สิ่งที่ผมไม่รู้มาก่อน เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ จากเชียงใหม่ไปสิงคโปร์คนเดียว : ถึงหาดใหญ่แล้ว

สิ่งที่ผมไม่รู้มาก่อน เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ จากเชียงใหม่ไปสิงคโปร์คนเดียว (6)

ความเร็วลดลงเหลือไม่เกิน 80 ก.ม./ ช.ม. พร้อมกับการขี่แบบประคับประคอง ไม่ส่งแรงบิดและแรงม้าที่มากเกินไปไปยังโซ่และสเตอร์ วันนี้ยังไงไปถึงแมนให้ได้ก่อนละกัน และก็ยังดี ที่พอเข้าถึงพัทลุง สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป

การขี่แบบประคับประคองเป็นผลสำเร็จ และแมนก็รออยู่แล้วที่จุดนัดพบ…

แมนมาด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจระดับตำนานแห่ง Paris Dakar มันคือ YAMAHA TENERE ตัวยักษ์ เครื่องยนต์ขนาดพันสองร้อยซีซี สองสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขับเคลื่อนด้วยเพลา และที่ต้องยกให้เป็นราชาแห่ง Paris Dakar ก็เพราะปีแรกสุดของการแข่งขันสุดหฤโหดนี้ แชมป์โลกคือ YAMAHA TENERE ต้นตระกูลของคันนี้นี่เอง

แล้วเราก็ดื่มกาแฟกัน…

การดื่มกาแฟกับแมนทำให้ความกลัวที่ได้พบเมื่อเช้าที่ปั๊มน้ำมันที่สุราษฎร์ฯ ลดลงไปมาก และแมนก็ยืนยันจะขี่ไปกับผมถึงหาดใหญ่ พาผมไปกินข้าว (แต่ผมเลือกร้านเพราะผมทานมังสวิรัติ) ช่วยหาร้านซ่อมโซ่ สเตอร์ และพาเที่ยวในหาดใหญ่ และสงขลา

ออกจากปั๊มก็เป็นครั้งแรกที่ได้ขี่ไปกับแมน บน YAMAHA TENERE คันยักษ์ แมนเป็นคนร่างใหญ่ ดูสมส่วนกันดีมากกับรถ

มีบ้างบางคนที่สามารถจะควบคุมมอเตอร์ไซค์ได้ราวกับเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย และถึงแม้ผมจะควบคุมมอเตอร์ไซค์ของผมยังไม่ได้ในระดับนั้น แต่แมนทำได้…

นอกจากจะขี่มอเตอร์ไซค์หมื่นห้าพันกิโลเมตรใน 6 สัปดาห์แล้ว เขายังสามารถจะทำงานขณะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ได้อีกด้วย…

ใช่แล้ว ในขณะที่เขานั่งอยู่บนตำนานแห่ง Paris Dakar เขาบริหารกิจการขายวัสดุก่อสร้าง บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่ดินเปล่า และหมู่บ้านจัดสรร บริหารสวนยาง และบริหารสวนมะพร้าวหลายร้อยไร่

ส่ง LINE เขียน LINE ส่งเมลอ่านเมล บลูทูธ GPS มีพร้อมหมด

ใช่แล้ว สุดยอดตำนานแห่ง Paris Dakar คันนี้ มีทุกอย่างที่โต๊ะทำงานพึงจะมีทีเดียว

เมื่อถึงหาดใหญ่ ผมกับแมนก็อยู่ในร้านพิซซ่า, สั่งอาหารมังสวิรัติมากินกัน

และเมื่อต่อโทรศัพท์ไปสองสามสาย ก็พบว่า การซ่อมระบบส่งกำลังขั้นสุดท้ายที่เรียกว่า โซ่-สเตอร์ เป็นไปไม่ได้แล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ แมนก็พาผมเที่ยว ซึ่งเขามีความรู้เรื่องเครื่องยนต์เป็นอย่างดี และดูแลรักษามอเตอร์ไซค์ด้วยตนเอง ก็วิเคราะห์ว่า มันเป็นไปได้ที่ผมจะขี่เจ้าสองสูบของผมเที่ยวในหาดใหญ่และสงขลา

ผมไม่มีที่ไหนอยากจะไปเป็นพิเศษนอกจากสะพานติณสูลานนท์ ซึ่งคุณพ่อเคยพาผมมาเที่ยวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก (มาก)

สมัยนั้นสะพานนี้เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย แต่ปัจจุบันนี้ถูกสะพานแห่งความสุขที่พัทลุงครองแชมป์ไปซะแล้ว

ไปถึงก็ถ่ายรูปสะพานติณสูลานนท์ และส่งมาให้คุณพ่อดูผ่าน Line

ความทรงจำดีๆ ในอดีตก็ไหลมาสู่ห้วงความคิดของคุณพ่อ และพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดที่แฝงไว้ความรู้สึกดีๆ ทีเดียว

จากนั้นแมนก็พาไปวนดูเมืองเก่าในสงขลา และพาไปขึ้นภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางกลับจากสงขลามาหาดใหญ่

ผมไม่อยากขึ้นเพราะโซ่และสเตอร์ จะต้องรับกำลังแรงม้าและแรงบิดมากถ้าใช้ในการขึ้นภูเขา แต่แมนยืนยันว่าขึ้นได้…แล้วเจ้าสองสูบก็ขึ้นได้จริงๆ

อากาศข้างบนเย็นสบาย และมองเห็นตัวเมืองทีเดียว จากนั้นก็พาไปนั่งกินอาหารทานเล่นที่ร้านในหาดใหญ่แล้วส่งผมที่โรงแรม แล้วแมนก็ขอตัวกลับ

ผมขอบคุณจากใจจริง ซึ่งแมนก็คงจะรับรู้ได้…ความกลัวจากเหตุการณ์ที่ปั๊มน้ำมัน และจากเหตุการณ์ม้าสะดุดเมื่อตอนเช้าที่สุราษฎร์ฯ หายไปหมดสิ้น คงเหลือแต่ความรู้สึกดีๆ ที่เหล่าผู้รักการขี่มอเตอร์ไซค์มีให้กัน

สรุปถึงวันที่สี่ของการเดินทาง ผม หรืออาจเรียกว่าพระเจ้า หรือ The Force มาถึงหาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย รวมระยะทางวันนี้ (รวมที่แมนพาไปขี่เที่ยวด้วย) ได้ระยะ 403.1 ก.ม. รวมสี่วันขี่ไป 1,825.8 ก.ม. เข้านอนที่โรงแรมกลางเมืองหาดใหญ่

นอนหลับได้ดี

เริ่มต้นวันใหม่ที่แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดเข้ามาถึงในห้องนอน วันนี้ถึงแม้อยากจะออกเช้าก็คงทำไม่ได้ด้วยติดปัญหาม้าสะดุดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

จะต้องแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยซะในวันนี้ ก่อนที่จะข้ามประเทศ ซึ่งหากข้ามประเทศไปแล้วรถดันมีปัญหา คงจะไม่สามารถแก้กันได้ง่ายๆ

อีกทั้งการขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนสาย E1 จะจอดรถซี้ซั้วก็ไม่ได้ ต้องจอดที่ที่เขามีให้จอดเท่านั้น ซึ่งแต่ละจุดห่างกันได้ 30-50 ก.ม. หากจอดไหล่ทาง จะถูกปรับประมาณ 600 บาท และใครจะอยากมีปัญหากับตำรวจเวลาที่ไม่ได้อยู่ในประเทศตัวเอง

หาดใหญ่เป็นปราการด่านสุดท้ายในประเทศไทยตามเส้นทางที่ได้วางไว้ การแก้ปัญหาจะต้องเกิดขึ้นที่นี่ และโชคยังเป็นของเราอยู่บ้างเพราะในหาดใหญ่มีศูนย์บริการ Triumph

ศูนย์เปิดทำการเวลา 09.00 น. ดังนั้น ถึงแม้อยากจะออกจากโรงแรมเช้าไปกว่านั้นก็คงจะไม่ได้…

หลังจากอาบน้ำ แต่งตัว และทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จ 09.00 น. ตรงเป๊ะ ผมก็จอดเจ้าสองสูบสีแดงอย่างนุ่มนวลที่ศูนย์ Triumph หาดใหญ่ แน่นอน ผมเป็นลูกค้าคนแรก

ที่นี่เองผมได้มีโอกาสพบกับเจ้าของศูนย์ Triumph หาดใหญ่ ชื่อพี่จ๊อบ ระหว่างที่ทีมงานกำลังตรวจสอบรถผม และตรวจสอบว่ามีอะไหล่หรือไม่ ผมก็เลยมีโอกาสได้นั่งคุยกับพี่จ๊อบ

พี่จ๊อบเป็นคนใต้โดยกำเนิด มีอัธยาศัยไมตรีดีมาก คุยด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ สบายใจทีเดียว ไม่ตรงตามตำราคนใต้แบบห้วน ดุ เป็นคนรักการตื่นเช้า ชื่นชอบการขี่จักรยาน และด้วยเหตุผลบางประการก็มาทำร้านมอเตอร์ไซค์ Triumph ที่หาดใหญ่ และยังทำ Scomadi สกู๊ตเตอร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Lambretta และร้านกาแฟบรรยากาศดีอีกด้วย

ยังไม่พอ…เช้านั้นผมได้มีโอกาสดื่มเอสเปรสโซ่ที่พี่จ๊อบลงมือชงให้เอง ซึ่งผมเรียกว่า เอสเปรสโซ่กิตติมศักดิ์…มีเงินก็ซื้อไม่ได้

หลังจากชื่นชมเอสเปรสโซ่ที่หอมหวลไปด้วยมิตรภาพเสร็จ ก็ได้เวลาของข่าวร้าย…

อะไหล่ไม่มี…ต้องรอ 10 วัน

ถ้าสัก 1-2 วันหรือ 3 วันผมคงจะรอ แต่หากเป็น 10 วันผมคงรอไม่ได้…ก็เลยกดดูแผนที่ว่า Triumph ที่ใกล้ที่สุดอีกศูนย์หนึ่งจะอยู่ที่ไหน ถ้าในประเทศไทย ใกล้ที่สุดอยู่ที่ภูเก็ต ระยะทาง 441 ก.ม. แต่หากจะใกล้กว่านั้น อยู่ที่ปีนัง…ห่างออกไป 214 ก.ม. …ต้องข้ามประเทศไป…

ด้วยชะตาชีวิตของเรา ดูเหมือนว่าจะต้องได้ขี่รถข้ามประเทศครั้งแรกคนเดียวด้วยสองสูบสีแดงม้าสะดุด!!!