นพร้อมใจกันลืมเลือนโรงหนังสแตนด์อโลน

“จังหวัดที่ไม่มีโรงหนังเลย แห้งแล้งชิบหาย” คุณเคยสบถเมื่อเพื่อนคุณที่มาจากจังหวัดชุมพรบอกว่าที่นั่นไม่มีโรงหนัง ตอนนี้คุณสบถแบบนั้นในใจอีกครั้ง เพราะบ้านเกิดคุณก็ไม่มีโรงหนังอีกแล้ว

เราซื้อตั๋วดูหนังเงียบจากประเทศฝรั่งเศส เธอเล่าให้คุณฟังว่าจะมีนักเปียโนบรรเลงสดๆ ประกอบหนังเรื่องนั้น เธอบอกให้คุณตั้งใจฟัง ผู้คนในโรงหนังประปราย เธอเลือกที่นั่งแถว C หมายเลข 8 กับ 9 ก่อนหนังฉาย นักดนตรีในชุดสูทสีดำ หนวดเคราเฟิ้มเหมือนฤๅษี โค้งคำนับให้แล้วเริ่มบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้คนในโรงหนังลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อบทเพลงสิ้นสุด เปียโนเริ่มบรรเลง มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟดวงเล็กๆ ที่วางบนเปียโน ส่องนำทางคอร์ดและเมโลดี้ เมื่อแสงไฟในโรงหนังดับลง ภาพยนตร์เงียบจากฝรั่งเศสก็ถึงเวลาฉาย

หนังเรื่องนั้นเป็นหนังขาว-ดำ เรื่องราวเกี่ยวกับทนายความที่นอกใจภรรยาจนโดนฟ้องหย่า โดยทนายของภรรยานั้นคือเพื่อนชายที่ทนายความคนนั้นเคยคบหา เรื่องรักสามเส้านอกขนบ เคล้าบรรยากาศฤดูฝนของฝรั่งเศส ตึกหมองคล้ำเพราะน้ำฝน ท้องถนนชื้นแฉะ ร่มเบ่งบานบนทางเท้า คุณชอบความคลาสสิคเหล่านั้น พอเป็นหนังเงียบคุณก็รู้สึกว่าจดจ่อและตั้งใจฟังมากขึ้น เสียงเปียโนแปรเปลี่ยนไปตามจังหวะของหนัง บรรเลงเชื่องช้าเมื่อฝนตก จังหวะสนุกสนานเมื่อคู่กรณีเถียงกันออกรส หรือบรรเลงหวานซึ้งเมื่อนึกถึงห้วงเวลาที่ความรักเคยเบ่งบาน คุณเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาเหล่านั้น ไม่ต่างกับเธอ

คุณลอบมองใบหน้าด้านข้าง เธอผมยาวสีดำสนิทมัดรวบไว้หลวมๆ เหมือนหางม้า ไรขนอ่อนๆ ใต้กกหูเด่นชัดในแสงสลัวของโรงหนัง เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบนสุด กางเกงยีนส์ขาสั้นสีกากี มีกระเป๋าผ้าของคณะสื่อสารมวลชนวางบนตัก แสงของจอภาพยนตร์อาบใบหน้าเอิบอิ่มของเธอ ดวงตากลมโตคู่นั้นจดจ่อกับจอภาพ หูก็เงี่ยฟังบทบรรเลงเปียโน คุณมองส่วนโค้งงอของปลายจมูก ไล่สายตามาจนถึงริมฝีปากที่ทาเพียงวาสลีน คุณเคยเห็นเธอทาปากหลังดูหนังจบ เธอบอกคุณว่าเครื่องปรับอากาศในโรงหนังทำให้ปากแห้ง มุมปากเธอเผยอยิ้มอย่างสบายใจ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งในหนังที่กำลังฉายอยู่

หนังความยาวหนึ่งชั่วโมงสองนาที พอหนังจบไฟในโรงหนังทยอยไล่เปิดทีละดวง เธอขยี้ตาให้คุ้นชินกับแสงสว่าง เสียงผู้คนปรบมือขณะนักดนตรีโค้งคำนับขอบคุณ เสียงเก้าอี้เสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด ขณะผู้คนลุกขึ้นทยอยเดินออกจากโรงหนัง คุณและเธอเดินออกมาเป็นคนท้ายๆ ราวกับอยากจะซึมซับช่วงเวลาในโลกภาพยนตร์

ก่อนจะผลักบานประตูออกไปสู่โลกชีวิตจริง

 

ที่คุณชอบดูหนังเพราะคุณอยากหนีไปจากความจำเจของชีวิต รู้สึกว่าได้หลีกหนีไปจากตัวเอง ได้ปิดกั้นข่าวสารและเรื่องราวที่ล้นทะลักบนโลกออนไลน์ คุณชอบเวลาจมดิ่งและออกเดินทางไปกับเรื่องราวตรงหน้า บางคราวคุณอยากให้หนังเรื่องนั้นฉายตลอดไป ฉายยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อเจ็ดวัน นั่งดูภาพยนตร์ที่ถ่ายทำตลอดชีวิต ในโรงหนังที่มีแค่คุณกับเธอ ไม่มีใครอื่นอีก

แต่ชั่วโมงต้องมนต์นั้นอยู่ไม่นาน เมื่อเราเดินออกมาหน้าโรงหนัง ยามบ่ายที่สยามสแควร์วัยรุ่นพลุกพล่าน คุณดีใจที่ได้มาตามรอยโต้งกับมิว คุณนึกไปถึงตอนดูหนังเรื่องรักแห่งสยาม หนังที่ทำให้คุณอยากมาเรียนที่กรุงเทพฯ อยากใช้ชีวิตให้ไกลจากบ้านเกิดของคุณที่มีแต่ทะเลสาบสีครำ จังหวัดที่เป็นแค่ทางผ่าน ไม่มีอะไรให้จดจำ

คุณได้ยินข่าวเรื่องการปิดตัวของโรงหนังเฮาล์ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ไม่มีวันเสาร์ที่อาร์ซีเอสำหรับคุณหรือเธออีกต่อไป ไม่มีช่วงเวลาดื่มกาแฟกับเธอ ขึ้นบันไดเลื่อนพร้อมกัน ถกเถียงแลกเปลี่ยนกันบนขั้นบันไดหน้าโรงหนัง เหมือนปิดฉากเรื่องราวของเรา เรื่องของคุณกับเธอ ไปพร้อมกับการปิดตัวของโรงหนังสแตนด์อโลน

เมื่อไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยว ระยะห่างระหว่างคุณกับเธอก็ถ่างกว้างออกไป โรงหนังปิดตัวในวันที่คุณสอบวิชาสุดท้ายของปีสี่ หมดภาระหน้าที่ของนักศึกษา วันนั้นสอบเสร็จคุณนั่งรถเมล์มาอาร์ซีเอเพียงลำพัง มาหยุดยืนอยู่หน้าโรงหนังเฮาส์ บันไดเลื่อนนิ่งสนิท โปสเตอร์หนังสีซีดจากเพราะแดดลามเลีย คุณมองไปยังร้านกาแฟในซูเปอร์มาร์เก็ต เก้าอี้สตูลสองตัวนั้นมีคู่รักคู่อื่นมานั่งแทน ไม่มีเธออีกแล้วที่อาร์ซีเอ

คุณเดินเตร็ดเตร่ไปบนถนนเส้นนั้น ดอกเฟื่องฟ้าหลากสีเบ่งบานสองข้างทาง แต่ข้างในคุณกลับเหี่ยวเฉา คุณมองคู่รักเซลฟี่กับดอกไม้ ใบหน้าในแดดบ่ายนั้นสดใสและเปี่ยมชีวิตชีวา คุณเดินทอดน่องสำรวจร้านค้า ย่านอาร์ซีเอครั้งหนึ่งเคยเป็นย่านยอดนิยมสำหรับท่องราตรี แต่ตอนนี้มีแต่คนบอกว่าอาร์ซีเอตายแล้ว ยิ่งโรงหนังสแตนด์อโลนปิดตัวลง เหมือนตายอีกรอบ

คุณไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องมาที่นี่อีกต่อไป

 

โรงหนังสแตนด์อโลนจากไปอย่างเงียบงัน โรงหนังลิโด้และสกาลาก็ทยอยปิดตัวลง สถานที่แห่งความทรงจำที่คุณมีต่อเธอนั้นหายไปแล้ว ไม่มีช่วงเวลาในโรงภาพยนตร์ระหว่างคุณกับเธออีก

เมื่อจบมหาวิทยาลัย คุณไม่เจอกับเธออีกเลย ทราบข่าวจากกลุ่มเพื่อนที่เคยไปดูหนังด้วยกัน บอกว่าเธอทำงานในกองถ่ายหนัง คุณดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เธอได้งานที่อยากทำ ส่วนคุณเพิ่งได้งานพาร์ตไทม์ มีร้านหนังสืออิสระมาเปิดใหม่ย่านอาร์ซีเอ ย่านที่ทุกคนบอกว่าตายแล้วนั่นแหละ

ร้านหนังสือแห่งนั้นเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนใหญ่ขายหนังสือวรรณกรรม ชั้นสามมีบาร์เหล้า เป็นร้านหนังสือที่คุณเจอตอนเดินทอดอาลัยให้กับโรงหนังที่เพิ่งจากไป เมื่อเห็นป้ายสมัครงาน คุณก็ได้งานทำกะกลางคืน เลิกงานก็ขึ้นไปนั่งดื่มกาแฟฟรีหรืออ่านหนังสือที่บาร์ รอเวลารถเมล์เที่ยวเช้าออกวิ่ง กลางวันหมดเวลาไปกับการนอน ตื่นมากินข้าว แล้วก็นอนต่อ

ช่วงที่เฝ้าร้านหนังสือคุณอ่านหนังสือของมูราคามิครบทุกเล่ม บางครั้งเมื่อกระดิ่งตรงบานประตูไม้ส่งเสียงก้องกังวาน คุณชะเง้อมอง ละสายตาจากหนังสือที่อ่านค้างอยู่ ภาวนาให้ใบหน้าที่ผลักบานประตูเข้ามาเป็นเธอ แต่ก็เป็นใบหน้าอื่น คุณไม่เคยเจอเธอที่อาร์ซีเอสักครั้งนับตั้งแต่โรงหนังปิดตัวลง

ชีวิตหลังเรียนจบของคุณยังคงวนเวียนอยู่ในย่านอาร์ซีอี คุณทำงานควบกะ เพื่อจะมีเงินพอจ่ายค่ากินอยู่ในเมืองหลวง อาศัยช่วงร้านปลอดคนแอบงีบตอนกลางคืน คุณโหมทำงานหนักเพียงเพื่อให้เหนื่อยจะได้ไม่ต้องคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน

และเรื่องที่คุณคิดส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของเธอนั่นแหละ

 

คุณไม่ได้ดูหนังอีกเลย บางคราวคุณคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ก็เดินไปกินข้าวเย็นที่ฟู้ดคอร์ตในซูเปอร์มาร์เก็ต แวะซื้อกาแฟร้านที่เคยนั่งข้างเธอ ยืนมองบันไดเลื่อนที่นิ่งสนิท นั่งจิบกาแฟข้างถังทรายที่ปราศจากก้นบุหรี่ สอดส่ายสายตาควานหาใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ไม่มีเลย โปสเตอร์หนังยังคงติดอยู่อย่างนั้น

อาร์ซีเอไม่มีอะไรใหม่ ทุกสิ่งยังคงเดิม เมื่อโรงหนังปิดกิจการ รถบนถนนตรงหน้าน้อยลง ลูกค้าในร้านหนังสือมีบ้างประปราย แต่คุณก็ไม่เคยเจอเธอ เมื่อไม่มีโรงหนัง ก็ไม่มีเธอ เรายึดโยงกันไว้ด้วยโลกบนแผ่นฟิล์ม

ตั๋วหนังทุกเรื่องทุกรอบที่คุณไปดูกับเธอยังคงอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าสตางค์ คุณเก็บตรงช่องใส่นามบัตร สิ่งที่เคยยึดเหนี่ยวและทำเป็นกิจวัตรก็ยกเลิกไป วันเสาร์กลายเป็นวันเศร้าซึมเซาสำหรับคุณ คุณเดินผ่านโรงหนังแห่งนั้นไปร้านหนังสือที่คุณทำงานทุกวัน

แต่ไม่มีอาร์ซีเอสำหรับเธออีกแล้วในตอนนี้