ไม่ว่าจะความตระหนกในเรื่อง”ตลาดกุ้ง”จากสมุทรสาคร กระทั่งเกิดกระแสรังเกียจหรือกระทั่งต่อต้านการปรุงและกินกุ้งเป็นภักษาหารดังที่เคยปฏิบัติกันมา

ไม่ว่าจะความตระหนกกระทั่งต้องไล่ปิด “ตลาดสด” ไม่ว่าจะเป็นที่บางใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นที่กลางเมืองระยอง

ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแง่กับการเกิดขึ้นของ”บ่อน”ตั้งแต่แจ้งวัฒนะ เรื่อยไปจนถึงพระราม 3 และความกังขาเมื่อตำรวจออกมาแถลงยืนยันว่าไม่เคยมี”บ่อน”

เหล่านี้มิใช่ว่าอยู่ๆก็เกิดความตระหนก เกิดความรู้สึกรังเกียจปัดปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกุ้ง ไม่ว่าจะเรื่องอาหารทะเล ไม่ว่าจะเรื่องตลาดสด ไม่ว่าจะเรื่องบ่อนการพนัน

ตรงกันข้าม เป็นผลสะเทือนและความต่อเนื่องอันมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นระลอกแรกเมื่อปี 2562 ไม่ว่าจะเป็นระลอกหลังเมื่อปลายปี 2563

“โควิด”ต่างๆที่สำแดงฤทธานุภาพของมันและก่อให้เกิดความ เปลี่ยนแปลงตามมามากมาย

 

ถามว่าความรู้สึกต่อรัฐบาล ความรู้สึกต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความรู้สึกต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงอยู่อย่างไรภายใต้สถานการณ์ของ”โควิด”

ยังเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นเหมือนกับที่ปรากฏผ่านการสำรวจ ของ”ซูเปอร์โพล”หรือไม่

โดยเฉพาะเมื่อได้รับฟังมาตรการของศบค.ว่าจะไม่มีการล็อค ดาวน์เหมือนที่เคยกระทำเมื่อเดือนมีนาคม 2563 อย่างเด็ดขาด แต่ในแต่ละมาตรการล้วนบ่งชี้ว่าดำเนินไปในทิศทางนั้น

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาปฏิเสธไม่รับรู้ต่อการ ดำรงอยู่ของ”บ่อน” ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาเรียกร้องการล็อคดาวน์ตนเองของประชาชน

มุมมองและความรู้สึกต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปลี่ยนไป

นี่มิใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยมากับบทเพลง เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน อย่างแน่นอน

 

สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนมกราคม 2564 ต่าง ไปจากหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างเด่นชัด

อารมณ์ความรู้สึกต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เปลี่ยนไป

นี่มิได้มาจากการขุดคุ้ยของ”ราษฎร”ประการเดียว หากแต่น่าจะมาจากผลสะเทือนของ”โควิด”อย่างไม่ต้องสงสัย