ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์
2503 สงครามลับ
สงครามลาว (80)
7-8 มกราคม
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นมา ประมาณว่ามีกระสุน ป.130 ม.ม. ประมาณ 600 นัดที่ยิงถล่มล่องแจ้งและที่หมายบนสันสกายไลน์ ต่อมาใน 7-8 มกราคม ก็ยังมียิงมาอีก 100 นัด และในเย็นวันที่ 7 มกราคม แซ็ปเปอร์ 40 คนจากกองพันดักกง 27 สามารถแทรกซึมเข้ามาในล่องแจ้งทำลายเครื่องบินตรวจการณ์ O 1 ไป 2 เครื่อง บางส่วนของอาคารซีไอเอ และคลังกระสุน ส่งผลให้มีการระเบิดต่อเนื่องไปอีก 2 วัน
หนังสือพิมพ์ทั้งในกรุงเทพฯ และวอชิงตันอ้างแหล่งข่าวทางการว่า โอกาสที่ล่องแจ้งจะอยู่รอดมีเพียง 50/50
มีรายงานการตรวจพบกำลัง 2 กองร้อยจากกรม 866 ทางด้านใต้ของล่องแจ้ง (ขณะที่กำลังส่วนใหญ่ของกรม 866 อาจถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดของบี 52 หน้าแนวสกายไลน์แล้ว) ขณะนี้หุบล่องแจ้งจึงถูกปิดล้อมโดยรอบแล้วด้วยกำลังทหารเวียดนามเหนือตามแผนขั้นที่สองของ CAMPAIGN Z
9 มกราคม
ยอดเนินสำคัญ CW บนสกายไลน์ถูกยึดโดยหน่วยแซ็ปเปอร์ของเวียดนามเหนือ CASE OFFICER “NO MAN” และผู้ช่วยถูกนำตัวด้วย ฮ. ออกจาก CW ผู้บังคับกองพัน ทสพ.บีซี 617 “พลเทพ” ถูกพลซุ่มยิงข้าศึกยิงเสียชีวิต กำลังทหารเกือบทั้งหมดของกองพันนี้จึงแตกตื่นหลั่งไหลลงจากสกายไลน์ด้านใต้ ซึ่งแสนพยายามเข้ายับยั้งและพูดให้กลับขึ้นไปรักษาที่มั่น CW ไว้ต่อไป บางส่วนไม่ยอมปฏิบัติตาม มีเพียงกำลังจำนวนไม่มากนักกลับไปยังฐาน CW ซึ่งถูกแซ็ปเปอร์ยึดไว้แล้ว มีการต่อสู้ในระยะประชิด ในที่สุดทหารไทยซึ่งตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบก็ต้องถอนตัว
10 มกราคม
กรม 141 เวียดนามเหนือวางกำลังล้อมรอบซำทอง
12 มกราคม วันชี้ชะตา
สถานีวิทยุขบวนการประเทศลาว (ฝ่ายซ้าย) รายงานข่าวว่า “ล่องแจ้งแตกแล้ว” ขณะที่ในสถานการณ์ที่เป็นจริง การสู้รบเพื่อเข้ายึดล่องแจ้งยังไม่สิ้นสุด ฝ่ายเวียดนามเหนือยังคงดำรงความพยายามต่อไป ขณะที่ทหารเสือพรานก็พยายามป้องกันรักษาแนวสกายไลน์อย่างทรหดอยู่
จนกระทั่งถึงวันที่ 12 มกราคม จึงไม่สามารถต้านทานการกดดันของข้าศึกซึ่งมีจำนวนมากกว่าหลายเท่าได้
ประกอบกับต้องประสบการสูญเสียกำลังพลลงทุกวัน รวมทั้งการเสียชีวิตของ ผบ.พัน ทสพ.บีซี 617 ทำให้ฝ่ายเรามีขวัญกำลังใจตกต่ำลงอย่างมาก
ดังนั้น เมื่อมีข่าวแบบปากต่อปากว่ากำลังพลข้าศึกประมาณ 300 คนสามารถเข้าสู่สนามบินล่องแจ้งได้ ทหารราบเสือพรานสองกองพันก็ผละจากการรบ พากันถอนตัวลงมาจากแนวสกายไลน์ 2 ผ่านฐานยิงแคนเดิลบริเวณศาลาพีดีเจ
ทำให้กำลังพลภายในล่องแจ้งพากันถอนตัวตามไปด้วย รวมทั้งทหารปืนใหญ่ก็ต้องย้ายที่ตั้งยิงจากศาลาพีดีเจ เนื่องจากไม่สามารถรับมือกับข้าศึกได้ตามลำพัง
มาตั้งฐานยิงแคนเดิลแห่งใหม่ที่บริเวณหน้าถ้ำใกล้ศูนย์ฝึกทางทิศใต้ ซึ่งประกอบด้วย ป.105 และ ค.4.2 อย่างละ 2 กระบอก และพัน ป.ทสพ. 636 ตั้งฐานยิงโบวี่ ซึ่งประกอบด้วย ป.155 และ ป.105 อย่างละ 1 กระบอก กับ ค.4.2 อีก 4 กระบอกขึ้นที่เนินใกล้กับ บก.ฉก.วีพี
บันทึกของ “ผาอิน”
“สถานการณ์ที่ล่องแจ้งในวันที่ 12 มกราคม 2515 นี้นับว่าคับขันอย่างถึงที่สุด ข้าศึกสามารถยึดสันเขาสกายไลน์ 2 อันเป็นที่สูงข่มตัวเมืองไว้ได้โดยสิ้นเชิง เหลือแต่ที่สกายไลน์ 1 คือ พัน ทสพ.616 เพียงกองพันเดียวเท่านั้น นอกจากนั้น เวียดนามเหนือยังพยายามส่งหน่วยเข้าโอบล้อมทางด้านหลังอีกด้วย
บก.ฉก.วีพี จึงได้เตรียมถอนตัวตามแผน ‘เลือดสุพรรณ’ ซึ่งเตรียมไว้แล้วและกำลังประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของฝ่ายสหรัฐและลาวอย่างเคร่งเครียด ในที่สุดฝ่ายสหรัฐก็ตกลงใจจะให้การสนับสนุนด้วย B 52 และขอให้รักษาล่องแจ้งเมืองหน้าด่านสำคัญของเวียงจันทน์นี้ไว้ให้ได้
เมื่อ ผบ.ฉก.วีพี ออกจากที่ประชุมกลับมายัง บก.นั้น กำลังพลฝ่ายเรากำลังถอนตัวจากที่ตั้งไปยังด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้รับคำสั่งพร้อมทั้งคำชี้แจงถึงการสนับสนุนของฝ่ายสหรัฐจึงพากันกลับเข้าประจำหน้าที่ตามเดิม ส่วนทหารราบเสือพรานทั้ง 2 กองพัน (617 และ 618) ไม่สามารถกลับขึ้นแนวสกายไลน์ 2 ได้ เนื่องจากข้าศึกจำนวนมากได้ขึ้นยึดไว้หมดแล้ว จึงให้รักษาด้านหลังของ บก.ฉก.วีพี และหากสถานการณ์คับขันถึงขีดสุด บก.จะให้สัญญาณการถอนตัว
กลางดึกของคืนนั้น ขณะที่ทุกคนรอคอยพลุสีแดง 2 ช่ออันเป็นสัญญาณการถอนตัวอยู่ด้วยใจกระวนกระวายเนื่องจากเรารู้ตัวว่าไม่มีทางรับมือกำลังข้าศึกซึ่งมากมายกว่าเราหลายเท่าได้เลย โดยเฉพาะกองพันทหารปืนใหญ่ทั้ง 2 กองพัน ซึ่งเพิ่งจะประสบกับความปราชัยต่อกำลังพลอันมหาศาลของข้าศึกจากการยุทธ์ที่ทุ่งไหหิน ต้องหนีกระเซอะกระเซิงกลับมาได้อย่างหวุดหวิด จึงไม่มีขวัญกำลังใจที่จะต่อสู้กับข้าศึกอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป
และทันใดนั้น ฝูงบินทิ้งระเบิดขนาดหนักของสหรัฐ คือ B 52 ก็มาถึงล่องแจ้ง และเข้าทิ้งระเบิดแบบปูพรมบนสันเขาสกายไลน์ 2 อย่างขนานใหญ่ ยังผลให้ข้าศึกซึ่งกำลังชุมนุมเตรียมเข้ายึดล่องแจ้ง บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
จากข่าววิทยุดักฟัง ทราบว่า กรม 148 ของข้าศึกถูกทิ้งระเบิดอย่างจังจนเกือบละลายทั้งกรม ข้าศึกแตกเป็นหน่วยย่อยๆ หลบซ่อนอยู่บนแนวสกายไลน์บ้าง ถอนตัวออกไปบ้าง และมีบางส่วนหนีการทิ้งระเบิดมาหลบซ่อนอยู่ตามบ้านเรือนราษฎรใกล้สนามบิน”
13 มกราคม 2515…
บันทึกของ “ผาอิน”
“ฝูงบิน B 52 ยังคงทิ้งระเบิดแบบปูพรมต่อไปบนแนวสกายไลน์และรอบๆ ล่องแจ้ง ฐานยิงแคนเดิลและโบวี่ ตรวจการณ์เห็นข้าศึกบนแนวสกายไลน์ จึงยิงแบบเล็งตรงส่งกระสุนปืนใหญ่ขึ้นไปทำลาย และสังหารข้าศึกลงได้เป็นจำนวนมาก ในวันนี้ทหารแม้วของนายพลวังเปา และกำลังทหารลาวที่ส่งมาช่วยจากสุวรรณเขต เริ่มออกกวาดล้างข้าศึกภายในล่องแจ้งและพยายามขึ้นยึดแนวสกายไลน์คืน เกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรงอยู่ทั่วไป
ข้าศึกยังคงระดมยิง ป.130 ม.ม. มายังบริเวณล่องแจ้งอย่างหนัก แต่โดยเหตุที่ข้าศึกกำหนดที่ตั้ง บก.ฉก.วีพีผิด โดยคาดว่าอยู่ใกล้กับ บก.ฝ่ายสหรัฐและลาวทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของสนามบิน จึงระดมยิงไปยังด้านนั้นอย่างหนาแน่น ทำให้ บก.ฉก.วีพีไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แม้กระนั้นก็ยังมีกระสุน ป.130 ม.ม.บางนัดตกลงยังพื้นที่ส่วนหลังของกองพันต่างๆ โดยเฉพาะส่วนหลังของพัน ป.ทสพ.635 ถูกกระสุนปืน 130 ม.ม. จนทำให้รถบรรทุก 2 คันซึ่งบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ และบังเกอร์ของกำลังพลส่วนหลังเสียหาย และเกิดเพลิงไหม้ ฝ่ายเราเสียชีวิต 1 นาย…นอกจากนั้น ยังมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บอีก 5 นาย
จากการช่วยเหลือในด้านกำลังพลทางอากาศของสหรัฐอย่างได้ผล ทำให้ฝ่ายเรามีขวัญดีขึ้นสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ทาง บก.อุดรได้ส่งกำลังพลมาช่วย บก.ฉก.วีพีอีก 2 กองพันคือ พัน ทสพ.602 A เดินทางมาถึงล่องแจ้งเมื่อ 13 มกราคม 2515 และพัน ทสพ.601 A เดินทางมาถึงเมื่อ 14 มกราคม รวมเป็นทหารราบเสือพราน 5 กองพัน
นอกจากนั้น ฝ่ายทหารท้องถิ่นยังรวบรวมกำลังพลเข้ากวาดล้างและช่วยเราเข้ายึดแนวสกายไลน์คืนได้หลายจุด”
14 มกราคม มิก 21 เหนือล่องแจ้ง
เจมส์ อี ปาร์เกอร์ จูเนียร์ บันทึกสถานการณ์ช่วงนี้สรุปได้ว่า…
หนังสือพิมพ์ฮานอยพาดหัวข่าวหน้า 1 สนับสนุนการออกอากาศของสถานีวิทยุประเทศลาวเมื่อ 12 มกราคม ว่า “ล่องแจ้งแตกแล้ว” เช่นเดียวกัน พร้อมขยายความว่า “เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่”
เย็นวันนี้ เครื่องบินมิก 21 เครื่องหนึ่งปรากฏตัวเหนือล่องแจ้งเพื่อดึงดูดความสนใจจากเครื่องบินขับไล่สหรัฐ เครื่องบิน F4-D จำนวน 2 เครื่องเข้าขัดขวางแล้วยิงด้วยจรวด 9 ลูก แต่ไม่ได้ไล่ติดตามเมื่อมิกเครื่องนั้นบินกลับน่านฟ้าเวียดนามเหนือ
กองบัญชาการของไทยที่ล่องแจ้งรายงานว่า สนามบินที่ล่องแจ้งถูกยิงด้วย ป.130 ม.ม.ระหว่าง 22.00-24.00 น. อีก 100 นัด ทำให้ตั้งแต่ 31 ธันวาคมเป็นต้นมา ล่องแจ้งและเนินสกายไลน์ถูกยิงด้วย ป.130 ม.ม.ไปแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 นัด
เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์แล้วที่การรุกใหญ่ตาม CAMPAIGN Z ของเวียดนามเหนือดำเนินมา ผู้สังเกตการณ์หลายคนเห็นว่า จากการที่กำลังแซ็ปเปอร์ได้เข้ามายึดพื้นที่ตอนกลางแนวสกายไลน์ไว้ได้แล้ว ต่อไปก็จะทำหน้าที่เป็นส่วนนำการเข้าตีขั้นสุดท้ายในการยึดแนวสกายไลน์ทั้งหมดและเข้ายึดล่องแจ้งได้ในที่สุด ภาพเหล่านี้ปรากฏบนแผนที่ของหน้าหนังสือพิมพ์
ขณะที่กำลังป้องกันล่องแจ้งของซีไอเอขณะนั้นมีเพียงเล็กน้อย โดยมีการวางตัวดังนี้
กำลังท้องถิ่น BG 121 และ 122 วางตัวทางตะวันตกของสกายไลน์
กำลังทหารเสือพรานไทย พัน ทสพ. 606 รวมกับพัน ทสพ. 617 ไม่ถึง 400 คน วางตัวอยู่ทางตอนกลางถึงตะวันออกของสกายไลน์ หน่วยคอมมานโดเพียงหน่วยเดียวของม้งวางตัวทางด้านตะวันออกของแนวสกายไลน์ หน่วย GM ของม้งวางตัวบริเวณตะวันออกสุดของล่องแจ้ง 2 กองพันจากสะวันนะเขตวางตัวบริเวณรอบนอก โดยมี 2 กองพันทหารเสือพรานไทยเป็นกองหนุน
ขณะที่พื้นที่สูงข่มตอนกลางของสกายไลน์ซึ่งเป็นจุดได้เปรียบในการรบล้วนตกอยู่ในการยึดครองของทหารเวียดนามเหนือทั้งหมด