‘ครม.’ เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ลดภาระการวางเงินหลักประกันของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว

‘ครม.’ เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ลดภาระการวางเงินหลักประกันของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งทางกระทรวงฯ เสนอว่า ด้วยปัจจุบันการกำหนดจำนวนเงินวางหลักประกันเป็นเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องวางต่อนายทะเบียนเพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ ดำเนินการภายใต้กฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ.2555 ออกตามความพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 แต่เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจการท่องเที่ยวเกิดความชะงักงัน ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม รวมไปถึงผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ซึ่งส่งผลต่อการจ้างงานและความเป็นอยู่ของแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระยะเร่งด่วน จึงเห็นควรลดภาระในการวางเงินหลักประกันของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ ลงชั่วคราว เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวสามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและพนักงานในความดูแลไปได้ในช่วงระยะเวลาวิกฤตินี้ และเพื่อให้การกำหนดจำนวนเงินวางหลักประกันเป็นไปตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นางนฤมลกล่าวว่า โดยพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงฉบับนี้ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ (1) ให้ยกเลิกกฎกระทรวง กำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ.2555 (2) ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางหลักประกันต่อนายทะเบียน ในวันที่มารับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ณ สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลางหรือสาขาที่มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมสำนักงานของผู้ขอรับใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ดังต่อไปนี้ 2.1 การประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทเฉพาะพื้นที่ ต้องวางหลักประกันเป็นจำนวนเงินสามพันบาท 2.2 การประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทภายในประเทศ ต้องวางหลักประกันเป็นจำนวนเงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
2.3 การประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ ต้องวางหลักประกันเป็นจำนวนเงินสามหมื่นบาท และ 2.4 การประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภททั่วไป ต้องวางหลักประกันเป็นจำนวนเงินหกหมื่นบาท