เผยแพร่ |
---|
ปรากฎการณ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งสำแดงผ่านกว่า 1.3 ล้านคะแนนเสียงในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม กำลังส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง
ทั้งในพื้นที่ทาง”ความคิด” และในพื้นที่ทาง”การเมือง”
ใครที่มองว่ารากฐานแห่งคะแนนเสียงของ นายชัชชาติ สิทธิ พันธุ์ มาจากการหนุนเสริมจากพรรคเพื่อไทยซึ่งต่อยอดมาจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน
ยิ่งผ่านบรรยากาศอย่างที่เข้าใจว่า”โอเวอร์ พีอาร์” ก็ยิ่งต้องทำความเข้าใจและปรับความคิดใหม่
อาจมีส่วนแต่ก็ปฏิเสธความเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ได้
ใครที่มองผ่านความสัมพันธ์อันดีระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อนั่งเรือล่องไปในคลองลาดพร้าวกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ก็ต้องคิดใหม่และทำความเข้าใจใหม่
เนื่องจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พร้อมที่จะแตะมือไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์หรือแม้กระ
ทั่งที่เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ และกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ
เป้าหมายเฉพาะหน้าของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือความเป็นอิสระและทำงานร่วมกับทุกกลุ่มได้อย่างสร้างสรรค์ เป็นจริง
ไม่ต้องมองไปถึงความหงุดหงิดจากภายในทำเนียบรัฐบาล อันสำ แดงออกอย่างเป็นรูปธรรมจากแต่ละคำพูด แต่ละการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตั้งแต่ความพยายามฟื้นบรรยากาศ”การไลฟ์”มาประชันขันแข่งกระทั่งผลักดันกองทัพบกให้เข้าร่วม”ดนตรีในสวน”
เป้าหมายเพื่อแย่งยึดและสร้าง”พื้นที่”ในทาง”การเมือง”
แต่ยิ่งมีการเคลื่อนไหวออกมาจาก”ทำเนียบรัฐบาล”ภาพอันนำไปสู่การเปรียบเทียบอย่างแหลมคมเป็นลำดับ คือ ภาพระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภาพหนึ่งเป็นการเดินเข้าหาชาวบ้านอย่างเป็นกันเองภายใต้จุดมุ่งหมาย”ทำงาน ทำงาน ทำงาน”เพื่อขับเคลื่อนและสร้างความหวังให้บังเกิด
ภาพหนึ่งเป็นการเดินเข้าหาในลักษณะ”เจ้าใหญ่นายโต”
ประกายหนึ่งในทางการเมืองก็คือ วิถีของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ก่อรูปและกลายเป็น”ปฏิมา”ในทางการเมืองซึ่งดำเนินไปอย่าง เปี่ยมด้วยพลานุภาพ
ก่อให้เกิดปฏิบัติในกระสวน”ทำลายอย่างสร้างสรรค์”ขึ้นมา
เพียงพูดถึงข้าราชการกรุงเทพมหานครว่าเป็น”เพื่อนร่วมงาน”ก็สะเทือนกรอบความคิด”รัฐราชการรวมศูนย์”ลึกซึ้ง
เท่ากับจุดประกายและสร้าง”ความหวัง”ใหม่ในทางการเมือง