จิตต์สุภา ฉิน : หนังโป๊ AI ตัวเอกจะเป็นใครก็ได้

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech

คุณผู้อ่านเคยได้ยินเรื่องราวของ revenge porn หรือการที่แฟนเก่านำภาพลับที่ถ่ายไว้ในสมัยที่ยังคบกันออกไปเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตเพื่อแก้แค้น สร้างความอับอายให้เกิดกับเจ้าของภาพกันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ

นี่คือหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นในมุมมืดของอินเตอร์เน็ต

ซึ่งหลายส่วนที่เกี่ยวข้องก็พยายามคิดค้นมาตรการแก้ปัญหา

อย่างเช่น เฟซบุ๊กก็เคยออกมาบอกให้ผู้ใช้งานที่มีความหวาดหวั่นว่าภาพลับของตัวเองอาจถูกนำมาปล่อยได้ สามารถส่งภาพเหล่านั้นให้กับเฟซบุ๊กเป็นการส่วนตัว เพื่อให้ระบบตรวจสอบว่าหากมีบุคคลอื่นอัพโหลดภาพแบบเดียวกันนี้ ก็จะสามารถระงับยับยั้งได้ทัน

แต่ไม่ว่าจะพยายามป้องกันแค่ไหน อินเตอร์เน็ตก็ยังคลาคล่ำไปด้วยภาพเปลือยที่เจ้าของภาพไม่ยินยอมให้เปิดเผยอยู่ดี

 

ยังแก้ปัญหาเรื่องนี้กันไม่เสร็จ ก็มีปัญหาอีกอย่างแตกหน่อผุดขึ้นมาให้ต้องกุมขมับกันอีก แถมตอนนี้ก็ดูเหมือนจะแผ่ขยายเป็นวงกว้างออกไปเรื่อยๆ เพราะเทคโนโลยีถูกนำมาปรับให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นเพียงแค่พอจะมีความรู้พื้นฐานทางด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งเท่านั้น

ปัญหาที่ว่านี้มีชื่อเรียกกันในแวดวงว่า “deepfake” (ดีพเฟก) ค่ะ มันก็คือการใช้ปัญญาประดิษฐ์นำใบหน้าของใครก็ได้ที่ต้องการมาใส่เข้าไปในภาพยนตร์โป๊โดยยืมร่างกายของนักแสดงในเรื่อง ทำให้เหมือนกับเจ้าของภาพกำลังประกอบกิจกรรมอยู่จริงๆ และในตอนนี้สามารถทำได้เนียนขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะแยกของปลอมออกจากของจริงแล้ว

ในตอนต้นของการเริ่มระบาดของดีพเฟก กลุ่มคนที่ตกเป็นเป้าในการนำใบหน้ามาสวมเข้ากับเรือนร่างของนักแสดงหนังโป๊ก็คือบรรดาดาราเซเลบทั้งหลาย

อย่างเช่น เดซี รีดลีย์ กัล กาด็อต สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน และเทย์เลย์ สวิฟต์ ต่างก็ตกเป็นเหยื่อกันมาแล้วถ้วนหน้า

หรืออาจจะบอกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีคนหลงใหลอยากเห็นมากกว่าแค่ฝีมือการแสดงหนังฮอลลีวู้ด แต่ก็รู้ว่าจะไม่มีทางได้เห็นแน่นอน (หรือต้องรอให้ภาพหลุดเหมือนสมัยเหตุการณ์ “เซเลบเกต” ที่ดาราถูกแฮ็กภาพส่วนตัวออกมาเปิดเผยกันเป็นโขยง) ก็เลยคิดว่าอย่ากระนั้นเลย ลงมือปลอมมันขึ้นมาเองเสียเลยดีกว่า

แต่สิ่งที่น่ากลัวคือตอนนี้เทรนด์เริ่มเปลี่ยนจากการใช้หน้าดาราหรือคนที่ไกลตัว มาเป็นการใช้หน้าของคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่รู้จักกัน คนที่แอบชอบ สาวน้อยหรือชายหนุ่มบ้านข้างๆ คุณครูที่ลูกศิษย์แอบมีความรู้สึกดึงดูดทางเพศด้วย

และแน่นอน แฟนเก่าก็ไม่รอดและถูกรวมอยู่ในลิสต์เช่นเดียวกัน

 

ขั้นตอนของการทำดีพเฟกเริ่มต้นขึ้นมาจากการที่คนที่มีหัวคิดคล้ายๆ กัน จับกลุ่มรวมกันเป็นชุมชนเล็กๆ บนเว็บไซต์แชตบอร์ดยอดนิยม ผู้ใช้งานบางคนอาจเริ่มด้วยการตั้งกระทู้ถามคำถามเพื่อขอความรู้ หัวข้อกระทู้ ก็อย่างเช่น “เป็นไปได้ไหมที่จะเอาหน้าของคนที่แอบชอบมาใส่ในวิดีโอโป๊” แล้วก็จะมีคนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ข้อมูล และชี้ทางไปยังเครื่องมือที่เหมาะสมให้

สิ่งที่ต้องใช้ในการทำดีพเฟกก็ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายดายบนอินเตอร์เน็ต อย่างเช่น สิ่งแรกที่ต้องมีคือภาพถ่ายมุมต่างๆ ของใบหน้าคนที่สนใจ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาจากเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมได้เลย (บนอินสตาแกรมแม้ไม่มีปุ่มให้กดดาวน์โหลดได้ตรงๆ แต่ก็มีตัวช่วยที่สามารถติดตั้งเพื่อใช้ในการเซฟภาพออกมาได้)

เมื่อมีภาพใบหน้าครบเพียงพอที่จะเริ่มลงมือแล้ว อันดับต่อไปก็ต้องไปเฟ้นหาเรือนร่างของนายแบบหรือนางแบบที่ชอบจากหนังโป๊เรื่องต่างๆ ยิ่งหาได้ใกล้เคียงกับหุ่นของเจ้าของใบหน้ามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งออกมาสมจริงเท่านั้น

ขั้นตอนนี้น่ากลัวตรงที่ในตอนนี้มีแม้กระทั่งแอพพลิเคชั่นที่ใช้เทคโนโลยีรู้จำใบหน้าในการช่วยเฟ้นหาให้ว่าใบหน้าแบบนี้จะเหมาะกับหุ่นของนักแสดงหนังโป๊คนไหนมากที่สุด และจะเด้งออกมาเป็นผลลัพธ์ให้ไปเลือกผลงานของนักแสดงคนนั้นดูต่อได้เลยด้วย

เมื่อมีสิ่งที่ต้องการครบแล้ว วิธีทำดีพเฟกหลังจากนั้นสามารถหาเองได้จากเครื่องมือที่เปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้ฟรีๆ ขอเพียงแค่มีความรู้พื้นฐานทางด้านอัลกอริธึ่มดีพเลิร์นนิ่งเท่านั้นก็จะสามารถทำด้วยตัวเองได้แล้ว

ถามว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสมจริงสมจังมากน้อยแค่ไหน

ถ้าหากดูผิวเผินแบบไม่ตั้งใจมากก็อาจจะเข้าใจไปเลยว่านางเอกเรื่องนั้น เรื่องนี้ กระโดดลงมาเล่นหนังโป๊จริงๆ

แต่หากสำรวจใกล้ๆ ก็จะเห็นรายละเอียดที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง การแทร็กใบหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ หรือมีจุดที่ซ้อนไม่เนียนโผล่ออกมาให้เห็น แต่สำหรับคนที่ต้องการจะเอาหน้าแฟนเก่าหรือคนที่แอบชอบเข้ามาสวมเพื่อความบันเทิงของตัวเอง ระดับความสมจริงแค่นี้ก็เกินจะเพียงพอแล้ว

เมื่อลองคำนึงถึงการพัฒนาอันรวดเร็วของเทคโนโลยีก็คงจะพอคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าอีกแค่ไม่กี่ปีข้างหน้า การนำเอาภาพใบหน้าของใครสักคนมาตัดต่อเข้ากับวิดีโอในรูปแบบต่างๆ น่าจะกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายแสนง่าย

พอๆ กับทุกวันนี้ที่เราเปิดแอพพ์ขึ้นมาและเล่นสลับหน้ากับเพื่อน ซึ่งแทบจะไม่ต้องลงมือทำอะไรเองเลย แอพพ์สลับหน้าให้เรียบร้อยภายในไม่กี่วินาที

และไม่ใช่แค่ภาพด้วยนะคะ ก่อนหน้านี้ค่ายซอฟต์แวร์อย่างอะโดบีเองก็เคยออกมาอวดศักยภาพการตัดต่อ “เสียง” ซึ่งทำให้ฟังดูเหมือนกับคนคนนั้นกำลังพูดด้วยน้ำเสียงของตัวเอง ในสิ่งที่เขาหรือเธอไม่เคยพูดมาก่อนเลย

น่าทึ่งก็น่าทึ่ง แต่น่ากลัวเนี่ยก็ไม่น้อยเหมือนกันนะคะ

 

เว็บไซต์ Wired รายงานว่าเนื่องจากเทคโนโลยีนี้ยังใหม่มาก ทำให้ในทางทฤษฎีแล้วแทบจะไม่สามารถเอาผิดอะไรกับคนที่ทำได้เลย เพราะถึงแม้ว่าจะใช้ภาพใบหน้าของคนอื่น แต่ร่างกายที่ประกอบกามกิจในวิดีโอนั้นไม่ใช่ร่างกายของเจ้าของใบหน้า จึงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง และอาจถูกมองเป็นการทำเพื่อล้อเลียน อย่างมากที่สุดก็อาจจะเล่นงานได้ด้วยข้อหาใช้ภาพผิดจุดประสงค์และไม่ได้รับอนุญาต หรืออาจจะนำกฎหมายหมิ่นประมาทเข้ามาใช้ แต่การที่ดีพเฟกมักจะถูกทำขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการส่วนบุคคลเป็นหลักและไม่ได้ทำมาเพื่อใส่ร้ายป้ายสีหรือเหยียดหยามให้เสื่อมเสียชื่อเสียงดังนั้นก็อาจจะไม่ครอบคลุมตรงจุดเสียทีเดียว จึงยังต้องมีการอัพเดตการตีความกฎหมายให้ทันเทคโนโลยีด้วย

ในตอนนี้ทางที่พอจะป้องกันได้ก็น่าจะเป็นการตัดช่องทางในการเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ที่จะเอามาใช้ในการสร้างดีพเฟกให้ได้มากที่สุด

และจะต้องอาศัยความร่วมมือของชุมชนออนไลน์ในการช่วยกันสอดส่องว่าตรงไหน มุมไหน ของอินเตอร์เน็ต กำลังมีการซุ่มปรึกษาแลกเปลี่ยนหรืออัพโหลดวิดีโอดีพเฟกกันอยู่บ้าง

แล้วให้เจ้าของแพลตฟอร์มช่วยกำจัด หรือให้กูเกิลนำลิงก์ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านั้นออกจากผลลัพธ์การค้นหา ก็อาจจะพอบรรเทาสถานการณ์ไปได้บ้าง

แต่ลองคิดต่อกันไปอีกสักนิดว่าเมื่อเราไปถึงจุดที่ใครๆ ก็สามารถตัดต่อใบหน้าหรือเสียงของใครสักคนหนึ่งไปใส่เข้ากับเหตุการณ์ที่เขาคนนั้นไม่ได้ทำจริงๆ เราจะอยู่ในโลกแบบไหนกันนะ

ต่อไปเราจะสามารถแยกแยะได้อย่างไรว่าอันไหนคือความจริง อันไหนคือสิ่งประดิษฐ์ เพราะสองอย่างนี้จะถูกแบ่งออกจากกันด้วยเส้นที่รางเลือนจนแทบจะหลอมกลายเป็นสิ่งเดียวกัน

ปัญญาประดิษฐ์แบบเดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างของปลอม ก็จะต้องถูกหยิบมาใช้เพื่อตรวจวินิจวิเคราะห์ว่าสิ่งต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตอันไหนเป็นของจริงหรือของปลอม ก็จะกลายเป็นการใช้เครื่องมือตัวเดียวกันในการงัดข้อกันเองของฝ่ายขาวและฝ่ายดำ ซึ่งก็ดูจะวุ่นวายยุ่งเหยิงไม่น้อย แต่จะว่าไปการงัดข้อกันแบบนี้ก็เกิดขึ้นแล้วทุกวันนี้นะคะ ไม่ใช่อนาคตที่ห่างไกลออกไปหลายสิบปีแต่อย่างใด

หรือหากต่อไปการตัดต่อใบหน้าคนเข้ากับหนังโป๊กลายเป็นสิ่งที่ทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา มันก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบความคิดทั้งหมดที่เรามีต่อ “ภาพหลุด” หรือตัว revenge porn เอง เพราะเมื่อไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าอะไรจริง หรือไม่จริง ก็ไม่มีประโยชน์ที่ใครจะต้องเกรงกลัวภาพหลุดอีกต่อไป ในเมื่อเส้นแบ่งที่ว่านั้นมันเบลอเสียจนความจำเป็นในการต้องพิสูจน์ความแท้จริงของมันอาจจะไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป

เราก็จะเข้าสู่ยุคที่ภาพหลุดไม่ว่าจะหลุดจริงหรือไม่จริงก็ไม่มีอำนาจดำมืดอยู่เหนือเจ้าของภาพอีกต่อไป และจะไม่มีใครชีวิตต้องพังทลายเพราะถูกแบล๊กเมล์แบบนี้อีกแล้ว