จดหมาย

จดหมาย | ประจำวันที่ 19-25 เมษายน 2567

 

• น้ำมัน

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ประเมินสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 1-5 เมษายน 2567 และแนวโน้มสัปดาห์วันที่ 8-12 เมษายน 2567 ดังนี้

ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

ท่ามกลางสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียด

วันที่ 7 เมษายน 2567 อิสราเอลส่งตัวแทนเข้าร่วมเจรจาหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสรอบใหม่ ที่เมือง Cairo ประเทศอียิปต์ โดยมีกาตาร์ สหรัฐ และอียิปต์เป็นคนกลางเจรจา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของ ฮามาสกล่าวว่า การเจรจายังคงอยู่ระหว่างการแก้ไขรายละเอียดบางประการ

Reuters รายงานกองทัพอิสราเอลถอนทหารภาคพื้นดินเกือบทั้งหมดออกจากฉนวนกาซาทางตอนใต้ เหลือไว้เพียง 1 กองพันรักษาการ โดยมิได้ชี้แจงเหตุผล

อย่างไรก็ตาม นาย Yoav Gallant รมว.กระทรวงกลาโหมอิสราเอลกล่าวว่า กำลังพลของกองทัพยังคงเตรียมการสำหรับปฏิบัติการในอนาคตที่กาซา

ที่ประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ มีมติคงมาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจ 2.2 MMBD จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2567 (ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567) และกำหนดการประชุม OPEC and non-OPEC Ministerial ครั้งถัดไปในวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ซึ่งจะเป็นการประชุมเต็มรูปแบบ โดยให้ประเทศที่ผลิตเกินโควต้า จัดส่งแผนลดการผลิต ภายในวันที่ 30 เมษายน 2567

ติดตามมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันเวเนซุเอลาของสหรัฐ เนื่องจากประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นาย Niclolas Maduro ที่ให้คำมั่นสัญญาจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่เสรีและยุติธรรม

ล่าสุด ศาลสั่งห้ามผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นาง Mara Corina Machado ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากปัญหาด้านการเงิน

ซึ่งรัฐบาลสหรัฐเห็นว่าเวเนซุเอลาไม่ทำตามสัญญา และอาจกลับมาคว่ำบาตรน้ำมันอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในเดือน มีนาคม 2567 เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันดิบ 590,000 บาร์เรลต่อวัน (ลดลง 20,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า) ทั้งนี้ มาตรการผ่อนผันการคว่ำบาตรจะสิ้นสุดในวันที่ 18 เมษายน 2567

ฝ่ายแผนและบริหารบริษัทในเครือ

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

 

ข้อมูลอาจไม่อัพเดตนัก

เพราะเป็นการวิเคราะห์ก่อนที่อิหร่านจะเปิดฉากถล่มอิสราเอล

ซึ่งเป็นสถานการณ์ใหญ่ของโลก

มีผลสะเทือนสูง

น้ำมันที่ตอนนี้มีทิศทางขาขึ้น

จึงมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นอีก

เลยเอาบทวิเคราะห์นี้ให้อ่าน

อ่านเพื่อ “เตรียมตัว” รับภูมิรัฐศาสตร์อันตึงเครียด

ที่จะส่งผลสะเทือนในวงกว้าง

รวมถึงน้ำมันด้วย

 

• ทองคำ

สถาบัน Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่

ให้มุมมองว่า เดือนเมษายนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามีโอกาสจะเข้าสู่รอบปรับฐาน หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทุกดัชนีมีการปรับตัวขึ้นได้ในระดับเกือบเลขสองหลักและสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้

ทั้งนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของดัชนีจากการที่หุ้นขนาดใหญ่บางตัว เช่น APPLE และ TESLA ถูกเทขาย เพราะมีความกังวลเรื่องผลประกอบการ

และตลาดเริ่มกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ลดดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในปีนี้ ตามที่ประกาศไว้

เนื่องจากเศรษฐกิจยังเติบโตต่อเนื่อง และเงินเฟ้อยังไม่ลงมาถึงเป้าหมายระดับ 2% ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่ “ทองคำ” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนโดดเด่นในเดือนที่ผ่านมาจนราคาสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่า

น่าจะมีเหตุผลมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ

ประกอบกับมีแรงซื้อจากประเทศจีนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

แต่การที่ราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็วและใกล้จะถึงเป้าหมายแนวต้านแล้ว

ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

แนวโน้มหลักของทองคำยังคงเป็นขาขึ้น และมีโอกาสจะแตะแนวต้านระยะยาวที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์ได้

แต่ระยะสั้นในระดับราคาที่เริ่มจะชนแนวต้านแรกที่ 2,360 ดอลลาร์ มองเป็นโอกาสขายทำกำไรระยะกลาง

สำหรับผู้ที่ถือมาตั้งแต่ต้นทางและรอจังหวะที่จะเข้าไปซื้อใหม่อีกครั้งที่แนวรับ 2,150 ดอลลาร์ และ 2,076 ดอลลาร์

นายณพวีร์ พุกกะมาน

สถาบัน Creative Investment Space (CIS)

 

ทองคำที่ราคาพุ่งกระฉูดมาตลอด

เมื่อมาเจอสงครามตะวันออกกลาง กระตุ้นเข้าไปอีก

ทองคำคงทะยานไม่หยุด

จะซื้อ-ขาย ต้องระวัง

ส่วนใครจะหมั้นสาว

หรือหาสินสอดแต่งงาน

คงกุมขมับ

 

• ดอกเบี้ย

เมื่อวันที่ 10 เมษายน ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้า รายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) 0.15% ต่อปี

จาก 6.75% เหลือ 6.60% ต่อปี

นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ

เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ

และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง

ส่วนสื่อสารองค์กร ฝ่ายส่งเสริมภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

 

หลังสงกรานต์

แนวโน้มน้ำมัน-ทองคำ ที่จะขึ้น

ด้วยสถานการณ์โลกร้อนรุ่ม

คงสร้างผลกระทบด้านลบถึงเราแน่ๆ

ต้องเตรียมใจพร้อมรับ

เมื่อมีข่าวดี (บ้าง) EXIM BANK สวนกระแส (กนง.-ธปท.) โดย “ลดดอกเบี้ย”

ก็เลยเอามาให้อ่าน

ว่านายกฯ-รัฐบาล ก็พอมี “เครื่องมือ”

ผลักดันนโยบายของตนเองอยู่บ้าง

มิใช่แค่ตะโกนโหวกเหวก

ที่เขาได้ยิน แต่ไม่ฟัง (ฮา) •