ปลาบปลื้มพระราโชวาท สมเด็จพระบรมฯ “มธ.-3 จังหวัดภาคใต้” ปีติ

การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 นำความเศร้าโศกอาลัยมาสู่ประชาชนไทยทั่วทั้งประเทศ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชบัณฑูรให้รัฐบาลดูแลประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะ แสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อย่างดีที่สุด

เสมือนเป็นแขกของพระองค์

ต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล จัดทำภาพยนตร์เพลงสรรเสริญพระบารมี ในวันที่ 22 ตุลาคม ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

วันที่ 8 พฤศจิกายน ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล นำภาพยนตร์เพลงสรรเสริญพระบารมีที่จัดทำสมบูรณ์ มอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทอดพระเนตรและขอพระราชวินิจฉัย

วันที่ 14 พฤศจิกายน หลังเคารพธงชาติเวลา 08.00 น. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยจึงได้ออกอากาศภาพยนตร์เพลงสรรเสริญพระบารมี

ความยาว 9 นาที 10 วินาที

 

ช่วงต้นของภาพยนตร์ เป็นภาพพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประกอบพระสุรเสียงพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2519 ความว่า

“ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย ขอขอบใจท่าน ที่ได้แสดงน้ำใจไมตรีต่อข้าพเจ้า และพระราชินี กับลูกๆ ทุกคน ทั้งได้ร่วมมือสนับสนุนในกิจทุกอย่าง ทำให้เกิดกำลังใจกับเราอย่างมาก

ประชาชนคนไทยมีการแสดงออกชัดเจนขึ้น ว่าต้องการอะไร เมื่อแสดงออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้รู้ใจกัน และสามารถช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างสิ่งที่ต้องการ แม้มีจะมีอุปสรรคหรือความยากลำบากขัดขวางอยู่ ก็ทำได้ ขอเพียงให้ร่วมมือ ร่วมใจกันจริงๆ

แต่ทั้งนี้ ควรจะต้องเข้าใจด้วยว่า สถานการณ์ของประเทศ โดยส่วนรวมยังไม่แจ่มใสนัก ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะให้ทุกคนเข้าใจและเล็งเห็นสถานการณ์บ้านเมืองตามความเป็นจริง

เวลานี้บ้านเมืองของเรากำลังต้องการการปรับปรุงและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม อย่างรีบด่วน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรจากพื้นภูมิประเทศ และจากกำลังงาน กำลังปัญญาของคนไทยเราทุกคนให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ จะได้นำไปสร้างเสริมความเจริญก้าวหน้าทุกๆ ด้าน ให้เพิ่มพูนมั่นคงยิ่งขึ้นโดยเร็ว

เพื่อการนี้ เราจะต้องวางโครงการพัฒนาอีกหลายอย่างโดยรีบด่วน ทั้งจะต้องดำเนินการโครงการนั้นๆ ให้สำเร็จผลโดยฉับพลัน จะลังเล หน่วงเหนี่ยวให้ชักช้าด้วยเหตุใดๆ ไม่ได้ เพราะจะทำให้เสียประโยชน์ที่จะพึงได้ไปเปล่าๆ ซึ่งในยามนี้ จะต้องถือเป็นความเสียหาย

ทางที่เราจะช่วยกันได้ ก็คือการทำความคิดให้ถูกและแน่วแน่ ในอันที่จะยึดถือชาติบ้านเมืองเป็นที่หมาย ต้องเพลาการคิดถึงประโยชน์เฉพาะตัว และความขัดแย้งกันในสิ่งที่มิใช่สาระเลย

ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ ก็เริ่มจะทำให้สำเร็จลุล่วงไป โดยเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความเมตตา ด้วยความปรองดองกัน และด้วยความปรารถนาดีต่อกัน ที่สุดผลงานของทุกคนนั้น จะไปรวมกันเข้าเป็นความสำเร็จและการพัฒนาถาวร ของประเทศชาติได้ ไม่นานเกินคอย

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวไทย จงปกปักรักษาท่านทั้งหลาย ให้ปราศจากภัยอันตราย และเหตุชั่วร้ายทุกสิ่ง

บันดาลให้แต่ละคนมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา และกำลังความสามัคคี อันแข็งแกร่ง พร้อมเพรียง สามารถที่จะประกอบกรณียกิจ นำพาประเทศชาติให้ดำเนินต่อไปโดยสวัสดี และสามารถที่จะธำรงอิสรภาพ อธิปไตย พร้อมทั้งความเจริญร่มเย็นเป็นผาสุกของบ้านเมืองให้สถาวรอยู่ตลอดไป

ขอทุกท่านจงประสบแต่ความสุข อิ่มสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล และสิ่งที่พึงปรารถนาตลอดปีใหม่นี้ถ้วนหน้ากัน”

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่คณะผู้จัดทำอัญเชิญมาประกอบภาพยนตร์เพลงสรรเสริญพระบารมี ภายใต้พระราชานุญาตของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

นำความปลาบปลื้มประโลมใจมาสู่ประชาชนอย่างยิ่ง

 

แม้ทรงอยู่ระหว่างความเศร้าโศก โทมนัสอาลัย เช่นเดียวกับประชาชนทุกคน

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ยังทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในฐานะรัชทายาท อย่างมิขาดตกบกพร่อง

วันที่ 12 พฤศจิกายน เสด็จฯ แทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2558 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ

มีบัณฑิตเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรทั้งสิ้น 8,063 คน

ในการนี้ได้พระราชทานพระราโชวาท ความว่า

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้ามามอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประจำปีนี้

ตามที่รายงานให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายที่จะสร้างเสริมให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถที่ก้าวหน้า ทันการณ์ ทันสมัย และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวม โดยยึดถือปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทนั้น น่าพอใจอย่างมาก

ข้าพเจ้าจึงขอเชิญพระบรมราโชวาทที่เคยพระราชทานแก่บัณฑิตในที่ประชุมนี้ เกี่ยวกับความเป็นครู ซึ่งเป็นคุณสมบัติประการสำคัญที่จะส่งเสริมบุคคลให้เป็นคนดีมีคุณค่า ให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่า

ความเป็นครู หมายถึง การมีความรู้ดีประกอบด้วยหลักวิชาที่ถูกต้องแน่นแฟ้นและแจ่มแจ้งแก่ใจ รวมทั้งคุณความดีและความเอื้ออารี ปรารถนาที่จะถ่ายทอดเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้มีความรู้ความเข้าใจที่ดีด้วย

ความแจ่มแจ้งแน่ชัดในใจ ย่อมทำให้สามารถส่องแสดงความรู้ออกมาให้เข้าใจตามได้โดยง่าย ทั้งในการปฏิบัติงาน ก็ย่อมทำให้ผู้ร่วมงานได้เข้าใจโดยแจ่มชัด

ส่วนความหวังดีโดยบริสุทธิ์ใจนั้น จะน้อมนำให้เกิดศรัทธาแจ่มใส มีใจพร้อมที่จะรับความรู้ด้วยความเบิกบาน ทั้งพร้อมที่จะร่วมงานกับผู้ที่มีคุณสมบัติของครูโดยเต็มใจและมั่นใจ ดังนี้ ก็จะทำให้กิจการใดๆ ที่กระทำอยู่ ดำเนินไปโดยสะดวกราบรื่นและสำเร็จประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสมบูรณ์

ความเป็นครูจึงมิใช่คุณสมบัติเฉพาะสำหรับครูเท่านั้น หากแต่เป็นคุณสมบัติที่จะอำนวยประโยชน์เกื้อกูลมากแก่ทุกคนและแก่กิจการทุกอย่าง

บัณฑิตทั้งหลายแต่ละคน แต่ละคณะ ล้วนเป็นผู้มีพื้นฐานวิชาการแน่นแฟ้นดีอยู่แล้ว น่าจะศึกษาเรื่องความเป็นครูให้เห็นจริง และอบรมให้บังเกิดขึ้นพร้อมในตนเองบ้าง

เพื่อประโยน์ส่วนรวมร่วมกันในชาติ บ้านเมืองของเรา”

พระราโชวาทดังกล่าวนำความปีติซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มาสู่บัณฑิตและชาวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากมายเป็นล้นพ้น

 

นอกจากนี้ ยังทรงปฏิบัติพระราชภารกิจสำคัญ

วันที่ 14 พฤศจิกายน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการพระราชทานถ้วยรางวัลและโล่ที่ระลึก การทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ระดับประเทศ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2558 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

มีผู้เข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัล 12 ราย โล่ที่ระลึก 27 ราย

ในการนี้ นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิสำนักจุฬาราชมนตรีและผู้แทนจุฬาราชมนตรี สวดดุอา ถวายพระพร

ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้นำศาสนาอิสลาม แล้วเสด็จฯ ทอดพระเนตรสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) ที่จัดแสดงภายในบริเวณมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

จากนั้นเสด็จฯ แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล

แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2558 และผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2558

โดยมีผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล จำนวน 7 รางวัล อิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 23 ราย

ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ จำนวน 28 ราย

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราชดำรัส ตอนหนึ่งว่า

“การให้กรรมการแต่ละคนและโรงเรียนแต่ละโรง สามารถปรับปรุงพัฒนางานในหน้าที่ให้ก้าวหน้าเป็นลำดับ กรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่ามเป็นบุคคลสำคัญและมีเกียรติ

เป็นผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจากอิสลามมิกชนให้เป็นที่พึ่ง ที่ปรึกษา ทั้งในด้านศาสนา ศีลธรรม จริยธรรมและการดำเนินชีวิต ให้ถูกต้องตรงตามบทบัญญัติแห่งศาสนา

โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นรากฐานในการเสริมสร้างความดี ความเจริญให้แก่เยาวชน ในการให้การศึกษาที่ดี ที่ครบถ้วนทั้งด้านวิชามัญและวิชาศาสนา

หน้าที่ดูแล แนะนำสั่งสอนอิสลามิกบริษัท และหน้าที่ในการศึกษาอบรมเยาวชนนี้ มีความสำคัญยิ่ง เพราะบุคคลที่ได้รับการแนะนำสั่งสอนและศึกษาที่ดีพร้อม ทั้งหลักวิชาและหลักธรรม

ย่อมสามารถดำเนินชีวิตและประกอบสัมมาอาชีพ สร้างสรรค์ความดี ความเจริญให้แก่ตนเองและสังคมส่วนรวมได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น ผู้นำศาสนาก็ดี ผู้บริหารโรงเรียนก็ดี จึงควรได้ภาคภูมิใจในผลงานที่ได้ปฏิบัติมา และร่วมมือสนับสนุนกันและกันให้ยิ่งใกล้ชิด งานทุกอย่างในหน้าที่จะได้ดำเนินรุดหน้าและอำนวยประโยชน์ในการสร้างคนดี และมีคุณภาพ ให้บรรลุผลตามเป้าหมายโดยสมบูรณ์

ขอพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้ประสบแต่ความสุขความเจริญ สวัสดีจงทั่วกัน”

การเสด็จฯ ปฏิบัติพระราชภารกิจครั้งนี้ ยังความปีติยินดีแก่ผู้นำศาสนาอิสลาม ครู-นักเรียน ชาวไทยมุสลิมและประชาชนทั่วไปใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง