‘สามารถ’ ชี้ เป็นไปแล้ว ประมูลรถเมล์ 12 ปียังไม่ได้สักคัน ชงเปลี่ยนเป็นรถดีเซลไฮบริด

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า เป็นไปแล้ว! ประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 12 ปี ยังไม่ได้รถสักคัน มีรายละเอียดระบุว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนถึงบัดนี้เป็นเวลา 12 ปีแล้ว ขสมก.ก็ยังไม่สามารถจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีได้แม้แต่คันเดียว เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า ขสมก.จัดทำข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (Terms of Reference หรือทีโออาร์) และข้อกำหนดทางเทคนิค (Specifications หรือสเปก) ที่ไม่เป็นธรรม อีกทั้งมีการกำหนดราคากลางที่ไม่เหมาะสม

นายสามารถระบุต่อว่า ขสมก.ดำเนินการประมูลมาหลายครั้งในหลายรัฐบาลจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน มีการแบ่งการประมูลออกเป็นระยะๆ โดยการประมูลระยะที่ 1 ขสมก.ต้องการซื้อรถจำนวน 489 คัน จากจำนวนทั้งหมด 3,183 คัน นอกจากนี้ยังมีการปรับแก้ทีโออาร์และสเปก รวมทั้งปรับลดราคากลาง แต่ ขสมก.ก็ยังไม่สามารถซื้อรถเมล์เอ็นจีวีได้เลย

และว่า “อันที่จริงมีการประมูลจำนวน 2 ครั้ง ที่ ขสมก.สามารถคัดเลือกบริษัทผู้ชนะการประมูลได้ แต่ก็ต้องยกเลิกไป เนื่องจากการประมูลครั้งแรก ขสมก.ให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาเฉพาะราคารถ เมื่อได้ตัวผู้ชนะแล้ว ขสมก.จะเจรจาต่อรองค่าซ่อมบำรุงรักษา ซึ่งอาจทำให้ผู้ชนะการประมูลเสนอราคารถต่ำ แต่เสนอราคาค่าซ่อมรถแพงก็ได้ ส่วนการประมูลครั้งที่ 2 นั้น ผู้ชนะการประมูลได้นำเข้ารถสำเร็จรูปครบทั้ง 489 คัน พร้อมทั้งได้ติดตั้ง GPS มีการตรวจสภาพและจดทะเบียนเป็นรถ ขสมก.เรียบร้อยแล้ว แต่ส่งมอบให้ ขสมก.ไม่ได้ เพราะกรมศุลกากรแถลงว่าการนำเข้าสำแดงแหล่งที่มาของรถเป็นเท็จ กล่าวคือ รถทั้ง 489 คันนั้นเป็นรถที่ผลิตจากจีน ไม่ได้ประกอบในมาเลเซีย ไม่ตรงกับเอกสารยื่นประมูลที่ระบุว่าเป็นรถที่ประกอบในมาเลเซีย ขสมก.จึงยกเลิกการประมูล ล่าสุดมีข่าวว่า ขสมก.จะเชิญเอกชน 10 รายยื่นซองประมูลในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 โดยจะมีการแก้ทีโออาร์ และปรับปรุงสัญญาจัดซื้อจัดจ้างตามที่คณะกรรมการ “ข้อตกลงคุณธรรม” ได้เสนอมา”

นายสามารถระบุว่า เหตุที่ก๊าซธรรมชาติเป็นที่นิยมใช้กันในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสารสาธารณะ และรถบรรทุก ก็เพราะว่าก๊าซธรรมชาติมีราคาต่ำ เนื่องจากภาครัฐอุดหนุนราคา โดยตรึงราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าการใช้น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซล แต่เมื่อรัฐบาลปล่อยราคาก๊าซธรรมชาติให้ลอยตัวตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2559 เป็นต้นมา ทำให้การใช้รถเอ็นจีวีประหยัดได้น้อยลง ต้นทุนโดยรวมเมื่อคิดค่าบำรุงรักษาด้วยเริ่มไม่คุ้มค่า เพราะค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติสูงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซลมาก

“ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถเอ็นจีวีทุกประเภทถดถอย กล่าวคือ บริษัทที่รับติดตั้งถังก๊าซและอุปกรณ์เพื่อใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้ปิดตัวลงจำนวนมาก ภาคธุรกิจขนส่งก็ทยอยถอดถังก๊าซและเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ผู้ประกอบกิจการขายรถบรรทุกรายใหญ่จากญี่ปุ่นรายหนึ่งได้ยุติการผลิตรถบรรทุกที่ใช้ก๊าซธรรมชาติแล้ว อีกทั้งราคาขายรถบรรทุกเอ็นจีวีเก่าตกลงมากเพราะไม่มีใครอยากซื้อ” นายสามารถระบุและว่า เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ผมจึงขอเสนอให้ ขสมก.เปลี่ยนการจัดซื้อจากรถเมล์เอ็นจีวีเป็นรถเมล์ดีเซลไฮบริด แม้ราคาจะสูงกว่ารถเมล์เอ็นจีวีก็ตาม แต่รถเมล์ดีเซลไฮบริดมีอายุการใช้งานนานกว่ารถเมล์เอ็นจีวีมาก และที่สำคัญ รถเมล์ดีเซลไฮบริดมีค่าใช้เชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาถูกกว่า

นายสามารถทิ้งท้ายว่า “ผมอยากให้ ขสมก.สามารถจัดซื้อรถเมล์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงเหมาะสมกับยุคสมัยได้ในเร็ววันนี้ แทนรถเมล์เก่าที่ใช้งานมานานหลายปีแล้ว เพื่อความสะดวกสบายของพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล”