ย้อนดู “พัฒนาการของข้ออ้าง” ตำรวจโต้ ไม่ได้รีดไถดาราไต้หวัน

อีกหนึ่งกรณีอื้อฉาวข้ามประเทศ หลังจู่ๆ ดาราสาวชาวไต้หวันออกมาเปิดเผย ถูกตำรวจไทยค้นตัว ก่อนเรียกรับเงิน 27,000 บาท จึงขอเตือนให้นักท่องเที่ยวอย่าพกเงินสดเยอะ

เธอยังกล่าวต่อว่า “ไม่คิดเลยว่า ไปเที่ยวปีใหม่ที่ไทยหวังเจอประสบการณ์ดีๆ แต่กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและน่ากลัวที่สุดในชีวิต และฉันจะไม่ไปเหยียบเมืองไทยอีก

กลายเป็นเรื่องดังทันที โดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะเรื่องแบบนี้รู้ๆกันอยู่ บริบทมันได้ ระหว่างเรื่องที่เกิดขึ้นกับวงการนี้

 

26 มกราคม -สั่งสอบสวน ประสานตำรวจไต้หวันขอข้อมูลดารา
-เรียก 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวางมาสอบแล้ว
-อ้างเหตุที่อยู่นานเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง และรอพาสปอร์ต
-ปล่อยดาราสาวไป เพราะเลิกจุดตรวจพอดี
ยืนยันด้วยเกียรติ ไม่มีรีดไถ
27 มกราคม -ได้หลักฐานวงจรปิดมาแล้ว 3 กล้อง
-ตรวจสอบกล้องหมดแล้ว ไม่เห็นการรีดไถ-เรียกเงิน
-อ้างคนขับรถให้การ ดาราสาวมึนเมาหนัก-เสียงดังโวยวาย
-ตำรวจพูดคุยอย่างสุภาพ ขอตรวจตามปกติ
-ดาราสาวผิดกฎหมายฐานพกบุหรี่ไฟฟ้า
29 มกราคม -ตำรวจเผย สอบพยานแล้ว 10 ปาก ไม่พบการรีดทรัพย์
30 มกราคม -เผยผลสอบใหม่ พบมีมูลเรื่องการรีดไถ
สั่งย้ายผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง
-ผ.บชน.ยัน ไม่มีตำรวจคนไหนสารภาพ
-อ้างภาพจากกล้องหมวกตำรวจถูกลบจริง แต่ไม่รู้ลบเอง หรือหมดอายุ

 

26 มกราคม ทันทีที่เรื่องดังกล่าวฉาวขึ้นมาในสื่อไทย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.  เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งให้มีการสืบสวนทันที ทั้งติดต่อด้วยภาษาจีนขอข้อมูลเพิ่มเติมไปยังนักแสดงชาวไต้หวัน  ประสานตำรวจไต้หวันฯ ขอให้ช่วยติดต่อนักแสดงสาวเพื่อขอข้อมูลรายละเอียดที่เกิดขึ้น

พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้เรียกรอง ผกก.ป้องกันและปราบปราม สน.ห้วยขวาง รวมทั้งตำรวจ 7 นาย ที่ตั้งด่านวันที่ 4 มกราคม มาสอบถามรายละเอียด พร้อมทั้งให้ดูกล้องทั้งหมด วันนั้นตำรวจได้โต้เถียงกับนักท่องเที่ยวจีน และขอดูพาสปอร์ต แต่ดาราสาวไต้หวันไปเที่ยวมา แล้วเมา พูดกันไม่รู้เรื่องเพราะคุยกันคนละภาษากัน โดยบอกว่าไม่ได้พกพาสปอร์ตมา จะให้เพื่อนไปเอาให้ที่พักได้ ตำรวจก็รอ ใช้เวลาพอสมควรในการเดินทาง

รอง ผบช.น.กล่าวว่า มีข้อจำกัดภาษาการสื่อสาร ประกอบกับจะยกเลิกจุดตรวจ ทำให้ตำรวจตัดสินใจปล่อยดาราไต้หวันไป เพราะหัวหน้าจุดตรวจประเมินแล้วว่าไม่น่าจะเป็นบุคคลอันตราย เพราะฉะนั้นปล่อยไป โดยไม่มีจับ, ปรับ และไม่มีการเรียกรับเงิน ซึ่งตำรวจทั้งหมดยืนยันด้วยเกียรติว่าไม่มีการเรียกเงินที่เขากล่าวอ้างโดยเด็ดขาด และยอมรับว่าวันนั้นมีการโต้เถียงกันบ้าง เพราะการสื่อสาร

27 มกราคม พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้หลักฐานวงจรปิดหน้าสถานทูตจีน 3 จุด อ้างว่ายังไม่ปรากฏภาพดาราสาวไต้หวันกับพวกจ่ายเงินให้ตำรวจไทย ภาพจากวงจรปิดทั้ง 3 ตัวไม่เห็นว่าดาราสาวและพวกเข้าไปในซอย เพื่อจ่ายเงินให้กับตำรวจตามที่กล่าวอ้าง

พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.)  เผยว่า ได้เชิญตัวคนขับรถรับจ้างสาธารณะที่เรียกผ่านระบบแอพพลิเคชั่นมาสอบปากคำที่ สน.ห้วยขวาง ให้การว่าตลอดทางที่หญิงสาวคนดังกล่าวนั่งรถมา ลักษณะมีอาการมึนเมามาก และพูดคุยเสียงดังมาตลอดทาง กระทั่งมาถึงที่ด่าน ตำรวจขอตรวจตามปกติและพูดจาด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่หญิงสาวคนดังกล่าวมีอาการมึนเมาพูดคุยเสียงดัง  คาดว่าเกิดการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน จึงเชิญหญิงสาวลงไปพูดคุยบนถนนก่อนจะเปลี่ยนไปคุยกันบนทางเท้า

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาให้สัมภาษณ์ จะเอาผิดตำรวจ ปล่อยตัวดาราไต้หวัน ทั้งที่ไม่มีวีซ่า พกบุหรี่ไฟฟ้า อ้างด่านใกล้เลิกฟังไม่ขึ้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตำรวจ

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ดาราสาวไต้หวัน ออกมาโพสต์โต้ ไม่ได้ดื่มเหล้า ยืนยันสามารถชี้ตัวตำรวจที่รับเงินได้ พร้อมเรียกร้องให้มีการเปิดวงจรปิด

29 มกราคม   ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมายังศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาลเข้ามาร่วมคลี่คลายคดี ประสานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะติดต่อประสานไปยัง น.ส.อันยู่ชิง ดาราสาวชาวไต้หวัน พร้อมเพื่อนรวม 4 คน เพื่อให้ปากคำอย่างเป็นทางการ

ช่วงค่ำวันที่ 29 มกราคม พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าได้ สอบพยานกว่า 10 ปากยังไม่พบหลักฐานรีดทรัพย์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง

วันที่ 30 มกราคม  คดีพลิก หลังปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวันให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง และมีคลิปยืนยันด้วย

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า “ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง”

“1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน 2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน 3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ 4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน 5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง”

“ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด เรื่องสำนวน “ตู้ห่าว” ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย ยังมาทำเรื่อง “สาวไต้หวัน” ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก” ชูวิทย์ กล่าว

ต่อมา ชูวิทย์ยังโพสต์ข้อความอีกว่า ผมรอฟังความจริงจาก ผบช.น. หลังฟังคำโกหกหลอกลวง หาเรื่องสาวไต้หวันคนพูดความจริง หากครั้งนี้ยังโกหกอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะแถลงข่าวเปิดโปงให้ดู หลักฐานอยู่ในมือผมแล้ว

 

ช่วงสายของวันที่ 30 มกราคม  มีรายงานว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ได้เรียกประชุมเมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง 1 ใน 7 นาย ที่อยู่ในด่านตรวจที่เกิดเหตุคืนนั้น ยอมรับว่า มีการรีดไถเงินจากดาราสาวไต้หวัน 27,000 บาท จริง

เวลาไล่เรี่ยกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)ได้เผยแพร่ใบแถลงยอมรับตำรวจตั้งด่านรีดเงินนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน ว่า มีแนวทางการสืบสวนที่สอดคล้องกับกระแสข่าวดังกล่าวอยู่แล้ว และอยู่ระหว่างติดตามพยานมาให้การยืนยันการกระทำความผิดและจำนวนเงินที่ส่งมอบดังกล่าว

ต่อมา ชูวิทย์ยังโพสต์ข้อความอีกว่า ผมรอฟังความจริงจาก ผบช.น. หลังฟังคำโกหกหลอกลวง หาเรื่องสาวไต้หวันคนพูดความจริง หากครั้งนี้ยังโกหกอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะแถลงข่าวเปิดโปงให้ดู หลักฐานอยู่ในมือผมแล้ว

หลังจากนั้น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. แถลงกรณี ดาราไต้หวัน แต่ก็แสดงอาการอ้ำอึ้งกรณี ตำรวจไทย รีดไถ ระบุว่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันไม่ได้สั่งให้ลบภาพจากวงจรปิด ส่วนไฟล์ที่กล้่องติดหมวกตร.ถูกลบจริง ไม่รู้ลบเอง หรือหมดอายุ ลั่นยังไม่มีตำรวจคนไหนรับสารภาพ

ซึ่งประเด็นการลบคลิปกล้องติดหมวกตำรวจ ยิ่งต้องถูกตั้งคำถาม เพราะถ้ามีการลบหรือบันทึกซ้ำไฟล์ที่กล้องติดหมวกตร. ถือเป็นการทำลายหลักฐาน ต้องมีการสอบสวน ลงโทษ ก่อนเลย  นี่คือเหตุผลว่า ทำไมตอนที่ดาราสาวไต้หวัน กล่าวหา ทำไมไม่เอากล้องติดหมวกมาแสดง  เพราะมันเป็นหลักฐานที่จะเอามาใช้มัดความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการด่วนให้ผบช.น. สั่งให้ผกก.สน.ห้วยขวาง มาช่วยราชการ หลังมีข้อมูล ตำรวจไทย รีดเงิน ดาราไต้หวัน พร้อมกำชับ ตร.ทุกพื้นที่ ตั้งด่านตรวจ ทำตามกฎหมาย ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ

จึงต้องจับตาดูเรื่องนี้จะจบยังไง เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ จบแบบชนิดที่ว่า “เป็นไปตามที่คาด” หรือ “กะแล้วผลสอบต้องเป็นแบบนี้”