ฝ่ายค้าน ยื่น “ชวน” ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 8 ปีแล้ว

ฝ่ายค้าน ยื่น ชวน ส่งศาลรธน.ตีความ ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 8 ปีแล้ว ภาวนาอย่ายุบสภา เชื่อหากยุบตอนนี้เกิดสุญญากาศแน่

 

วันที่ 17 ส.ค.65 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานวิปฝ่ายค้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ร่วมกันยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาฯ เพื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

นายชวน กล่าวภายหลังจากรับหนังสือว่า จะนำไปตรวจสอบคำร้องว่ามีรายชื่อครบถ้วน ของจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ เป็นไปตามกฎหมายคือ 1ใน10 ของจำนวนส.ส. คือ 48 คนหรือไม่ จากนั้นคงจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เลย ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งความเห็นกลับมาแล้วว่าไม่ข้องใจ แต่ระหว่างนี้ประธานสภาฯจะต้องชะลอร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เอาไว้ก่อน 3 วัน เพื่อดูว่าจะมีส.ส.เข้าชื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นกฎหมายที่มีความชอบหรือไม่

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าชื่อ 171 คน ยื่นต่อประธานสภาฯ เพื่อ 1.ขอให้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ความเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาเกินกว่า 8 ปี ตามมาตรา170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 หรือไม่ โดยสาระสำคัญในหนังสือ ประกอบไปด้วย ข้อ1.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

2.รัฐธรรมนูญมาตรา170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปี โดยให้นับระยะเวลาต่อเนื่องและมิได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้เท่านั้น

3.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2561 และ 7/2562 กรณีมาตรา 264 ให้รัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องอยู่ในบังคับของรัฐธรรมนูญ 2560 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-5/2550 และ 24/2564 เรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังสามารถทำได้หากมิใช่โทษทางอาญา ข้อ 4.เจตนารมณ์ของการจำกัดระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่

เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวิคำวินิจฉัย ให้นายรัฐมนตรีพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี วันที่ 23 ส.ค. ผู้ที่รักษาการนายกฯ จะเป็นพล.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เขียนรองรับให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องไป และรักษาการแทน ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ยังรักษาการในตำแหน่งนายกฯต่อไปได้ กรณีที่นายกฯไม่สามารถทำหน้าที่ได้มี 4 กรณี 1.มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญมาตร98 2.มีความไม่ซื่อสัตย์ไม่สุจริต เป็นที่ประจักษ์ 3.ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง 4.ทำความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ

“เรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ไม่อยู่ในข้อห้ามในการทำหน้าที่รักษาการ ถ้าพล.อ.ประวิตร จะรักษาการได้ ก็ต่อเมื่อศาลสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา”นพ.ชลน่านกล่าว

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ หากพล.อ.ประยุทธ์ ต้องพ้นตำแหน่งในวันที่ 23 ส.ค. จะใช้วิธีรักษาการไปเรื่อยๆ จนใกล้ครบวาระ ไปถึงมี.ค.66 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้ารัฐสภาฯ ยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ว่าจะมาจากในบัญชี หรือนายกรัฐมนตรีคนนอก ก็มีสิทธิ์ที่จะรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่เข้ามา เพราะในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเงื่อนเวลาว่า จะต้องเลือกนายกฯคนใหม่ให้ได้ภายในกี่วัน ถ้าเป็นกรณีนายกฯรักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอำนาจทำได้เหมือนกับเป็นนายกฯในเวลาปกติ ทั้งการพิจารณางบประมาณ การแต่งตั้งโยกย้าย แต่ถ้าเป็นการยุบสภาฯ มีข้อห้าม โดยห้ามแต่งตั้งโยกย้าย พิจารณางบประมาณ ห้ามใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง

น.พ.ชลน่าน กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สั่งให้นายกฯยุติการปฏิบัติหน้าที่ นายกฯยังทำหน้าที่ต่อไปได้เรื่อยๆ รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ว่า หลังจากรับเรื่องแล้ว จะต้องยุติปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ทุกอย่างอยู่ที่ศาล เมื่อรับเรื่องแล้วจะสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่ หรือจะสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ศาลวินิจฉัย อย่างไรก็ดีเชื่อว่าวันที่ 22 ส.ค. สภาฯ จะส่งคำร้องของฝ่ายค้านไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ และมั่นใจว่า ศาลจะรับไว้พิจารณาอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการวินิจฉัยได้ ศาลคงให้ความสำคัญ เร่งกระบวนการวินิจฉัย

เมื่อถามว่านักวิชาการด้านกฎหมายบางคนระบุ วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ จะนับย้อนหลังตั้งแต่ปี2557 ในทางที่เป็นโทษไม่ได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แล้วแต่ศาลจะใช้ดุลพินิจ แต่เรื่องนี้ก็มีข้อถกเถียงทางกฎหมายมหาชน ที่บอกว่าการนับย้อนหลังต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพประชาชนเท่านั้น แต่เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ใช่ กรณีนี้คงแล้วแต่ ศาลจะใช้ดุลพินิจออกมาทางไหน แต่ยังมั่นใจว่า ศาลจะใช้ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาประกอบในคำวินิจฉัย โดยเฉพาะข้อเท็จจริง ที่รัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้อยู่ยาว จะผูกขาดอำนาจ จะหยิบมาพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะอยู่ยาวจะเกิดความขัดแย้ง เชื่อว่า ศาลคงจะหยิบเงื่อนไขตรงนี้มาร่วมพิจารณาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวนายกฯ จะชิงยุบสภาก่อน วันที่ 23 ส.ค. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สามารถทำได้ แต่เหตุผลในการยุบสภาฯ ต้องเกิดข้อขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายสภาฯ แต่ขณะนี้ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น สภาฯไม่มีความผิดใดๆเลย ถ้าจะอ้างว่ายุบสภาฯคงยาก ถ้ายุบก่อนวันที่ 23 ส.ค. จะไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายจะค้างไปต่อไม่ได้ ยกเว้นแต่ได้ส่งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ทูลเกล้าฯไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการทูลเกล้าฯ ถ้ายุบตอนนี้ ก็ไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง เข้าสู่สุญญากาศ นายกฯจะอยู่ยาว แต่ไปเสริมแรงต้านของประชาชน ให้เกิดแรงต่อต้านอย่างหนัก เชื่อว่า นายกฯไม่กล้าทำ ภาวนาอย่าให้ทำ