โผปรับ ครม.ยังไม่นิ่ง วิ่งฝุ่นตลบ-เพื่อไทยลุ้นนาทีสุดท้าย สะพัด ‘ต้องจบ’ ต้นเดือน พ.ค.

ภายหลังรัฐบาลนำโดย “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ผ่านด่านสำคัญจากการถูกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และพรรคฝ่ายค้าน ยื่นญัตติเปิดเวทีชำแหละผลการทำงานช่วงครึ่งปีแรก ทำให้กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับถูกหยิบยกขึ้นมาโฟกัสและกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองตลอดเดือนเมษายนอีกครั้ง

ทว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น สัญญาณการเปลี่ยนแปลงเริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มว่าการปรับ ครม. “เศรษฐา 2” อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน

หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินต้นเดือนพฤษภาคมนี้

การปรับ ครม.รอบนี้ จึงเป็นการจัดทัพใหม่ครั้งแรกของรัฐบาลเศรษฐา หลังเข้ามาทำงานบริหารประเทศร่วมกันได้เพียง 7 เดือนเศษเท่านั้น แน่นอนว่า การสลับสับเปลี่ยน หมุนผลัดเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรี เมื่อมีคนที่สมหวังก็ย่อมต้องมีคนผิดหวังเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มรัฐมนตรีที่มีชื่อติดโผหลุดเก้าอี้

แม้ว่าบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน จะออกมาประสานเสียงไปในทิศทางเดียวกันว่ายังไม่ได้รับสัญญาณการปรับ ครม.จากนายกรัฐมนตรีเลยก็ตาม แต่กลับมีโผรายชื่อ ครม.หลุดออกมาเป็นระยะๆ เขย่าแบบรายวัน

โดยเฉพาะโควต้ารัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.)

 

ทั้งนี้ ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมว่า “เศรษฐา 2” ใกล้ลงตัวแล้ว โดยรัฐมนตรีโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) คาดว่าจะถูกปรับออก มีชื่อนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีแนวโน้มได้คัมแบ๊กกลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเหลือโควต้ารัฐมนตรีช่วยอีก 1 ตำแหน่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ได้ส่งสัญญาณแจ้งชัดเจนว่าขณะนี้พรรค พปชร.ได้ส่งรายชื่อถึงมือนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ตามข่าวแจ้งว่านายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรค พปชร. ยังคงเป็นรายชื่อลำดับแรก

นอกจากนี้ ยังส่งชื่อสำรองไว้อีก 3 รายชื่อ คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส. ฉะเชิงเทรา นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.

ด้านพรรคภูมิใจไทย (ภท.) รอบนี้ยังไม่ขอปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดๆ ทำให้รัฐมนตรีทั้ง 8 คน ยังสามารถทำหน้าที่ต่อไปตามปกติ โดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้เหตุผลว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ทำตามนโยบายของรัฐบาล และของพรรคมาตลอด

 

สําหรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง มีข่าวจะเปลี่ยนไปควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะนั่งควบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีแทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่จะโยกไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะสลับเก้าอี้กับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ส่วนนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดูแลด้านกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังมีชื่อ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ดและรองหัวหน้าพรรค พท. เข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย

 

ถัดมากลางสัปดาห์ โผ ครม.มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมอีกว่า โดยนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง

ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะควบรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งเช่นเดียวกัน

ส่วนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อาจถูกปรับเหลือแค่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตำแหน่งเดียว

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนหน้านี้มีข่าวจะถูกปรับออก แต่ล่าสุดมีแนวโน้มได้อยู่ตำแหน่งเดิม

สำหรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะโยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง แต่ล่าสุดอาจนั่งแค่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิม

ฉะนั้น แนวโน้มรัฐมนตรีที่จะหลุดจากตำแหน่งสัดส่วนของเพื่อไทย ล่าสุด คงเหลือ 3 คน คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

เรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงไทม์ไลน์ของการปรับ ครม. ว่า เมื่อมีความพร้อมที่เราจะต้องปรับเพื่อที่จะดูแลปัญหาของพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่า ต้องสอดรับกับงบประมาณของประเทศหรือไม่ จะได้จัดทีมให้ไปด้วยกัน นายกฯ กล่าวว่า “ไม่จำเป็นครับ”

ส่วนการปรับ ครม.มีโอกาสเลื่อนไปอีก 2 เดือนหรือไม่ นายกฯ ระบุว่า เมื่อไหร่มีความเหมาะสม พวกท่านก็ทราบเองครับ เมื่อถามว่า มีโอกาสที่นายกฯ จะดำรงตำแหน่งนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว ไม่ควบกระทรวงใดหรือไม่ นายเศรษฐาไม่ตอบคำถาม ได้แต่นิ่ง และยิ้มให้สื่อมวลชน พร้อมกันนี้ นายกฯ ระบุด้วยว่า “ยืนยันไม่มีแกว่ง ทุกอย่างนิ่งแล้ว และเป็นไปตามที่บอกไปว่า ถึงเวลาปรับเดี๋ยวก็จะปรับ”

อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม. หลังจากรัฐบาลได้ทำงานเพียง 7 เดือนเศษ ช่วงระยะเวลาการทำงาน คล้ายกับธรรมเนียมปฏิบัติของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งในอดีตเคยปฏิบัติกันมาเช่นนี้ จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามวงรอบการเมือง

หากกระทรวงใดไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน รัฐมนตรีทำงานไม่ตอบโจทย์ หรือไม่สอดคล้องกับงาน เป็นรัฐมนตรีโลกลืม จะต้องถูกปรับเปลี่ยน ดึงคนที่มีความพร้อมและความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลให้เข้มแข็งและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าการปรับ ครม.รอบนี้ จะเป็นแค่เพียงการปรับเล็ก และเติมโควต้าเก้าอี้ที่ว่างอยู่เข้าไป แต่ทว่า กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งสุ่มเสี่ยงเกิดคลื่นใต้น้ำได้

ฉะนั้น จังหวะการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ เหมือนเป็นการวัดใจรัฐบาลเศรษฐาอีกครั้ง แต่ทว่า ตราบใดที่นายกรัฐมนตรียังไม่ลงนามส่งโผ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ แน่นอนว่ารายชื่อ “ครม.” ย่อมมีเปลี่ยนแปลงได้จนกระทั่งนาทีสุดท้าย