ป.ป.ส.จับพระวัดดัง ปรุงยารักษาฟื้นฟูผู้ติดยา “ใส่ยาบ้า ผสมน้ำ” ขายชาวบ้านอ้างรักษาสารพัดโรค

ป.ป.ส. ลุยจับพระ-ลูกศิษย์ เปิดศูนย์ฟื้นฟูบำบัดผู้ติดยา “ใช้ยาบ้า ผสมน้ำ” รักษาผู้ป่วย ขายชาวบ้าน อ้างรักษาสารพัดโรค 

เมื่อวันที่ 7 กันยายน  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด( ป.ป.ส.)  ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กองพันทหารสารวัตร สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชากองทัพไทย กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก นำกำลังเข้าตรวจค้นศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดวัดเขาเพิ่มศรีสว่าง จังหวัดนครนายก พร้อมเข้าจับกุม นายสุวรรณโชติ หรือแดง อิ่มสมัย อายุ 43 ปี และ นายสุวรรณ วงศ์ศรีชา หรือพระครูโอภาสธรรมโชติ อายุ 61 ปี เจ้าอาวาสวัดเขาเพิ่มสว่าง จังหวัดนครนายก พร้อมยึดของกลางในการผลิตยาแผนโบราณมาทำการตรวจสอบ และแจ้งในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส.  กล่าวว่า กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ได้รับการร้องเรียน ว่ามีการเปิดศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ที่วัดเขาศรีเพิ่มสว่าง จังหวัดนครนายก และมีการจัดจำหน่ายยาแผนโบราณสูตรต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนผสมของยาเสพติดให้กับประชาชนจึงได้สืบสวนหาข่าวในพื้นที่ จังหวัดนครนายก จนทราบว่ามีการเปิดศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดภายในวัดเขาเพิ่มศรีสว่างจริงตามที่ได้รับการร้องเรียนดังกล่าว จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปขอเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู ที่ศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด  โดยเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าโครงการ 500 บาท ต่อมาจึงทราบว่านายสุวรรณโชติ หรือแดง อิ่มสมัย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เป็นผู้ผลิตยาถอนพิษยาเสพติด และยาแผนโบราณชนิดต่างๆ และนำมาจำหน่ายในนามของศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ขวดละ 100 บาท โดยมีนายสุวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ พระครูโอภาสธรรมโชติ เจ้าอาวาสวัดเขาเพิ่มสว่าง เป็นผู้จำหน่าย เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อขอซื้อตัวอย่างยาชนิดต่างๆ รวม 6 ขวด รวมราคา 600 บาท จากพระครูโอภาสธรรมโชติ ก่อนส่งตรวจพิสูจน์ ที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. จึงพบว่าผลการตรวจตัวยาแผนโบราณ (สูตร 1) มีสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน และกาเฟอีน ผสมอยู่ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน

นายศิรินทร์ยา  ยังกล่าวอีกว่า  เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่จึงได้ซื้อยาชนิดเดิมอีก 5 ขวด ราคา 500 บาท เพื่อส่งตรวจพิสูจน์ยืนยันผลอีกครั้ง ก็พบว่ามีสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน และกาเฟอีน ผสมอยู่ เช่นเดิม เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายสุวรรณโชติ หรือแดง อิ่มสมัย และนายสุวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ พระครูโอภาสธรรมโชติ เจ้าอาวาสวัดเขาเพิ่มสว่าง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย

ด้านนายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด  กล่าวว่า  การจับกุมครั้งนี้ได้ขณะที่ไปประชุมในหน่วยงานราชการ ที่รับผิดชอบเรื่องบำบัดฟื้น  เป็นการจับกุมครั้งที่ 2  ตอนนั้นพระครูรายดังกล่าวถูกจับกุมพร้อมยาบ้าไม่กี่เม็ด หรือในปริมาณผู้เสพ พอถูกดำเนินคดี ก็มีการสึกจากความเป็นพระ ต่อมาไม่นานกลับมา บวชอีก และยังทำพฤติกรรมแบบเดิม ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ป.ป.ส. จึงได้แฝงตัวเข้าไปเป็นผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูนำยาที่พระและลูกศิษย์ผสม ออกมาตรวจ ก็พบว่ามี เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ผสมอยู่ในยาน้ำ ยาเม็ด และมีการจำหน่ายยาดังกล่าวให้กับบุคคลภายนอก เอาไปบำบัดรักษาอาการป่วย อีกหลายโรค ซึ่งอันตรายมาก  เพราะว่าเวลาซื้อรับประทานก็คิดว่าป็น ยาวิเศษ รักษาโรคได้สารพัดชนิด แต่ความจริงแล้วเป็นจากการออกฤิทธิ์ ของเมทแอมเฟตามีน ทำให้ปฏิกิริยากับร่างกาย บางคนก็มึนงง

นายสิทธิศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณีแบบนี้กำลังเผยแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ภาคอีสาน  มีการเปิดสำนักสงฆ์อวดอ้าง สรรพคุณยารักษาโรค  แสนวิเศษ รักษาโรคได้ทุกโรค  ชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาความเชื่อก็ซื้อมารับประทาน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตนเองตกเป็นทาสยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว   ตอนนี้ป.ป.ส.อยู่ระหว่างกำลังสืบสวนข้อมูล แยกกลุ่มพระสงฆ์ที่บวชให้ชัดเจน ว่าเป็นอดีตผู้ต้องขังมาบวชจำนวนเท่าไหร่ และพระสงฆ์ที่ถูกจับดำเนินคดียาเสติพแล้ว มาบวชใหม่เท่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นความเชื่อความศรัทธาของคน