‘ศิริกัญญา’ ดับเครื่องชน 4 หน่วยงานบิ๊กศก. ชี้งบฯปี 65 เปราะบาง! เสี่ยงเก็บรายได้พลาดเป้า

‘ศิริกัญญา’ ชน 4 หน่วยงานบิ๊กเศรษฐกิจ ชี้ งบ 65 เปราะบาง รายได้เสี่ยงพลาดเป้า-กู้เต็มเพดาน เงินคงคลังลดลงแล้ว 2.2 แสนล้านบาทในรอบ 1 ปี 

วันที่ 8 มิถุนายน 2564 ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ (7 มิ.ย. 64 ) ในที่ประชุมกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ซึ่งมี 4 หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเข้าชี้แจง ทำให้พบเห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากในปี 63 และ 64 รัฐบาลจัดเก็บรายได้พลาดเป้า ทำให้ต้องกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลจนเต็มเพดาน จนต้องเอาเงินคงคลังออกมาใช้
.
“ในปี 2563 รัฐบาลจัดเก็บรายได้พลาดเป้าถึง 430,000 ล้านบาท ทำให้จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเก็บรายได้ 2.73 ล้านบาท จัดเก็บได้จริงแค่ 2.3 ล้านบาท ทำให้ต้องกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลเต็มเพดาน 700,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่พอ ทำให้ต้องนำเงินคงคลังออกมาใช้อีก 130,000 ล้านบาท”
.
“ในปี 2564 ปีนี้ ทำท่าจะซ้ำรอยเดิม จากการคาดการณ์ของ PBO (สำนักงบประมาณของรัฐสภา) ประเมินว่ารายได้ในปี 2564 จะพลาดเป้า 2.2 แสนล้านบาท ทำให้ปีนี้เราต้องกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล 7.4 แสนล้านบาท มากกว่าที่ประมาณการไว้เกือบ 3 แสนล้านบาท ซึ่งทำท่าว่ากู้แล้วจะไม่พอ เราต้องควักเงินคงคลังออกมาใช้อีก”
.
ศิริกัญญาชี้ว่าในปี 64 และ 65 ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะเก็บรายได้พลาดเป้าจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ
.
“การตั้งงบประมาณในปี 65 ที่ตั้งกู้ชดเชยขาดดุลเต็มเพดานตั้งแต่ต้นทำให้ถ้ามีความเสี่ยงจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้าแม้แต่ % เดียวก็จะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอใช้”
.
นอกจากนี้ ศิริกัญญายังระบุว่า การประมาณการรายได้สุทธิอาจพลาดเป้าจาก 1) ผลของการหดตัวของรายได้นิติบุคคล 2) เงินนำส่งรัฐวิสาหกิจที่พลาดเป้า 3) การแพร่ระบาดของโควิดและเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง 4) รายได้และเงินออมของประชาชนที่ยังไม่ฟื้นตัว และ 5) แนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
.
“ถึงท่านจะจัดเก็บภาษีได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน แต่ในภาวะที่มีความไม่แน่นอนแบบนี้ การประมาณการรายได้ก็อาจพลาดเป้าได้ โจทย์คือเราจะมีวิธีออกแบบงบประมาณอย่างไรให้สอดรับกับสถานการณ์”
.
สุดท้าย ศิริกัญญาแสดงความกังวลถึงสภาพคล่องในระยะสั้นจากดุลงบประมาณและเงินคงคลังที่มีระดับลดลงต่อเนื่อง ตัวชี้วัดสภาพคล่องระยะสั้นไม่ว่าจะเป็นดุลงบประมาณ และดุลงบประมาณต่อ GDP ถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นได้ชัดว่ามีระดับที่ลดลงมา ระดับเงินคงคลังเฉลี่ย 4 ไตรมาสต่องบประมาณทั้งหมดก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าลดลงมาในระดับต่ำกว่าปี 2562 โดยจากจุดที่เงินคงคลังสูงที่สุดในปี 2563 มาถึงไตรมาส 1/2564 เงินคงคลังลดลงแล้วจาก 572,104 ล้านบาท เหลืออยู่ 351,379 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อย ๆ ถ้าการจัดเก็บรายได้พลาดเป้า
.
“ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคที่หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจใช้ยังมีปัญหา ทั้งความช้า เก็บในความถี่ค่อนข้างห่าง และไม่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่จริง ๆ ประเทศอื่นมีวิธีการสร้างตัวชี้วัดที่ทำได้รวดเร็ว หรือ Rapid Indicator เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย, ภาษีน้ำมัน, จำนวนการเดินทาง หรือ google mobility index ที่จะช่วยสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และนำมาสู่การวางแผนออกมาตรการของรัฐอย่างตรงจุด” ศิริกัญญา กล่าวทิ้งท้าย