หญิงหน่อย จัดหนัก คสช. บอก ชัดเจน ดึง”สนธยา”ร่วมรบ.หาเสียงหนุน นั่งนายกฯต่อ

“หญิงหน่อย” บอกชัดเจน “บิ๊กตู่” ดึง “สนธยา” ร่วม รบ.เพื่อนั่งนายกฯต่อ ขอแสดงตัวเพื่อความสง่างาม ชี้ทุกพรรคต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาหมักหมมจากปฏิวัติ ย้ำชัดคนเพื่อไทยมีอุดมการณ์ไม่อย่างนั้นพรรคคงแตกไปตั้งแต่ “ไทยรักไทย” แล้ว

วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.40 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงการเปิดบ้านรดน้ำอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ซึ่งตรงกับการออกรอบตีกอล์ฟของแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ จ.นครปฐม ว่า ไม่มีนัยยะทางการเมืองและขอความกรุณาอย่าเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะหลายคนในที่นี้ก็จะไปตีกอล์ฟต่อ เพราะเวลานัดไม่ชนกัน เราอยู่บ้านเดียวกันมีแต่ช่วยกันและส่งเสริมกัน ซึ่งวันนี้เป็นธรรมเนียมที่น้องๆ ทำงานร่วมกันต้องจัดให้มารดน้ำอวยพรตนทุกปีโดยมีประชาชนในพื้นที่มาร่วม ซึ่งอดีต ส.ส. ส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นการเช็คชื่ออดีต ส.ส. แต่เป็นการจัดทุกปีที่ตนต้องการให้ไปร่วมในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิด ขออย่าอคติ ถ้ามาทุกปีก็จะเห็น ตนไม่ใช่คุณครูจะไปเช็คชื่อทำไม

เมื่อถามว่า มองสถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยอย่างไร ที่ยังไม่มีหัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ทุกคนจะห่วงประเด็นเรื่องหัวหน้าพรรค แต่สำหรับตนคิดว่าหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ และเลขาธิการพรรค และ คณะกรรมการบริหารพรรคทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในช่วงที่ผ่านมาดีอยู่แล้ว เราควรจะต้องชื่นชม ให้เกียรติ และส่งเสริม และไม่มีความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร เพราะมีผู้ที่ทำงานเข้มแข็งโดยตลอดอยู่แล้ว ในช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ทำหน้าที่ไม่ย่อท้อ

เมื่อถามว่า เคยพูดว่าเป็นหัวหน้าพรรคเหนื่อย ไม่มีใครอยากเป็นหมายความว่าอย่างไร สุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นทุกพรรคที่ใครมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องเสียสละ ซึ่ง พล.ท.วิโรจน์ก็ต้องเหนื่อยและเสียสละ เพราะคนที่มานำองค์กรไม่มีใครสบาย ทุกคนก็เหนื่อย โดยเฉพาะภายใต้กติกาที่ คสช.ร่าง เหนื่อยหนัก ที่มีข่าวว่ามีการแย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคกันนั้น ยืนยันว่าไม่มีการแย่งกัน ซึ่งในพรรคมีความเป็นเอกภาพ เป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน อย่างการนัดกันในวันนี้ก็ขออย่าไห้ตั้งข้อสังเกต

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงการตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่า คงไม่เป็นนัยยะ มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาสู่การเมืองและปรารถนาที่จะเป็นนายกฯ ต่อ อีกทั้ง คสช.เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้ผู้ที่มีอำนาจอยู่ในขณะนี้สืบทอดอำนาจอยู่ยาวนาน คือการเลื่อนเลือกตั้ง ซึ่งหากเลื่อนเลือกตั้งไม่ได้ต้องหาวิธีที่จะทำให้การเลือกตั้งได้เปรียบที่สุด คสช.สามารถใช้อำนาจของเขาได้ แต่ถามว่าจะทำให้การใช้อำนาจทางประชาธิปไตยบิดเบี้ยวหรือไม่ ซึ่งมันบิดเบี้ยวแน่ เพราะมีการให้อำนาจ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนในการเลือกนายกฯ หรือการทำอีกหลายเรื่อง

“คนแต่งตั้งกับที่มาจากประชาชน ถ้ามาจากระบอบประชาธิปไตย อำนาจจะต้องมาจากประชาชน แต่นี่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มาตั้งคน 250 คน แล้วให้มีอำนาจเท่ากับคนที่ประชาชนเลือก มันคือการปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจที่ชัดเจนอยู่แล้ว รวมทั้งตัดสิทธิของประชาชนออกไปเยอะมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเข้าสู่ประชาธิปไตยของเรา ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างแน่นอน และไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่แท้จริงจากกลไกที่วางไว้ ทุกคนยินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงตัวให้เกิดความชัดเจนว่าจะเข้าสู่การเมือง ด้วยวิธีการที่เปิดเผยชัดเจน อย่างตรงไปตรงมา แสดงตัวมาเลยว่าสังกัดพรรคนี้ นักการเมืองที่เข้าสู่การเมืองก็ประกาศตัวชัดเจนว่าจะอยู่ตรงไหน ถึงแม้ว่า คสช.จะได้เปรียบหลายอย่างจากวิธีการที่อำพรางไว้ แต่ก็ควรเปิดเผยเพื่อความสง่างามในการกลับเข้ามา แล้วให้ประชาชนตัดสินใจเลือก” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ กลับคำพูดว่าจะไม่เล่นการเมืองหรือไม่ สุดารัตน์ กล่าวว่า ต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่าท่านหมายถึงอะไร จะกลับคำกลืนน้ำลายก็ต้องไปถามท่านเอง แต่ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะกลับคำ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรที่จะเปิดเผยความตั้งใจและวิธีการที่จะทำให้เกิดความสง่างาม จะอยู่พรรคไหน หรือจะให้พรรคหนึ่งพรรคใดเป็นแกนนำก็ต้องออกมาเปิดเผย เพื่อความสง่างาม และเป็นสุภาพบุรุษก็จะไม่มีใครว่าอะไรได้ เพราะการที่มีคนอาสาเข้ามาทำงานให้ประชาชนมากๆ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าลับลวงพรางหรือแอบซ่อนอยู่ ทุกคนก็จะตั้งคำถาม หากเปิดเผยแล้วแข่งกันด้วยกติกาที่เป็นธรรม ให้ประชาชนมีเสรีภาพในการเลือกตั้ง ประชาชนก็จะตัดสินใจเองและเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ ขอให้เป็นไปตามกติกาไม่ใช่ใช้อำนาจกดหัวคนอื่นแล้วหาผลประโยชน์เข้าตนเองฝ่ายเดียว 4 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้

“ขณะเดียวกันช่วงที่อยู่ในอำนาจ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะไม่ทำอะไร ที่ไปเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองหรือพรรคการเมืองอื่นๆ สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ มีการตั้งคำถามว่า งบไทยนิยมยั่งยืน ถูกมองได้ว่าปูฐานเสียง ใช้อำนาจเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองพรรคอื่นๆ ในขณะที่ตนเองมีมาตรา 44 ห้ามทุกพรรคทำกิจกรรม แต่กลับใช้อำนาจและงบประมาณอย่างเต็มที่ และฝ่ายเดียว ลงไปสร้างฐานเสียง อย่างนี้ก็ไม่ใช่กติกาที่ยุติธรรม ไม่ใช่สิ่งที่เป็นสุภาพชนที่ควรจะทำ เป็นการเอาเปรียบในทุกมิติ ไม่เหมาะสม ถ้าเงินจำนวนนั้นทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จริงๆ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่จะสนับสนุนกันได้ แต่งบที่ลงไปสู่รากหญ้าไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมาได้เลย แสดงว่าเงินไม่ได้ลงไปสู่รากหญ้าอย่างแท้จริง สุดท้ายกลายเป็นว่าทำเพื่อคะแนนเสียง” แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะยังร่วมมือกับพรรคพลังชลหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จริงๆ ก็คนละพรรคอยู่แล้ว ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และขึ้นอยู่กับประเด็น ถ้าเป็นประเด็นที่สังคมต้องการ และจำเป็นต้องมีเสียงร่วมกันก็ว่าไป แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของส่วนรวม ส่วนจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคตหรือไม่นั้น เรายังไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร แต่คิดว่าพรรคพลังชลจะร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้านัยยะ เพื่ออำนาจเราคงไม่รวมกับใครเพื่ออำนาจที่ไม่ถูกต้อง

“วันนี้หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองจะต้องคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาตลอดตั้งแต่การปฏิวัติ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องให้กับชาวบ้าน ใช้กฎหมายอำนวยความสะดวก ไม่ใช่ไปปิดกั้นในยุคที่เทคโนโลยี ซึ่งต้องมองสิ่งที่พรรคการเมืองทำให้ประชาชนมากกว่ามองถึงเกมการแย่งอำนาจ ต้องเป็นการเมืองใหม่ บางพรรคที่ยังทำการเมืองเก่า พูดป้ายสีกันน่าจะหมดยุคแล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่แข่งกันเพื่อหาทางออกให้กับประชาชน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า ผู้มีอำนาจฝ่ายรัฐบาลกำลังดึงตัวนักการเมืองเก่าๆ ในพื้นที่ กทม.ถูกดูดด้วยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ที่ตนได้คุยกับน้องๆ ในพื้นที่ก็ได้รับความมั่นใจว่าคนที่ร่วมกันทำงานในฝั่งของพรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์ ไม่คิดเอาประโยชน์ล่วงหน้าในเรื่องของเงินทองทรัพย์สิน และตั้งใจทำประโยชน์ให้ประชาชนจริงๆ และสิ่งที่คนเหล่านี้ทำมาตลอดคือต่อสู้เผด็จการ และรักษาประชาธิปไตย และการที่พยายามแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนตั้งแต่พรรคไทยรักไทยเป็นต้นมานโยบายต่างๆ สามารถแก้ไขปัญหาประชาชนได้จริง ดังนั้น เขาอยากอยู่พรรคที่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนได้ ไม่ใช่พูดเก่ง หรือมีอำนาจอย่างเดียว แต่ต้องเป็นพรรคที่มีเครื่องไม้เครื่องมือในการแก้ไขปัญหาประชาชนได้จริง ซึ่งเขาก็เลือกที่จะอยู่พรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา จึงไม่น่าวิตก เพราะไม่ได้อยู่กันด้วยอำนาจ แม้ว่าพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย ถูกกระทำมาตลอด ถ้าไม่มีอุดมการณ์คงแตกไปตั้งแต่วันที่ยุบพรรคไทยรักไทยแล้ว แต่อาจเป็นปัญหาของคนในพรรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่า การที่ คสช.ดึงพรรคกลางไปรวม จะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับไปสู่การเป็นพรรครัฐบาลได้ยากขึ้นหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคการเมืองคือการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เมื่อเสนอแล้วให้ประชาชนตัดสินใจในวันเลือกตั้ง ประชาชนตัดสินใจอย่างไร ทุกพรรคต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ทุกพรรคต้องยอมรับผลนี้ หากไม่ยอมรับ บ้านเมืองที่วุ่นวายมาเป็น 10 ปีก็เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเชื่อมั่นประชาธิปไตยมาตลอด ผลเลือกตั้งเป็นอย่างไรก็เคารพ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่คิดว่าจะมีการเลือกตั้งเร็ว และไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีเลือกตั้งใน ก.พ. 62 หรือไม่ ต้องไปถามผู้อำนาจ แต่เชื่อว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเร็ว