เผยแพร่ |
---|
เมื่อ นายชวน หลีกภัย ตัดสินใจยุบสภาในเดือนพฤศจิกายน 2543 เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจยุบสภาในเดือนพฤษภาคม 2554
ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมากด้วยความมั่นใจเป็นอย่างสูง
เป็นความมั่นใจที่จะกำชัยชนะในการเลือกตั้ง
สายตาที่มองไปยังการเกิดขึ้นของพรรคไทยรักไทย สายตาที่มองไปยังภาพลักษณ์ในทางการเมืองของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นภาพลักษณ์ที่อ่อนด้อยและไร้ความหมาย
เหมือนกับการตัดสินใจในปี 2554 เพราะว่าการยุบพรรคพลังประชาชนเพิ่งผ่านมา เพราะว่าการปราบปรามอย่างดุดันใน เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 มีความเด่นชัด
เด่นชัดว่ารัฐบาลอยู่ในสถานะเป็นฝ่ายรุก เป็นฝ่ายกระทำ เด่นชัดว่าสายสัมพันธ์ที่รัฐบาลมีกับขุมกำลังในกองทัพอันมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้นำมีความแนบแน่น
เมื่อมองไปยังพรรคเพื่อไทยก็เห็นแต่ความระส่ำระสายภายใต้การเสนอคนหน้าใหม่อย่าง นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามา
แล้วผลการเลือกตั้งปี 2544 และปี 2554 เป็นอย่างไร
การเลือกตั้งในเดือนมกราคม 2544 ปรากฏขึ้นด้วยชัยชนะของ พรรคไทยรักไทยอย่างชนิดถล่มทลาย พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่าย พ่ายแพ้ต้องเล่นบทฝ่ายค้าน
ยิ่งเมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรียิ่งสร้างปรากฏการณ์และก่อให้เกิดภาพทางการเมืองใหม่
นั่นก็คือ ความสามารถในการแปรนามธรรมแห่ง”นโยบาย”ที่ ประกาศไปสู่รูปธรรมทาง”การปฏิบัติ”ที่เป็นจริง สร้างผลงานและ ความสำเร็จมากมายที่เรียกว่า”ประชาธิปไตยกินได้”
ผลงานและความสำเร็จจึงจำหลักอย่างหนักแน่นและมีผลสะ เทือนมาถึงการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554 ทำให้ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่คือบทเรียนในทางการเมืองจากยุคพรรคประชาธิปัตย์ ต่อเนื่องมายังยุคพรรคพลังประชารัฐ ยุคพรรครวมไทยสร้างชาติ
ความจริง สังคมอ่านออกตั้งแต่มีการเสนอชื่อ นส.แพทองธาร ชินวัตร มาแล้วว่าสภาพการณ์ทางการเมืองจะดำเนินไปอย่างไร เป็นเช่นเมื่อปี 2544 เป็นเช่นเมื่อปี 2554 หรือไม่
นั่นก็คือ ความมั่นใจที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกอันดับ 1
หากไม่เป็นเช่นนี้คงไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้น หากไม่เป็นเช่นนี้คงไม่มีการปล่อยข่าวจึงเกิดขึ้น
ด้วยหวั่นว่าผลจะเป็นเช่นเมื่อปี 2544 และเมื่อปี 2554