E-DUANG : มือจาก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มือจาก สมศักดิ์ เทพสุทิน

ความสำเร็จในทางการเมืองที่เห็นและเป็นอยู่ ณ เบื้องหน้าประชาชนวันนี้ มีหลายคนอย่างยิ่งที่จะทอดตามองด้วยความชื่นชม ยินดี

มิได้มีแต่เพียงสายตาของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตานายกรัฐมนตรีแห่งพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

หากแต่น่าจะเป็นทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งยืนเรียงอยู่เคียงข้าง

ยิ่งกว่านั้น สายตาจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ร่วมอยู่ในคณะเจรจาตั้งแต่ยุค 151 เสียงแห่งพรรคก้าวไกลเป็นธงนำ กระทั่งการนำตกมาเป็นของ 141 เสียงแห่งพรรคเพื่อไทย

แน่นอน เมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มอง นายภูมิธรรม เวชยชัย อย่างชื่นชม ความชื่นชมในลักษณาการเดียวกันนี้ย่อมมาจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ด้วย

ยอมรับเถิดว่าด้วยพลังที่จับต้องไม่ได้ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประสานเข้ากับบารมีทางการเมืองของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรือง กิจ ได้กรุยทางให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย

อย่าลืมบทบาทของ 2 คนนี้ก่อนเดือนพฤษภาคม 2566

 

ต้องยอมรับว่าการดำรงอยู่ภายในรัฐบาลอันมีพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มี ความแข็งแกร่งและมั่นคง

ไม่ว่าจะมองจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะมองจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

การตัดสินใจอำลาจากพรรคพลังประชารัฐของ นายสุริยะ จึง รุ่งเรืองกิจ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จึงเป็นการอำลาอย่างแฝงวาระอันลึกซึ้งในทางการเมือง

ในฐานะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีความเข้าใจในบทบาทและความหมายของกฎกติกาในระนาบที่นิยามออกมาว่า”รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”

คำว่า”พวกเรา”มิได้หมายเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากแต่ยังหมายถึง”เขา 2 คนนี้”ด้วย

 

การออกจากพรรคพลังประชารัฐจึงเสมอเป็นเพียง”ภารกิจ”ในการทำหน้าที่เชื่อมประสานระหว่าง พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ

เพราะล้วนมี”เครือข่าย”โยงใยระหว่างกันดำรงอยู่แนบแน่นก่อให้เกิดการเปล่งเสียงบ่งบอกทิศทางแห่ง 40 เสียง ก่อให้เกิดการเปล่งเสียงบ่งบอกทิศทางแห่ง 36 เสียงจากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ

กลายเป็นความสำเร็จ กลายเป็นคุณูปการผ่านความเคลื่อนไหวของ นายภูมิธรรม เวชยชัย งดงาม

บนฐาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน