ไม่เพียงแต่บนเวทีทางการเมืองจะเกิดการต่อสู้ 2 แนวทางต่อสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะอยู่ หรือว่าจะไปต่อเท่านั้น

หากในโลกแห่งโซเชียล มีเดีย ก็ปรากฏ #ลุงตู่ไปต่อ ประสานเข้ากับ #ไล่ประยุทธ์

การจะ “อยู่” หรือการจะ”ไป”ของ”ลุงตู่”จึงร้อนแรง

เป็นความร้อนแรงกระทั่งส่งผลสะเทือนต่ออารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเหนือความคาดหมายในแต่ละห้วงของการเคลื่อนไหว

ไม่ว่าจะเป็นอาการ”เม้ม”ปาก ไม่ว่าจะเป็นการตอบ”คำถาม” ต่อสื่อมวลชน จึงมิอาจรอดพ้นไปจากสายตาและการสังเกตอย่าง ละเอียดยิบย่อย

แม้กระทั่งการเอ่ยอ้างถึง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อันเป็นหลักแห่งอริยสัจก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงจนถือว่าเป็นอาการหนึ่งในทางการเมือง

ยิ่งเมื่อสำรวจเข้าไปในแต่ละรายลเอียดของการขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็น#เรารักลุงตู่ ลุงตู่ไปต่อ หรือ #ไล่ประยุทธ์

ก็มากด้วย”เงื่อนงำ”อันซับซ้อนที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย

 

การเสนอประเด็นว่าด้วย เรารัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือว่าด้วยการไปต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้นมาอย่างไรสามารถคาดเดาได้

คาดเดาได้เหมือนกับการเสนอประเด็น #ไล่ประยุทธ์ อันกระหึ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563

แต่ทิศทางอันแน่นอนไม่ว่า #ไล่ประยุทธ์ ไม่ว่า#เรารักลุงตู่ ก็คือ มิได้เป็นการดำรงอยู่ตามเจตจำนงของผู้เสนอและตั้งประเด็นหากดำเนินไปอย่างมีการเบียดแทรก

ความน่าสนใจก็คือ พลังแห่งการเบียดแทรกจากฝ่ายที่ต้องการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความหนักแน่นจริงจังและเป็นรูปธรรมมากกว่าฝ่ายที่เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

      ยิ่งดำรงอยู่ในเทรนด์ยาวนานจึงยิ่งเท่ากับเป็นการประจาน

และขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หนักหน่วงรุนแรง

 

ไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิจัยจากสำนักไหนเมื่อเดินท่องเข้าไปในแต่ละชีพจรทางการเมือง ทั้งผ่านโลกแห่ง”สื่อเก่า” และที่ดำรงอยู่ในโลกแห่ง”สื่อใหม่”

ก็จะประจักษ์ในสภาพความเป็นจริงที่”จริงแท้”มากขึ้น

สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างไปจากในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างสิ้นเชิง

กระหึ่มแห่งการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยิ่งรุนแรง