แฟ้มข่าว

เครือ ปตท.ลงทุน 4.5 แสนล้าน

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ ปตท.และบริษัทในเครือจะเพิ่มการลงทุนเป็น 4.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของ ปตท. 1.3 แสนล้านบาท และการลงทุนของทั้งเครือ 3.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นบริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี 1.4 แสนล้านบาท บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. 6 หมื่นล้านบาท บริษัท โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีซี 5 หมื่นล้านบาท บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 4 หมื่นล้านบาท บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีโครงการที่รอการลงทุนเพิ่มเติม อาทิ การสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) การสร้างท่อก๊าซเส้นที่ 5 เชื่อมระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตก และการขยายเส้นทางโลจิสติกส์เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ปีละ 3-4 แสนล้านบาท

ตรุษจีนแห่เที่ยว 1.5 หมื่นล้าน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการสำรวจของสำนักงานภายในประเทศทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ น่าน บุรีรัมย์ ราชบุรี จันทบุรี และสตูล พบว่าในส่วนของยอดการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวจีนมียอดการจองเกินกว่า 100% ซึ่งคาดการณ์จากจำนวนเที่ยวบินที่บินเข้ามายังกรุงเทพฯ มียอดการจองเต็มเกือบทุกเที่ยวบินตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อน รวมถึงยอดการจองเที่ยวบินในช่วงตรุษจีนนี้ด้วย ซึ่งล่าสุดสายการบินเพิ่มเที่ยวบินเพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว โดยคาดว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยกว่า 300,000 คน จะมีการใช้จ่ายประมาณ 50,000 บาทต่อคน หรือเงินสะพัดท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท

เร่งปิดบ้านเอื้ออาทร

นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า คาดว่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายในปี 2562 นี้ โดยล่าสุดเหลือที่ยังไม่ได้ส่งมอบอีกประมาณ 10,000 ยูนิต ซึ่งมีทั้งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและอยู่ระหว่างการขายในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยในส่วนของการขายนั้นจะทำโปรโมชั่นเพื่อชวนเชิญลูกค้าให้เข้ามาซื้อ เช่น การลดราคา การลดค่าธรรมเนียมการโอน รวมทั้งการแถมเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้ สำหรับราคาขายของโครงการบ้านเอื้ออาทรในอดีตราคาขายอยู่ที่ประมาณ 300,000-400,000 บาทต่อยูนิต แต่ปัจจุบันมีหลากหลายราคา คือตั้งแต่ 250,000 บาทจนถึง 420,000 บาทต่อยูนิต

ต่างชาติซื้ออาคารชุดอีอีซี

นางสาวสิทธิเพ็ญ สิทธัตถพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ปี 2562 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 5-10% จากปี 2561 โดยตลาดอาคารชุดจะมีความต้องการมากกว่าบ้านจัดสรร เนื่องจากชาวต่างชาติสามารถซื้อเพื่อครอบครองกรรมสิทธิ์ได้ โดยช่วง 11 เดือนแรกของปี 2561 มียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยใน 46,156 ยูนิต เป็นอาคารชุด 39% และเป็นบ้านจัดสรร 61% จำนวนนี้ เพิ่มขึ้น 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 85,595 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งคาดว่าการลงทุนที่อยู่อาศัยจะเริ่มกลับมาหลังจากที่การลงทุนในพื้นที่ทั้งโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โครงการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่เกิดขึ้น เพราะจะนำกำลังซื้อกลุ่มใหม่เข้ามาเป็นกลุ่มแรงงานทักษะสูง จากเดิมเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรม ซึ่งรูปแบบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจะเปลี่ยนไป

รายได้เกษตรหดตัวตั้งแต่ต้นปี

น.ส.ทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือนมกราคม 2562 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.88% เป็นผลมาจากดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลง 0.21% โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง และมะพร้าว ในขณะที่ดัชนีผลผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.29% ซึ่งสินค้าสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง สับปะรด ปาล์มน้ำมัน สุกร และไก่เนื้อ สำหรับสินค้าสำคัญ ที่มีผลผลิตออกมากในช่วงเดือนมกราคม 2562 ได้แก่ มันสำปะหลัง และหอมแดง ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คาดว่าดัชนีรายได้เกษตรกรจะขยายตัวเล็กน้อย ในขณะที่ดัชนีราคามีแนวโน้มลดลง

อสังหาฯ สต๊อกล้น 5 แสนล้าน

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด เปิดเผยในสัมมนา “อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจ ปี 2562” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรว่า ภาพรวมการเปิดโครงการใหม่ปี 2562 ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าการเปิดโครงการจะชะลอลง และต้องระมัดระวังติดตามดูแลสต๊อกสินค้าที่อยู่ระหว่างการขายและสร้างเสร็จเหลือขายอย่างใกล้ชิด โดยมูลค่าสต๊อกสินค้าที่อยู่ระหว่างการขาย ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 อยู่ที่กว่า 530,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 230,000 ล้านบาท และแนวราบ 300,000 ล้านบาท ซึ่งพบว่าอัตราการขายสต๊อกอยู่ที่เพียง 30% จากก่อนหน้าช่วงปี 2555-2556 อยู่ที่ 60% ส่วนผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลการสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยกำหนดอัตราสินเชื่อต่อมูลค่าที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) หรือเพิ่มเงินดาวน์ ที่จะบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2562

รวมทั้งกำลังซื้อของลูกค้าชาวจีนที่ต้องติดตามว่าจะชะลอตัวลงมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสงคราม