33 ปี ชีวิตสีกากี (68) | ประสบการณ์รองสารวัตรฯ สภ.อ.เมืองระนอง

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

สําหรับเพื่อนที่เลือก สภ.อ.เมืองระนอง ที่เดียวกับผมนั้น ประกอบด้วย

1. ว่าที่ ร.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ มีชื่อเล่น “ป๋อง” เป็นคนหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ่อทำงานรถไฟ เป็นนักกีฬารักบี้ ร้องเพลงได้

2. ว่าที่ ร.ต.ต.อนุชน ชามาตย์ ชื่อเล่น “เอ๊ด” มาจากโคราช พ่อเป็นนายตำรวจ เล่นฟุตบอล และร้องเพลงเก่ง

3. ว่าที่ ร.ต.ต.ชัยรัตน์ ศรีเอี่ยม คนกรุงเทพฯ พ่อเป็นนายทหารอากาศ เพื่อนๆ เรียก”จอห์น” เป็นคนเงียบๆ ใจดี ใจเย็น

4. ว่าที่ ร.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ลูกชาวบ้าน เป็นชาวสวนมาแต่เกิด คนกระทุ่มแบน ร้องเพลงไม่เป็น เต้นรำไม่ได้

ทุกคนมีตำแหน่งเหมือนกัน คือ รอง สวส.สภ.อ.เมืองระนอง หรือรองสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองระนอง

 

ก่อนที่ผมจะเดินทางไปทำงานที่จังหวัดระนอง ผมได้วางแผนเดินทางไปดูพื้นที่ทำงานที่จังหวัดระนองก่อน ได้เดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศ บริษัทยานยนต์ทัวร์ และเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถทัวร์ในลักษณะแบบนี้

รถออกเดินทางเวลา 20.45 น. แวะที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลาเที่ยงคืน เพื่อกินข้าวต้มรอบดึก เดินทางมาถึงจังหวัดระนองเมื่อเวลา 06.15 น.ของวันที่ 18 เมษายน 2525

ครั้งนี้คือการเดินทางมาจังหวัดระนองเป็นครั้งแรก

ผมได้นั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่ สภ.อ.เมืองระนอง

เมื่อไปถึง ส.ต.ท.สำเนียง ไผ่ฤทธิ์ เป็นยามประจำสถานี และเข้ามาถามผมว่า “ไอ้บ่าว จะไปไหน” จนมี ส.ต.ต.สมบูรณ์ ถือมั่น ได้พาผมไปที่บ้านพักของ ร.ต.ต.กิตติพงษ์ พรหมสวัสดิ์ รอง สวส.สภ.อ.เมืองระนอง และต่อมาได้ย้อนกลับมาที่ สภ.อ.เมืองระนอง พบ ร.ต.อ.ชม หนูแป้นน้อย กำลังเข้านายร้อยเวรสอบสวน และได้ชักชวนให้เที่ยวต่อ แต่ในค่ำวันนั้น ผมก็เดินทางกลับ

ช่วงที่รถทัวร์แวะพักตอนเที่ยงคืน ที่ อ.ทับสะแก ผมได้พบเพื่อนร่วมรุ่น 3 คนที่เดินทางกลับจากไปดูสถานที่ทำงานเหมือนผม

แต่ทั้ง 3 คนเดินทางไปที่ สภ.อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานที่ได้เลือกไว้ คือ ว่าที่ ร.ต.ต.สราวุธ เอี่ยมสำราญ, ว่าที่ ร.ต.ต.ปณิธาน สันติเพ็ชร และ ว่าที่ ร.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล จึงได้มีการพูดคุยทักทายกัน

 

ผมได้เดินทางกลับบ้านที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และได้แวะเยี่ยม พ.ต.อ.ชำนาญ สุวรรณรักษ์ บุคคลสำคัญที่แนะนำให้ผมไปสอบเป็นตำรวจ และทุกครั้งก็จะแนะนำความรู้ต่างๆ เพื่อเป็นตำรวจที่ดี รวมทั้งแนะนำการเตรียมตัวไปทำงาน ผมยังระลึกถึงและเคารพท่านอยู่เสมอไม่คลายไปจากใจผม

จนกระทั่งพิธีรับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร ณ พระที่นั่งอาคารใหม่ สวนอัมพร และพิธีประดับยศ ว่าที่ ร.ต.ต. เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2525 ผ่านไปแล้ว

วันที่ 5 พฤษภาคม 2525 ญาติพี่น้องคนที่รู้จักกันกว่า 20 คน ได้รวมกันนำรถกระบะสองแถวในหมู่บ้าน พากันไปส่งผมถึงจังหวัดระนอง เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนในหมู่บ้านจบจากสามพราน จึงรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ

รถได้ออกเดินทางเมื่อเวลา 21.45 น. และผ่าน จ.ราชบุรี ซึ่งผมเคยมาฝึกหัดปฏิบัติราชการ แล้วเรื่อยไปจนถึงเขาย้อย, หนองหญ้าปล้อง, เพชรบุรี, ชะอำ และเวลาเที่ยงคืน ก็มาถึงหัวหิน ผ่านค่ายนเรศวร ญาติพี่น้องที่ร่วมเดินทางมาก็เริ่มหลับ และเข้าเขตทับสะแก

แต่สภาพถนนขณะนั้นเป็นฝุ่น คละคลุ้งไปหมด สร้างความลำบากให้กับทุกคน แล้วก็แวะกราบไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาหินช้าง เป็นสัญลักษณ์เข้าพื้นที่ภาคใต้แล้ว

แวะกินข้าวต้มที่ชุมพร ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาคลุกกับฝุ่น จนจำหน้าตากันเกือบไม่ได้

 

มาถึงชุมพรเมื่อเวลาตี 4 ของวันใหม่แล้ว การเดินทางระหกระเหินจริงๆ ไม่ราบเรียบเลย

เมื่อเข้าถึงเขตจังหวัดระนอง ฝนก็เริ่มตก ถนนเริ่มคดเคี้ยวตลอดเส้นทาง จนมีบางคนทนไม่ไหว ถึงกับอาเจียนออกมาเลย ความทุลักทุเลของการเดินทางเป็นประสบการณ์ของทุกคน

แล้วก็พากันมาจนถึงน้ำตกปุญญบาล เป็นน้ำตกที่อยู่หัวโค้งข้างทาง รถจึงจอดแวะพักให้ทุกคนลงมาอาบน้ำอาบท่า แปรงสีฟัน พร้อมกับยืดเส้นยืดสาย

พอสบายตัว ก็เดินทางต่อเพื่อเข้าเมืองระนอง มาสว่างที่ สภ.อ.เมืองระนอง เมื่อเวลา 7 นาฬิกา 30 นาที รวมเวลาเดินทาง 9 ชั่วโมงครึ่ง

แล้วทุกคนพากันไปอาบน้ำร้อนที่บ่อน้ำร้อน แม่ผมได้เตรียมอาหารมาด้วยเป็นหมูทอด ไข่ต้ม มาจากบ้าน ผมจึงได้กินอาหารมื้อเช้าที่อร่อยจากฝีมือแม่ผม

แต่เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ นอกจากจะมาส่งผมแล้ว ยังมีแผนการไปเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ดังนั้น จึงได้นำทรัพย์สิ่งของของผม ฝากไว้ที่บ้านพักของ ร.ต.ต.กิตติพงษ์ พรหมสวัสดิ์ ที่ผมได้มาพบครั้งแรก

จากนั้นสำรวจสภาพบ้านเมืองของ จ.ระนอง จึงออกเดินทางต่อไปยัง จ.ภูเก็ต ทันที

ผมยังจำเส้นทางได้ว่า ต้องผ่าน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง และเมื่อเห็น สภ.อ.กะเปอร์ เวลานั้น ยังมีบังเกอร์รอบโรงพัก คือจะมีการขุดคูลึก เป็นแนวยาวรอบๆ ตัวอาคารของสถานีตำรวจ สามารถใช้หลบและตอบโต้หากมีการบุกโจมตี เพราะยังมีภัยจากคอมมิวนิสต์ แล้วเข้าเขต จ.พังงา ผ่าน อ.ตะกั่วป่า และมาถึง จ.ภูเก็ต เป็นเวลาบ่ายสามโมง

ได้พักที่โรงแรมไทย อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยกันทุกคน จึงเดินเที่ยวในตลาด และไปเที่ยวต่อที่หาดราไวย์

ทุกคนได้มาเห็นชายหาด น้ำทะเล แล้วกลับมาพักที่โรงแรม

เช้าตรู่ของวันที่ 7 พฤษภาคม 2525 จึงออกเดินทางกลับ แวะกินข้าวกันที่โคกกลอย จ.พังงา ผ่านทาง อ.ตะกั่วป่า แล้วเข้าเขต จ.ระนอง แล้วพากันไปอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อน และแวะซื้อของในตลาดระนองกลับไปฝากญาติ

บรรดาญาติพี่น้องคนที่ผมเคารพนับถือ ต่างอวยพรและให้คำแนะนำต่างๆ มากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและรักษาตัวให้รอดปลอดภัยจากภยันตราย ทั้งยังให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่

และยังได้รวบรวมเงินให้ผมได้ไว้ใช้ถึง 4,350 บาท

จนถึงเวลาบ่ายสองโมง ก็ได้เวลาร่ำลาด้วยความอาลัยแล้วรถก็ออกเดินทางพาทุกคนกลับสู่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

 

ผมได้พบกับเพื่อน คือ ว่าที่ ร.ต.ต.อนุชน ชามาตย์ และ ว่าที่ ร.ต.ต.ชัยรัตน์ ศรีเอี่ยมซึ่งเดินทางมาถึงก่อนผม ผมได้เข้าพักที่บ้านพักหลังเดียวกับอนุชน และชัยรัตน์ รวม 3 คนด้วยกัน โดยค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,500 บาทเฉลี่ยกันออกเท่าๆ กัน เป็นบ้านพักที่อยู่ข้างนอกแต่ไม่ไกลจากโรงพัก

ส่วน ว่าที่ ร.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ แยกไปพักกับญาติต่างหาก

และผมยังได้พบเพื่อนใหม่ ต่อมาได้ผูกพันเป็นเพื่อนรักจนทุกวันนี้ เป็นนายตำรวจที่มารับตำแหน่งใหม่พร้อมกันกับผมอีกสองคน คือ

1. ว่าที่ ร.ต.ต.นริศ สุนทรโรจน์ เป็นคนสงขลา ร้องเพลงได้ไพเราะมาก พวกเราเรียก “ริศ”

2. ว่าที่ ร.ต.ต.ชัยสิทธิ์ สิทธิชัย เป็นคนพัทลุง พ่อเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่พัทลุง ร้องเพลงได้สบายมาก เป็นคนสนุก เรียกชัยสิทธิ์ว่า “รอง”

โดยทั้งนริศและชัยสิทธิ์ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผ่านการอบรมหลักสูตร นบ.รบ. จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในครั้งนั้น สภ.อ.เมืองระนอง ได้มีโอกาสรับนายตำรวจที่สำเร็จการศึกษามาใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ ถึง 6 คน แรกๆ ทุกคนจะไปไหนมาไหนด้วยกัน และยังหุงข้าวกินกันบนโรงพักเกือบจะทุกวัน

โดยมี ร.ต.อ.ชม หนูแป้นน้อย เป็นพี่ใหญ่คอยดูแลเอาใจใส่น้องๆ ตั้งแต่การทำงานทุกอย่าง ทั้งยังดูแลชีวิตความเป็นอยู่ พี่ชม ของน้องๆ ทำได้อย่างดียิ่ง จนเป็นที่รักของน้องๆ ทุกคน

 

ร.ต.อ.ชม หนูแป้นน้อย รอง สวส.สภ.อ.เมืองระนอง พื้นเพเดิมเป็นคนพัทลุง และมีความผูกพันมากกับจังหวัดตรัง อดีตเคยเป็นนายเวรผู้บังคับการตำรวจภูธร 10 คือ เป็นนายเวรของ พล.ต.ต.อภินันท์ ณ นคร มาก่อน

ในสมัยนั้นนายตำรวจที่ผ่านการเป็นนายเวร จะต้องเป็นนายตำรวจที่มีความรอบรู้มาก โดยเฉพาะ ร.ต.อ.ชม รอบรู้ทั้งเรื่องกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ การสอบสวน การทำสำนวนการสอบสวน งานเอกสาร ระเบียบงานสารบรรณ การร่างหนังสือ มีภาษาที่สละสลวย กระชับ ได้ใจความ และรวดเร็วมาก ทั้งยังพิมพ์ดีดแบบสัมผัส เร็วเหมือนข้าวตอกแตก

เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม รู้จักคนในแวดวงราชการแทบจะทั้งหมด และในภาคเอกชนก็รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ไม่มีใครไม่รู้จักหมวดชม

แถมยังเป็นคนที่ร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้ง ในแนวลูกกรุงและเต้นรำได้ดีอีกด้วย

พวกผมทั้ง 6 คนจึงยกย่อง ร.ต.อ.ชม ให้เป็นครูคนแรก เป็นครูที่ดีตั้งแต่แรก และมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ที่นายตำรวจเพิ่งจบใหม่ๆ ยังไม่มีประสบการณ์ จะต้องมีนายตำรวจพี่เลี้ยง ที่มีประสบการณ์เพียงพอ คอยแนะนำ ให้คำปรึกษา เป็นตัวแบบ เป็นตัวอย่างในการทำหน้าที่ ทั้งยังคอยประคับประคองเมื่อพบปัญหา หรือคดีที่ยากๆ สามารถช่วยเหลือได้ทันเวลา

ร.ต.อ.ชม จะใช้ห้องพนักงานสอบสวนบนโรงพักเป็นห้องนอนทุกคืน ดังนั้น ผมและเพื่อนๆ มักจะนอนที่โรงพักกันเป็นประจำจนเป็นปกติ

มีบ้างที่บางคนจะกลับไปนอนที่บ้านพัก สำหรับตัวผมเมื่อทำสำนวนการสอบสวนจนดึกดื่น จึงถือโอกาสนอนทุกคืน เพราะที่บ้านพักในห้องผมมีแค่ตู้พลาสติกไว้ใส่เสื้อผ้า ไม่มีที่นอน เมื่อตื่นเช้าจึงกลับไปอาบน้ำแล้วแต่งเครื่องแบบมาทำงาน

การนอนที่โรงพักของผม ไม่ว่าโรงพักไหนที่ผมไปทำงานจึงเป็นเรื่องที่ผมทำจนเคยชิน และการนอนก็ง่ายๆ เพียงเสื่อปูที่พื้นมีหมอนและผ้าห่ม ก็นอนได้ทั้งคืน กลับเป็นผลดี เมื่อได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน จำเป็นที่จะต้องระดมกำลัง ผมจึงไม่ค่อยพลาดโอกาส

และนายตำรวจที่จบมาใหม่ทั้ง 6 คน ถือเป็นกำลังหลักของโรงพักในการติดตามจับกุมคนร้ายได้ทันท่วงที ทุกคนพร้อมตลอดเวลา และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะขับขี่ไล่ล่าอาชญากร

เมื่อคุ้นเคยพื้นที่และการขับขี่ ยิ่งทำให้ผมใช้รถจักรยานยนต์แบบวิบากได้คล่องแคล่วมีความชำนาญจนสามารถปล่อยมือทั้งสองข้างได้สบายมาก