Cherry Blossoms at Washington, D.C. USA. ซากุระบานที่วอชิงตัน ดี.ซี. อเมริกา

เช้าของวันที่ 3 เมษายน 2019 ผมขับรถออกจากบ้านที่เมืองเรดดิ้ง (Reading) รัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) ไปที่สถานีแลงคาสเตอร์ – ออกเสียงตามคนพื้นเมือง (Lancaster) ใช้เวลา 38 นาที เพื่อขึ้นรถไฟ Amtrak ขบวนจากนิวยอร์ก (New York) ตอน 9 โมง 33 นาที ไปที่สถานีถนน 30 (30th Street Station) เมืองฟีลาเดลเฟีย (Philadelphia) ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมง 10 นาที

แล้วนั่งรอเพื่อต่อรถไฟขบวน 95 ที่จะออกตอนเที่ยง 3 นาที วิ่งไปสถานียูเนี่ยน (Union Station) วอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C.) ถึงตอนบ่ายโมง 58 นาที

ที่จริงผมขับรถไปสู่ที่หมายที่วอชิงตัน ดี.ซี. เลยก็ได้ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 20 นาที แล้วขับกลับในเวลาที่นานกว่าเพราะต้องฝ่าการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็นของเมืองหลวงอเมริกา ซึ่งจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเกินไป

จองตั๋วรถไฟทั้งขาไปและขากลับทางออนไลน์ได้มาในราคาต่ำสุดขาละ $ 69 แต่บางขบวน เช่น ขากลับจากสถานี Union ขบวนห้าโมงเย็น ตั๋วรถไฟราคาขึ้นไปถึง $ 218

ตั๋วรถไฟ Amtrak ไล่ราคาขึ้นไปตามความต้องการเหมือนกับตั๋วเครื่องบิน ถ้าจองช้าต้องซื้อแพง

รถไฟ Amtrak เข้าและออกตรงเวลาไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่เศษของนาที ตอนขากลับนั่งรอเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานีถนน 30 ที่ฟิลลี่ (Philly คำย่อของ Philadelphia) เห็นป้ายตารางรถไฟบางขบวนเข้าก่อนเวลา 5 นาที

ไม่มี Delay เข้าช้ากว่ากำหนดเวลา

นี่คือคุณภาพรถไฟ Amtrak ของอเมริกาที่พัฒนาให้เทียบชั้นกับรถไฟ JR ของญี่ปุ่น

สถานี Lancaster เป็นสถานีหัวเมืองไม่ใหญ่โตอะไรนัก รถไฟวิ่งแวะจอดรับคนขึ้น-ลงทุกสถานี ก่อนจะเข้าสถานีจะมีประกาศบอกล่วงหน้าว่าจะเข้าสถานีอะไร อีกกี่นาทีจะถึง

รถไฟในเมืองไทยไม่มีการประกาศ แต่ใช้การ์ดรถหรือคนปูเตียงเป็นคนเดินบอก และต้องสั่งคนเหล่านั้นไว้ให้คอยเตือนเรา

ส่วนสถานี 30th Street ที่ Philly เป็นชุมทางใหญ่ พอรถไฟเข้าเทียบชานชาลาก็ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบน ดูตารางว่ารถขบวนใหม่จะเข้า Gate ไหน แล้วเปลี่ยน Gate ลงไปต่อขบวนที่เราจะไป เหมือนต่อเครื่องบิน

ที่นี่มี 9 Gates แต่ละ Gate จะเปิดให้คนโดยสารลงไปก่อนเวลารถไฟเข้าราว 5 นาที พอลงไปก็ต้องรู้ว่าขบวนของเราจะเข้าข้างไหน ซ้ายหรือขวา Track ชานชาลาที่เท่าไร ถ้าไม่รู้ก็เดินตามเขาไปเพราะที่ลงมาล้วนเป็นขบวนเดียวกันทั้งนั้น

เดินทางแสนสบายกับ Amtrak ถึงสถานี Union ที่ Washington, D.C. ตามเวลา ที่สถานีนี้ต้องเดินจากชานชาลาไกลนิดหน่อยเพื่อออกมาด้านหน้าสถานี

ออกมาเรียกแท็กซี่ที่ต่อคิวหน้าสถานี เป็นรถสีแดง มิเตอร์เริ่มที่ $ 5.05 ไม่รวมค่าทิป

ที่หมายคือสถานทูต Croatia

รถพาวิ่งสู่ถนน Massachusetts Ave NW ที่เป็นย่านการทูต มีสถานทูตชาติต่างๆ เรียงรายอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาทั่วบริเวณนี้และบนถนนก่อนจะเชื่อมสู่ถนนสายการทูต ริมถนนมีต้นซากุระชูช่อเป็นระยะ มีทั้งซากุระสีขาวแบบญี่ปุนและซากุระสีแดง (Crab Apple Blossoms) บานสะพรั่งชูช่ออ่อนไหวในสายลม

สถานทูต Croatia ตั้งอยู่เคียงข้างกับสถานทูตซาอุดีอาระเบีย ฝั่งตรงข้ามเป็นสถานทูตเกาหลี

เสร็จธุระแล้ว ผมข้ามฟากไปรอเรียกแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม ยืนรออยู่นานในสายแดดและสายลมหนาวสะท้านที่อุณหภูมิราว 8-9 ํC

โชคดีที่ได้รถที่เลี้ยวมาจอดส่งผู้โดยสารหญิงตรงหน้า บอกให้เขาพาไปดู Cherry Blossoms แล้วพาไปส่งสถานี Union

รถพาวิ่งย้อนสู่ใจกลาง Washington, D.C. ที่ตอนนั้นเริ่มเป็นชั่วโมงเร่งด่วนแล้ว รถจึงหนาแน่นและติดพอสมควร

โชเฟอร์คันแรกขาไปมาจากเอธิโอเปียเมื่อ 20 ปีก่อน เผอิญผมเพิ่งบินไป Addis Ababa เมืองหลวงของเอธิโอเปียเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เลยได้คุยกันเรื่องเอธิโอเปียพอสมควร

ส่วนโชเฟอร์คนนี้มาจากไนจีเรียเมื่อ 30 ปีที่แล้ว พอดีลงตัวที่ผมเพิ่งบินต่อจาก Addis Ababa ไป Lagos ไนจีเรียในช่วงเวลาเดียวกัน จึงได้คุยกันยาวฆ่าเวลารถติด เมียเขาเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลใน Central Washington, D.C. มีลูก 4 คน ชาย 3 คน หญิง 1 คน เป็นหมอ 2 คน Lawyer 2 คน

เขาบอกว่า เขาโชคดีมากที่มีลูกดีทุกคน

และเมื่อผมมาจากต่างรัฐ เขาจึงทำตัวเป็นไกด์อธิบายสถานที่สองข้างทางได้อย่างคล่องแคล่ว

บางช่วงของถนน ร้านรวงเริ่มต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ เช่น ร้านกาแฟมาตั้งโต๊ะริมฟุตปาธกันแล้ว

รถผ่านโรงแรม Mayflower Hotel สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองอยู่ใกล้ทำเนียบขาว โรงแรมนี้ตั้งชื่อตามชื่อเรืออพยพลำแรกที่เดินทางจากอังกฤษมาถึงแผ่นดินใหม่ – อเมริกา

Mayflower Hotel เก่าแก่เป็นตำนานมาเกือบ 100 ปี สร้างตั้งแต่ปี 1925 ยังคงคุณค่าระดับ 5 ดาวไม่เสื่อมคลาย ผู้คนระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงของโลกเคยมาพักที่นี่ เช่น อลิซาเบธ เทย์เลอร์ ฯลฯ

เป็นอีกหนึ่งโรงแรมในฝันของผม

เคียงข้างกับโรงแรมนี้คืออาคารสำนักงานรองประธานาธิบดีแห่งใหม่ ใหญ่โตหรูหรามาก เพราะรองประธานาธิบดีไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาว จึงต้องมีสำนักงานแยกต่างหาก พอวิ่งข้ามไฟแดงไปฝั่งเดียวกันก็เป็นอาคารสำนักงานรองประธานาธิบดีแห่งเก่า เป็นอาคารหินอ่อนสวยงาม ยังใช้เป็นสำนักปฏิบัติงานอยู่

ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารในยุคเดียวกันใช้เป็นสำนักงานเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โชเฟอร์ไนจีเรียนบอกว่าการเจรจาการค้าระหว่างอเมริกากับจีนทำกันที่นี่

ผมว่าสำนักงานนี้เป็นที่กำหนดอนาคตของโลกที่จะผันแปรไปตามกระแสการค้าของสองมหาอำนาจแห่งโลก

ยังมีสถานที่ราชการอีกมากที่เขาบรรยายให้ฟังเรียงรายไปบนถนนนี้

แล้วก็มาถึง National Park แห่งแรกที่เห็น Cherry Blossoms เป็นบริเวณที่มี The Washington Monument เป็นแท่ง Obelisk ในสวน National Mall”s Tidal Basin สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ George Washington ผู้บัญชาการแห่ง Continental Army และประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา

การตกแต่งภายนอกของอนุสรณ์สถานแห่งนี้ทำเสร็จในปี 1884 และเปิดเป็นสวนสาธารณะหลังการตกแต่งภายในแล้วเสร็จในปี 1888

เขาจอดรถแอบริมทางให้ลงไปถ่ายภาพและวิดีโอ

ภาพซากุระสีขาวเล่นลมไหวพลิ้วทาบทับแท่ง Obelisk แห่ง The Washington Monument ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า เป็นภาพอ่อนหวานงดงามยิ่งนัก

หนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งชมความงามใต้ต้นซากุระ สาวเจ้านอนหนุนตักชายหนุ่ม

โอ้ละหนอ__ความรักใต้ต้นซากุระ

ผมโชคดีที่มาชมซากุระที่ Washington, D.C. ในช่วงที่ Peak ที่สุดของปีนี้ คือระหว่างวันที่ 3-6 เมษายน 2019 ในวันเสาร์ที่ 13 เมษายน จะมีขบวนพาเหรด National Cherry Blossom Festival Parade รอบสวนแห่งนี้ และใน ดี.ซี.มีนิทรรศการหลายแห่งเกี่ยวกับญี่ปุ่น เป็นการให้เกียรติชาติต้นตำรับดอกซากุระ

แล้วเขาขับพาอ้อมพาร์กไปอีกด้านที่มีต้นซากุระสีขาวกำลังบานสะพรั่งเป็นทิวยาวเหยียดทั่วบริเวณนับเป็นร้อยร้อยต้น

ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยสีขาวของซากุระ

ซากุระสีขาวแต่งตัวชูช่อล้อลมหนาวต้นฤดูใบไม้ผลิ บางครั้งกิ่งดอกเล่นลมล้อไปมา สีขาวงามไสวแกว่งไกวไปทั่วทุกหนแห่ง

เบ่งบานเป็นที่สุดในหัวใจ

ผู้คนนักท่องเที่ยวนานาชาติมากมายเดินขวักไขว่บริเวณนี้ นักท่องเที่ยวจีนส่งเสียงดังล้งเล้งที่สุด

ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ Cherry Blossoms แห่ง Washington, D.C. ไว้เป็นที่ระลึก อนุสรณ์แห่งความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต

นี่คือ Cherry Blossoms ซากุระบาน ที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก