ผู้เขียน | อาชญา ข่าวสด |
---|---|
เผยแพร่ |
กลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกหน
สำหรับอุบัติเหตุรถทัวร์ 2 ชั้นเบรกแตก แหกโค้ง พุ่งชนข้างทาง ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 ราย บาดเจ็บอีก 32 คน
และเมื่อสอบสวนอย่างละเอียด ก็พบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุเสียทีเดียว
เมื่อผลการตรวจปัสสาวะของโชเฟอร์ออกมาเป็นสีม่วง และเจ้าตัวยอมรับว่าเสพยาบ้ามาก่อนขับรถ!??
จึงกลายเป็นประเด็นที่ผู้มีอำนาจต้องออกมาแอ๊กชั่น ให้สำรวจตรวจสอบความพร้อมของคนขับ
ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก!??
รวมทั้งคำถามถึงความปลอดภัยของรถทัวร์ 2 ชั้นว่ามีมากน้อยเพียงใด
เพราะหากย้อนไปในอดีตก็เกิดอุบัติเหตุจากรถทัวร์ 2 ชั้นกันนับไม่ถ้วน แต่ละครั้งมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
มาถึงครั้งนี้กระแสรณรงค์เลิกใช้รถทัวร์ 2 ชั้น จะมีผลเป็นรูปธรรม หรือเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง
เมื่อเกิดเหตุสลดก็ออกมาล้อมคอกกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คงต้องจับตาดูกันต่อไป
ระทึกบัสมรณะเซ่น 18 ศพ
อุบัติเหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 มีนาคม เมื่อรถทัวร์ 2 ชั้น ไม่ประจำทาง ทะเบียน 30-0161 กาฬสินธุ์ ของบริษัท กันเองทัวร์ จำกัด ซึ่งนำกลุ่มผู้ประกอบกิจการโรงสีข้าวขนาดเล็กในพื้นที่ ต.ห้วยโพธิ์ และ ต.ลหลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ไปเที่ยวผักผ่อนที่ จ.จันทบุรี
เมื่อเสร็จจากท่องเที่ยวก็ถึงเวลากลับบ้าน แต่เมื่อถึงโค้งมะกรูดหวาน ถนนทางหลวงสาย 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางโค้งลงเขายาว รถคันดังกล่าวกลับเบรกไม่อยู่ พุ่งชนบ้านและเพิงร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนน เสียหลักพลิกคว่ำพังยับเยิน
ความสนุกสนานที่มีมาก่อนวินาทีนั้น กลายเป็นความโหดร้ายเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้บาดเจ็บ
หลังจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) รับแจ้งเหตุก็ประสานเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลวังน้ำเขียว โรงพยาบาลปักธงชัย โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา และโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ
หลังเหตุการณ์คลี่คลายพบมีผู้เสียชีวิตรวม 18 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติและครอบครัวเดียวกันที่เดินทางมาเที่ยวพร้อมกันเกือบทั้งหมด
โดยสาเหตุเบื้องต้นพบว่าน่าจะเกิดจากระบบเบรกมีปัญหา เนื่องจากผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิต ระบุว่าก่อนอุบัติเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จากนั้นก็มีคนในรถตะโกนว่ารถเบรกไม่อยู่ เบรกแตก
ก่อนที่รถพุ่งลงเนินอย่างรวดเร็ว แล้วปีนข้ามแท่งปูนกั้นเกาะกลางถนน พุ่งข้ามไปยังถนนอีกเลน ชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ และร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมทาง 5 ร้านพังยับเยิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอตัว นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถคันดังกล่าวขณะหลบซ่อนอยู่ภายในป่าริมทางใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าตัวมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย บาดเจ็บเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบสวน ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เมื่อนำตัวไปตรวจสอบพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง และยอมรับว่าเสพยาบ้ามาก่อน จึงแจ้ง 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย
1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส
2. ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
3. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
และ 4. เสพยาเสพติดขณะขับรถ พร้อมส่งตัวฝากขังที่เรือนจำนครราชสีมา
ไม่เพียงแค่นั้น ยังแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทกันเองทัวร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ ในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522 มาตรา 40 ทวิ ในเรื่องการปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแล โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท
เอาผิดในทุกระดับ
ล้อมคอก-เลิกต่อทะเบียน
ขณะที่ผู้เสียชีวิต ถูกนำส่งไปยังจังหวัดบ้านเกิดที่ จ.กาฬสินธุ์ ก่อนที่จะฌาปนกิจ และทำพิธีทางศาสนา ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของชาวบ้าน และญาติของผู้สูญเสีย รวมทั้งการจ่ายเงินชดเชยตามสิทธิการประกันภัยที่พึงได้
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรจะจบลงแค่นี้
จึงนำมาซึ่งคำถามถึงมาตรฐานแก้ไขปัญหาที่ควรจะเป็นรูปธรรม ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ได้กำชับในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ให้กระทรวงคมนาคมดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง
โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง!??
ต้องตรวจสภาพรถให้พร้อม คนขับต้องปราศจากสารเสพติดและแอลกอฮอล์
รวมทั้งให้ปรับเปลี่ยนเรื่องของรถทัวร์ 2 ชั้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการยกเลิกการจดทะเบียนรถโดยสาร 2 ชั้น ซึ่งเป็นรถใหม่ทั้งหมดในหมวด 30 หรือรถโดยสารไม่ประจำทางที่วิ่งระยะทางไกล
ส่วนรถปัจจุบันให้ใช้จนกว่าจะสิ้นอายุ แต่จะไม่ต่อทะเบียนให้อีก รวมทั้งให้ไปศึกษาว่าเส้นทางไหนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อาทิ เส้นทางที่เป็นภูเขาลาดชัน ให้เป็นพื้นที่ห้ามวิ่งของรถทัวร์ 2 ชั้น
ทั้งนี้ มีรถทัวร์ 2 ชั้นที่จดทะเบียนอยู่ประมาณ 7 พันคัน แบ่งเป็นรถหมวด 30 ประมาณ 5 พันคัน ที่เหลือเป็นรถที่วิ่งประจำ ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นรถชั้นเดียวทั้งหมด
ขณะที่ผลการวิจัยของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่ารถโดยสาร 2 ชั้น มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและอัตราการเสียชีวิตสูงกว่ารถโดยสารชั้นเดียวถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับอัตราการเกิดอุบัติเหตุรถโดยสารที่จดทะเบียนชนิดเดียวกัน
โดยสาเหตุหลักไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาในเรื่องโครงสร้างและการออกแบบรถโดยสารตามหลักวิศวกรรมไม่เหมาะสมกับเส้นทางและถนนในประเทศ ทั้งเรื่องความสูงไม่สัมพันธ์กับฐานล้อ ที่ส่งผลถึงเสถียรภาพการทรงตัวของรถ โอกาสในการพลิกคว่ำเกิดได้ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะรถที่วิ่งลงเขา
นอกจากนี้ ยังมีการตบแต่งเพื่อความสะดวกสบาย โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้สูงมากเช่นกัน
ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่อนุญาตให้รถโดยสาร 2 ชั้น ออกมาวิ่งบนถนนได้
และที่ผ่านมามีความพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็เกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกลายเป็นคำถามว่าถึงเวลาต้องจริงจังกับเรื่องดังกล่าวได้หรือยัง
ย้อนเหตุสยองทัวร์ 2 ชั้น
สําหรับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจากรถทัวร์ 2 ชั้น ย้อนไปใกล้ที่สุดก็เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 รถบัส 2 ชั้น ทะเบียน 30-1027 อุบลราชธานี พานักเรียนจาก โรงเรียนพังทุยพัฒนศึกษา อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่เพิ่งสอบเสร็จ ไปทัศนศึกษาที่ จ.จันทบุรี
เกิดอุบัติเหตุเสียหลักชนแผงกั้นคอนกรีต ตกไปในเหวฝั่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ก.ม.208 บ้านวังใหม่ ต.บุพรามณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รถแหลกทั้งคัน โดยที่เกิดเหตุเป็นทางคดเคี้ยวลงเขายาว คาดว่าสาเหตุเกิดจากเบรกแตก
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นครู 4 คน และนักเรียน 2 คน บาดเจ็บร่วม 30 คน
อีกเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 24 มีนาคม 2557 รถทัวร์ 2 ชั้น ทะเบียน 31-5633 กทม. รับคณะชาวบ้านจากเทศบาลตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เกิดเบรกแตกขณะลงเขาชันความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ที่ดอยรวก เส้นทางสาย 105 ตาก-แม่สอด ขาเข้าเมืองตาก พุ่งชนราวคอนกรีตกั้นไหล่ทาง ตกเหวที่ลึกกว่า 100 เมตร
เจ้าหน้าที่ต้องไต่เขาลงไปช่วยเหลือกู้ภัยด้วยความยากลำบาก เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 สภ.วังแดง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งเหตุรถทัวร์ 2 ชั้น สีขาว หมายเลขทะเบียน 30-0427 ขอนแก่น เป็นรถเช่าเหมา พานักเรียนโรงเรียนบ้านดงหลบ จ.นครราชสีมา มาทัศนศึกษาที่หาดจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี
เกิดอุบัติเหตุเบรกแตกเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ อีซูซุ ทะเบียนพ่วงแม่ 84-9179 หมายเลขพ่วงลูก 84 -9272 นครราชสีมา เหตุเกิดระหว่าง หลัก ก.ม.42-43 หมู่ 4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ช่วงทางลงจากภูเขาระหว่างอุทยานแห่งชาติทับลานกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 40 คน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2556 รถทัวร์วีไอพี ของ บ.ข.ส. สายร้อยเอ็ด-กทม. ทะเบียน 14-5994 กทม. พุ่งชนประสานงารถพ่วง 18 ล้อที่ขับมาจาก จ.สระบุรี มุ่งหน้าไป อ.มวกเหล็ก หลับในข้ามเลนมา ที่ถนนมิตรภาพ ระหว่าง ก.ม.ที่ 19 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
จนเป็นเหตุให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารหนีไม่ทันถูกไฟคลอกดับถึง 19 ราย บาดเจ็บ 20 คน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถทัวร์ 2 ชั้น
ซึ่งต้องทบทวนกันอย่างจริงจัง ไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำอีก