เผยแพร่ |
---|
กวีนิพนธ์ของ กวี การเมือง ที่ว่า “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน จะทานหรือจะทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา” กำลังเป็นบทพิ สูจน์อันแหลมคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพรรคไทยรักษาชาติ
นี่อาจจะเป็นความจัดเจนซึ่งปราชญ์จีนได้สรุปเอาไว้ แต่เมื่อ ปรากฏผ่านการสร้างสรรค์เป็นภาษาไทยของ กวี การเมือง อันเป็นนามปากกาหนึ่งของ จิตร ภูมิศักดิ์
ก็ทำให้มีความเข้าใจในอุปมาระหว่างความทรหดของม้าและการยืนหยัดของคน
นั่นก็คือ “หนทางพิสูจน์” นั่นก็คือ “กาลเวลาพิสูจน์คน”
เบื้องหน้าสถานการณ์หนึ่งตัวตนและความเป็นจริงก็จะฉายชี้ให้ได้รู้จักว่าเป็นอย่างไร
ทำไมสังคมจึงขานรับท่าทีของ ร.ท.ปรีชาพล เสริมพานิช อย่างให้ ความนับถือ
เพราะเขามี”หลักการ”อันเป็นของเขาเอง
ไม่เพียงแต่เท่านั้นเมื่อประสบกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถม เข้ามาอย่างดุเดือด รุนแรง และมากด้วยความแหลมคม ก็ยังกล้าที่จะยืนหยัดเผชิญอย่างหาญกล้า
หลายคนอาจไม่แปลกใจเท่าใดเมื่อเห็นท่าทีอันมาจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายสุธรรม แสงประทุม และ นายณัฐวุฒิ ไสย เกื้อ
เพราะเห็นว่า 3 คนนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมามาก กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช
แต่เมื่อนำเอาพลังของ”คนรุ่นก่อน”ประสานเข้ากับพลังของ”คนรุ่นใหม่”ของ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช และเพื่อนคณะกรรมการ บริหาร
ก็ต้องมองด้วยความเคารพ เพราะเป็นไปตามบทสรุปที่ว่า จะทานหรือจะทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา
สถานการณ์นับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เป็นหินลองทองอันคมแหลมยิ่งในทางการเมือง
สังคมได้รู้ในเรื่อง”คน” ได้รู้ในเรื่อง”พรรค”
ใครและพรรคใดกำลังชื่นชมยินดีกับชะตากรรมของพรรคไทยรักษาชาติ ใครและพรรคใดกำลังหาประโยชน์จากชะตากรรมของพรรคไทยรักษาชาติ
และใครที่ยืนหยัดอยู่กับพรรคไทยรักษาชาติอย่างแน่วแน่