ด่วน! กกต.ไฟเขียว “พรรคไทยสร้างไทย” ของ ‘หญิงหน่อย’ จัดทัพใหม่ มุ่งเน้น “คนตัวเล็ก”

วันที่ 25 มีนาคม 2564 แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุด กกต.อนุมัติ การจดจัดตั้งพรรคไทยสร้างไทยแล้ว โดยเป็นพรรคในลำดับที่ 73 ในสารบบข้อมูลของพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่

โดย พรรคไทยสร้างไทย THAI SANG THAI PARTY ( TST ) ใช้ชื่อย่อว่า ‘ทสท.’ มีรหัสพรรคที่ 227 จดจัดตั้งพรรค เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 และมี นายสอิสร์ โบราณ เป็นหัวหน้าพรรค , นายวัลลภ ไชยไธสง เป็นเลขาธิการพรรค
ส่วน สำนักงานพรรคไทยสร้างไทย ตั้งอยู่เลขที่ 132/2 หมู่ 16 ถนนเจนจบทิศ ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น
สำหรับพรรคนี้เกิดขึ้นภายหลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และสมาชิกพรรคเพื่อไทยและมีข่าวว่าจะตั้งพรรคใหม่ ชื่อพรรค “ไทยสร้างไทย” ที่มาจากชื่อกลุ่มที่ทำงานการเมืองอยู่ ซึ่งใช้ชื่อว่า “กลุ่มสร้างไทย” โดยมีคีย์แมนสำคัญคืออดีตคนเพื่อไทยพร้อมคุณหญิงสุดารัตน์ อาทิ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา , นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงในยุคไทยรักไทย , นายพงศกร อรรณนพพร อดีต รัฐมนตรีและ ส.ส.ขอนแก่นหลายสมัย

ซึ่งมีสมาชิกอีกหลายคนที่ได้ลาออกมาร่วมงานกับพรรคดังกล่าวอย่างที่เปิดตัวไปแล้ว เช่น นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม ศิลปินชื่อดังที่สนใจงานด้านการเมือง และ อดีตทีมงานเพื่อไทย และคนรุ่นใหม่เลือดใหม่อีกจำนวนหนึ่งซึ่งมาทำงานในพรรคดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ โภคิน พลกุล ได้เคยเปิดใจกับมติชนสุดสัปดาห์ว่า “การเริ่มตั้งพรรคใดๆ ต้องอาศัยบุคคลที่มีบารมี มีศักยภาพ มีความสัมพันธ์แนบแน่นใกล้ชิดวงการหลากหลาย ต้องช่วยกันผลักดัน แต่จะต้องพัฒนาไปสู่การมีส่วนร่วมของทุกคนทุกฝ่ายด้วย”

“สิ่งสำคัญที่การจะเป็นพรรคการเมืองใดๆ ได้ แน่นอนที่สุด จะต้องมี Wisdom (สติปัญญา) ในการหาทางออกให้สังคม จากปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเป็นทิศทางได้ว่าจะไปทางไหน ตอบสังคมให้ได้ว่าทำไมถึงต้องไปเส้นนั้น และต้องมีผู้นำที่มีความเป็น leadership นำทางให้ได้ ว่าถ้าตามข้าพเจ้ามาบนเส้นทางนี้ ประเทศชาติจะไปรอด ผมต้องการเห็นแบบนี้”

ส่วนสาเหตุที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย โภคินบอกก็เพราะว่าไม่ตอบโจทย์ตรงตามที่กล่าวมาคือ ไม่สามารถเป็นสถาบันการเมืองที่อยากจะเห็นได้

“ผมเองก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับใคร ในเมื่อไม่ได้เป็นแบบนี้ ไปไม่ได้ ผมถอยออกมาดีกว่า”

โดยมีโจทย์สำคัญคือ 1. “เรามีอะไรเสนอ” wisdom อะไร ที่จะพาคนในประเทศนี้ออกไปจากทางตัน

2. การทำมาหากินปัญหาปากท้อง และ 3. เขากังวลเรื่องระบบความยุติธรรม พรรคการเมืองจะขายไอเดียได้ไหมว่า ถ้าเลือกเราแล้วเราจะนำทางออกให้ได้อย่างไร ถ้าเขาเห็นด้วยกับเรา ก็อยู่ที่ว่าเขาจะนำเสนอความคิดยังไงให้คนซื้อ ใครจะมา Run เรื่องต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งความเห็นส่วนตัวมองว่าควรจะเป็นคนรุ่นกลางไม่ใช่คนรุ่นผม คนรุ่นผมมีแต่หน้าที่คอยเป็นพี่เลี้ยง ทำหน้าที่สนับสนุน

ส่วน “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” จะเหมาะกับการนำในพรรคใหม่หรือไม่ โภคินตอบว่า อยู่ที่ตัวคุณหญิงเองว่าตัวเขาจะเอาอย่างไร แต่ถามว่าคุณสมบัติที่เขามี เวลาลงไปพบชาวบ้านคนอาจจะมีความรู้สึกว่าเหมือนพี่เหมือนน้องเหมือนญาติ คนเข้าถึงง่าย แตกต่างจากของผม ทุกคนอาจจะมองว่าเป็นอาจารย์ เป็นนักวิชาการ มันมีระยะห่างกับประชาชน แต่ของเขาจะไม่มี ท่านอยู่กันมานาน ท่านก็มีความสามารถ ที่เหลือเป็นเรื่องของต้องเติมเต็มเรื่องของทีม การคิดร่วมกันการนำเสนอให้เป็นระบบ

ขณะเดียวกันเมื่อเดือน ก.พ.2564 มติชนออนไลน์รายงานว่า พรรคนี้จะชูสโลกแกน “สู้เพื่อคนตัวเล็ก” เพราะในเมืองไทยนี่ทำอะไรก็ลำบาก โดยเฉพาะการทำมาหากิน ผิดกับ “คนตัวใหญ่” ทั้งที่ใหญ่เพราะมีอำนาจรัฐ และใหญ่เพราะมีอำนาจเงิน จะทำอะไรก็ง่ายกว่า

ยกตัวอย่างกฎระเบียบในการจดทะเบียนทำธุรกิจ มียิบย่อย เหมือนกับว่าทำอะไรก็ไม่ได้รับอนุญาตต้องใช้เส้นใช้สาย ต้องมีอำนาจทุนอำนาจรัฐ มีพรรคพวกจึงจะทำได้เมื่อกฎระเบียบเป็นปัญหา ทางออกคือระงับกฎระเบียบชั่วคราว เปิดโอกาสให้ “คนตัวเล็ก” ได้เติบโต และจัดการตัวเองให้ถูกระเบียบ โดยอาสาเข้าเพื่อ “ปลดล็อก”ให้กับ “คนตัวเล็ก” หากลืมตาอ้าปากได้ก็น่าจะช่วยคนส่วนใหญ่ของประเทศ