ศบค.ย้ำปชช.ต้องเช็กอินเข้าห้างหลายครั้ง เพื่อตีวงคนติดเชื้อ ชี้ ยุ่งยากช่วงแรก เดี๋ยวก็ชิน

ศบค. เผย กทม. ใช้งาน ไทยชนะ มากที่สุด พร้อมขอความร่วมมือร้านสะดวกซื้อ ร่วมลงทะเบียน ชี้ ร้านพื้นที่น้อยหวั่นเกิดความแออัด ย้ำปชช.ต้องเช็กอินเข้าห้างหลายครั้ง เพื่อตีวงหาผู้ติดเชื้อ ยัน เก็บข้อมูลในไทยชนะ 60 วัน เพื่อติดตามย้อนหลัง

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) แถลงสรุปการใช้งาน www.ไทยชนะ.com โดยข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤษภาคม ภาพรวมการใช้งาน ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มโครงการ โดยจำนวนร้านลงทะเบียน 67,904 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน ลงทะเบียน 5,077,978 ราย จำนวนการเข้าใช้งาน เชคอิน 8,584,803 ราย เชคเอาท์ 6,359,921 ราย ประเมินร้านค้า ไปประมาณ 3,984,641 ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคน ความร่วมมือร่วมใจตรงนี้ เวลาเกิดโรคขึ้นมาชุดข้อมูลของแต่ละคนมีความสำคัญอย่างยิ่ง และลดค่าใช้จ่าย แรกๆ เข้าระบบอาจจะยุ่งยาก แต่อีกสักพักจะคุ้นเคย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนร้านค่าสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร รองลงมา ชลบุรี นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี เชียงใหม่ ส่วนประเภทกิจการผู้ให้บริการลงทะเบียนร้านค้าสูงที่สุด คือ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ภัตตราคาร ศูนย์อาหาร รองลงมา ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ และอันดับที่ 3 ซุปเปอร์มาเก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก ค้าส่ง เป็นต้น

“ตอนนี้ร้านค้าต่างๆน่าจะมีการลงทะเบียนมากกว่า 11000 ร้าน แต่แค่เฉพาะร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ มีเกินกว่า 12000 ร้าน จึงอยากให้ผู้บริหารของร้านสะดวกซื้อหรือร้านต่างๆ ช่วยกันลงทะเบียนให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้มีระบบป้องกันประชาชนอย่างเข้มแข็ง ทางศบค.มีความห่วงใย เนื่องจากบางร้านมีความแออัด อยากให้ขอความร่วมมือ ช่วยกันตรงนี้ ”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจตามมาตรการผ่อนคลาย ชุดตรวจร่วม 90 ชุด ชุดตรวจทั่วไป 2,081 ชุด และชุดตรวจส่วนกลาง 148 ชุด จะกระจายลงพื้นที่ตรวจกิจการและกิจกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ โดยผลการตรวจ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม ตรวจ 17,588 ร้าน ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 5 ทั้งนี้ กรณีไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตักเตือน แนะนำ ตรวจซ้ำ หากยังไม่ปฏิบัติตาม ก็จะปิดกิจการ ส่วนปฏิบัติไม่ครบ 1,863 ร้าน อาทิ โทรทัศน์ กองถ่าย สถานที่ออกกำลังกาย ร้านตัดผม ห้องสมุด อย่างไรก็ตาม ขอให้ช่วยกันเพื่อจะได้ไปต่อในระยะที่ 3 และ 4

นพ.ทวีศิลป์ ตอบข้อถามถึงการสแกนคิวอาร์โค้ดเข้า www.ไทยชนะ.com เหตุใดจึงต้องสแกนทั้งก่อนเข้าห้างสรรพสินค้า และร้านค้าย่อยภายใน ว่า ที่เราต้องให้ท่านสแกนหลายครั้ง สืบเนื่องมาจากห้างสรรพสินค้าแต่ละแห่งจุคนได้เป็นหลักหมื่น ถ้ามีคนหนึ่งคนติดเชื้อ เราก็จะเรียกเฉพาะคนที่อยู่ในร้านย่อยต่างๆ ที่คนติดเชื้อเข้าไปเท่านั้น ไม่ต้องเรียกคนทั้ง 1 หมื่นคนเข้ามาตรวจ นี่คือความสำคัญของการเช็กอินเข้าร้านย่อย เป็นระบบที่เราออกแบบขึ้นมาให้ทุกคนได้ประโยชน์ และให้ทุกคนได้มีอิสระในการใช้ชีวิตต่อ

ต่อข้อถาม กรณีร้านค้าที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนกับ www.ไทยชนะ.com จะมีความผิดหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราอยากจะขอความร่วมมือร้านค้าทุกร้านให้ทุกคนเข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ เพราะการลงทะเบียนเป็นประโยชน์ต่อร้านค้า ผู้รับบริการ และสังคม

เมื่อถามว่า เหตุใดต้องเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการนานถึง 60 วัน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคได้ให้ชุดข้อมูลว่า เราจะนำข้อมูลมาใช้เพื่อติดตามสถานการณ์ย้อนหลัง โดยเราใช้ประสบการณ์ของไทยที่เคยมีมาก่อน คือกรณีสนามมวย เราจะมีการติดตามทั้งหมด 4 รุ่น รุ่นละ 14 วัน จึงต้องวางระยะเวลาไว้ถึง 2 เดือน ตัวเลขเหล่านี้มีหลักการและเหตุผลทั้งสิ้น