เผยแพร่ |
---|
ทำไมเสียงเอะอะโวยวายในทางการเมืองจึงดังออกมาจากพรรค พลังประชารัฐอย่างผิดปกติ
ไม่ว่าจะดังมาจาก”นครสวรรค์” หรือ “นครศรีธรรมราช”
คนซึ่งนั่งอยู่ในฐานะหัวหน้าพรรคอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ ย่อมรู้ดีอย่างที่สุดว่าต้นตอของแต่ละเสียงนี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างไร
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่เสียงเหล่านี้มิได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อการดำรงอยู่ในสถานะแห่งหัวหน้าพรรคของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ตรงกันข้าม ยังต้องการเห็นถึงความรักความผูกพันระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่โดยไม่เสื่อมคลาย
เพียงแต่เรียกร้องการยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมจาก พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าจะโดยการดำรงสถานะแห่ง”แคนดิเดต”นายกรัฐมนตรี
ไม่ว่าจะแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการตัดสินใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ทั้งหมดนี้ล้วนทำเพื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นเสียงอันดังมาจาก”นครสวรรค์” ไม่ว่าจะเป็นเสียงอันดังมาจาก”นครศรีธรรมราช” ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงที่ต้องการดำรงสถานะ”นำ”ให้กับพรรคพลังประชารัฐ
ก่อนอื่นต้องขึ้นอยู่กับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ตราบใดที่ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ ไม่เกิดเอกภาพในทางความคิด ตราบนั้น เส้นทางของพรรคอนาคตใหม่ย่อมไม่ราบรื่น
จากพื้นฐานเช่นนี้ภายในพรรคพลังประชารัฐย่อมหงุดหงิดไม่ พอใจอย่างแน่นอน เมื่อปรากฏร่องรอยการเกิดขึ้นของพรรครวมไทยสร้างชาติโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เนื่องจากรับรู้ตั้งแต่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ เคลื่อนไหวแล้ว
ว่ามีเป้าหมายเป็น”นั่งร้าน”สำรองให้กับใครในการ”ไปต่อ”
ภายในความเรียกร้องต้องการเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวในทางความคิดระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นเอง
ในอีกด้านจึงสะท้อนความ”ไม่”เป็นเอกภาพอย่างเด่นชัด
นี่ย่อมเป็นโจทย์ในทางการเมืองที่ทั้ง พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จักต้องร่วมกันแก้ไข
เว้นเสียแต่แต่ละคนต้องการ”ไปต่อ”อย่างเอกเทศเท่านั้น