เผยแพร่ |
---|
ทั้งๆที่ ณ เบื้องหน้าการเลือกตั้งเมืองพัทยา” มีบ้านใหญ่จากตระกูลใหญ่ยึดครองอยู่อย่างต่อเนื่อง
เหตุใด “คณะก้าวหน้า” จึงประกาศจะส่งคนลงสมัคร”แข่ง”
ทั้งๆที่ ณ เบื้องหน้าการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร มีบุรุษผู้แข็งแกร่งระดับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปักหลักลงพื้นที่หาเสียงอย่าง ยาวนานสร้างคะแนนนิยมเป็นอย่างสูง
และมีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐกำลังติดต่อทาบทามผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งโด่งดังเป็นอย่างสูงจากสถานการณ์”ถ้ำหลวง”
เหตุใด “พรรคก้าวไกล” จึงประกาศจะส่งคนลงสมัคร”แข่ง”
ทั้งมิได้แข่งเพียงกับตัวแทนจากพรรคพลังชล จากพรรคพลังประชารัฐ จากพรรคประชาธิปัตย์ จากพรรคไทยสร้างไทย หากแต่ยัง ต้องตีฝ่า”คนดัง”อีกจำนวนไม่น้อย
เหตุใด ไม่ว่า”คณะก้าวหน้า” ไม่ว่า”พรรคก้าวไกล”จึงไม่รั้งบัง
เหียนม้าก่อนที่จะวิ่งนำพารถให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความพ่ายแพ้
เหมือนที่เคยพ่ายแพ้มาแล้วในเวที “อบจ.” เหมือนที่เคยพ่ายแพ้มาแล้วในเวที”เทศบาล” เหมือนที่เคยพ่ายแพ้ใน”อบต.”มาแล้ว
ไม่ว่าจะมองไปยังใบหน้าของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่าจะมองไปยังใบหน้าของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หากถือตามบรรทัดฐานทั่วไปและตามประสบการณ์ของผู้อาวุโสทางการเมือง
คำประกาศจากพรรคก้าวไกล การยืนยันจากคณะก้าวหน้า แสดงให้เห็นถึงการดึงดัน เหมือนกับไม่ยอมรับกับความเป็นจริง
ความเป็นจริงที่การบริหาร”เมืองพัทยา”อยู่ภายใต้อิทธิพลและคำบงการของ”บ้านใหญ่”มาอย่างต่อเนื่อง ความเป็นจริงที่พื้นที่”กรุง เทพมหานคร”เป็นเวทีของกลุ่มและพรรคการเมืองใหญ่
ความดึงดันของคณะก้าวหน้า ความดื้อรั้นของพรรคก้าวไกลจึงเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้ นอกจากความไม่รู้ ความไม่เดียงสา
สะท้อนให้เห็นตัวตนของ”ทารก”ทางการเมืองอย่างเด่นชัด
กระนั้น หากย้อนกลับไปดูพฤติการณ์ของ”พรรคอนาคตใหม่”เมื่อ 3 ปีก่อน ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากพฤติการณ์ของคณะก้าวหน้า พฤติการณ์ของพรรคก้าวไกล
ยังคงปักธงในทาง”ความคิด” ยังคงขับเคลื่อนทาง”การเมือง”
แสดงความมั่นใจใน 80 เสียงที่ได้มา แสดงความมั่นใจกับความสำเร็จที่อาจสามารถทำให้น้ำประปากินได้ใน 99 วัน
บรรดา”ทารก”ในบู๊ลิ้มเหมือนไม่สนใจเสียงตำหนิจาก”เกจิ”เลย