การศึกษาเชิงพื้นที่ สุราษฎร์ธานีโมเดล (จบ)

สมหมาย ปาริจฉัตต์

รายงานพิเศษ | สมหมาย ปาริจฉัตต์

 

การศึกษาเชิงพื้นที่

สุราษฎร์ธานีโมเดล (จบ)

 

โลกฝันของนักเรียนหลังห้อง

เรื่องราวการดำเนินงานของโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินต่อกันมาจนถึงสัปดาห์นี้เป็นตอนสุดท้าย

ผลผลิตของอนุกรรมการพัฒนาครูสำหรับสร้างพื้นที่แห่งฝัน ที่น่าชื่นชมและเล่าขานต่อๆ กันไป

สะท้อนจากความเรียงรางวัลชนะเลิศวรรณกรรมอุชเชณี ของ นายภานุพงษ์ คงหีต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 (ดอนสักผดุงวิทย์) หัวข้อ โลกฝันของนักเรียนหลังห้อง

บรรยายชีวิตรันทดและความคิดฝันของเขา สุดแสนเศร้าสะเทือนใจเพียงไร ต้องอ่านคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค บรรทัดต่อบรรทัด

นายภานุพงษ์ คงหีต ซึ่งผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสร้างสรรค์ (Creative Process Model) ได้รับรางวัลโล่ชนะเลิศพระราชทานจากการเขียนความเรียงเรื่อง “นักเรียนหลังห้อง” งานวรรณศิลป์วรรณกรรมอุชเชณี

“ทุกถ้อยคำปรามาสอัดแน่นอยู่ในอกอยากจะตะโกนออกมาให้คนทั้งโลกรู้ว่ามันไม่เป็นความจริง ผมไม่ใช่เด็กเลว ผมไม่ใช่เด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า น้ำตาแห่งความคับแค้นตกผลึกตะกอนการต่อสู้ เรื่องราวร้ายๆ มันถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตผม แต่ก็ยังดีที่ผมมีโลกส่วนตัวตรงพื้นที่แคบๆ หลังห้องเรียน”

“หมูเถื่อน” เป็นชื่อเล่นของผม ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงตั้งชื่อนี้ให้ ผมอาศัยอยู่กับครอบครัวของป้า พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังไม่ลืมตาดูโลก พ่อไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนแม่ใช้ชีวิตอยู่ในทัณฑสถาน อาจเพราะโชคชะตาหรือไม่ก็เวรกรรมที่ชีวิตผมเป็นแบบนี้ อ้อมกอดของผมมีเพียงหมอนข้างใบเดียวเท่านั้น มันเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา กว่าผมจะข่มตาหลับได้ยากเย็นนัก พายุมันหมุนอยู่ในหัวสมอง ผมสู้รบกับมันตลอดมา บางครั้งเหนื่อยล้าจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ จะว่าไปป้าก็ดูแลผมเป็นอย่างดี แต่ไม่รู้ทำไมผมยังรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้

โลกที่ทุกคนพูดถึงความรักและความงามแต่มันไม่ใช่สำหรับผม การทำสงครามกับพายุส่งผลให้ผมนอนดึกและเป็นสาเหตุของการไปโรงเรียนสาย ผมไม่เคยปริปากบอกความจริงเพื่อแก้ต่างเมื่อถูกลงโทษ ได้แต่ยอมรับแล้วปล่อยให้มันผ่านไปกับสายลมเพราะรู้ดีว่าถึงอธิบายไปครูก็ไม่มีทางเข้าใจผมได้

ตรงบริเวณมุมหนึ่งหลังห้องเรียน ผมมีโลกใบเล็กอยู่ตรงนั้น มันเป็นโลกแห่งฝันที่สวยงามและอบอุ่น สายลมหอบอ้อมกอดมาจากท้องฟ้า เหล่าดอกไม้เป็นเพื่อนพูดคุย มีบ้างที่เสียงดุด่าของครูและมือไม้ของเพื่อนสะกิดให้ผมลุกตื่น แต่ก็ไม่อาจทำลายโลกฝันหลังห้องเรียนของผมได้

โลกหลังห้องเรียนหมุนวงโคจรนำผมเดินทางมาถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แม้ว่าเวลาเรียนที่ผ่านมาในระดับประถมและระดับมัธยมต้นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับชีวิตผม โดยเฉพาะเรื่องราวจากพฤติกรรมที่ไม่ดีต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่เพื่อหวังให้รุ่นพี่และเพื่อนยอมรับในตัวผม ผมไม่เหงาเมื่ออยู่กับเพื่อนกลุ่มนั้น อีกทั้งผมมักก่อเรื่องโดยเป็นแกนนำในการชกต่อยกับคู่อริในโรงเรียน และทุกครั้งครูก็เชิญผู้ปกครองมารับทราบการตัดคะแนนความประพฤติ ป้าของผมมาด้วยใบหน้าตื่นโกรธพร้อมส่งเสียงดุด่า สุดท้ายกลับไปพร้อมคราบน้ำตาเสมอ

จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่งวันที่นักเรียนหลังห้องอย่างผมรู้สึกเสียใจที่สุด ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม ผมทำร้ายคู่กรณีบาดเจ็บสาหัส ครูเชิญผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยปัญหา ผู้ปกครองของคู่กรณีชี้หน้าด่าผมด้วยถ้อยคำหยาบคายพร้อมเรียกร้องค่าเสียหายและยื่นคำขาดว่าหากไม่จ่ายจะแจ้งความดำเนินคดี ผมนั่งนิ่งน้อมรับสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป

ท่ามกลางเสียงเกรี้ยวกราดนั้นผมรู้สึกได้ว่าตัวเองลอยคว้างอยู่ในโลกหลังห้องเรียน สายลมที่โอบอุ่นบัดนี้ร้อนผ่าว ดอกไม้ฝันที่เคยสดสวยเหี่ยวเฉา แสงสว่างมืดลง ไร้ซึ่งอ้อมกอดจากท้องฟ้า และพายุร้ายได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งแต่ผมไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว ร่างกายของผมอ่อนล้าเกินทน ผมพยายามเอื้อมมือไปคว้าหมอนข้างมากอดแต่มันไม่อยู่ตรงนั้น ครั้งนี้ป้ามาด้วยอาการนิ่งเฉย รับฟังรายละเอียดเหตุการณ์จากครู แล้วควักเงินจ่ายค่าเสียหายตามคำเรียกร้องของผู้ปกครองคู่กรณีจากนั้นก็ออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรกับผมสักคำ

หลังจากที่ป้ากลับไป ครูบอกกับผมว่าครั้งก่อนทางโรงเรียนได้ทำข้อตกลงกับป้าไว้แล้วว่าหากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ผมจะต้องเปลี่ยนสถานศึกษา หลังจากนี้ก็แค่รอให้กรรมการสถานศึกษาอนุมัติ พายุร้ายในสมองผมทวีความรุนแรงขึ้นมันหอบโลกงามหลังห้องเรียนของผมหายไป

 

เย็นวันนั้นเมื่อผมกลับถึงบ้านพบว่าป้ายืนร้องไห้อยู่ตรงระเบียง ใบหน้ากร้านแดดเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ผมโผเข้าไปกอดป้า โลกทั้งโลกบีบรัดแน่นรู้สึกได้ว่าจังหวะของหัวใจของเรามันเต้นพร้อมกัน แน่นและหนักอยู่ในอก คำบ่นด่าไม่หลุดมาจากปากของป้าแม้เพียงคำเดียว ป้าค่อยๆ ยกมือลูบหัวผมพร้อมพูดว่า “ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวนะลูก” ตะกอนน้ำตาที่ตกผลึกอยู่ในอกของผมละลายเอ่อล้นอาบสองแก้ม พายุหมุนสงบลง สายลมอุ่นพัดหอบความหวังมาจากฟากฟ้าไกล ดอกไม้แห่งฝันแย้มกลีบอีกครั้ง ในขณะอาบน้ำผมทบทวนสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ผมคิดถึงโลกฝันหลังห้องเรียน ผมคิดถึงเพื่อน คิดถึงคุณครู หลังกินข้าวเสร็จผมก้มลงกราบเท้าป้า เราสบตาพร้อมส่งยิ้มให้กัน มันเป็นยิ้มที่เปื้อนด้วยคราบน้ำตา โชคดีหลังเหตุการณ์นั้น

คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้โอกาสผมอีกครั้งแต่ยื่นเงื่อนไขว่าผมต้องทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ชดเชยความผิด ผมได้กลับเข้าไปนั่งในโลกหลังห้องเรียนอีกครั้ง แสงแห่งความหวังทอสายให้ผมลุกตื่นแต่เช้า กระปรี้กระเปร่าหมือนฝูงนกบินลัดขอบฟ้าเพื่อออกหากิน อ้อมกอดของป้าในวันนั้นทำให้ผมมีพลังต่อสู้กับพายุร้ายจนเอาชนะมัน และมาโรงเรียนแต่เช้าได้ โลกฝันแสนงามหลังห้องเรียนของผมกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริง รอยยิ้มของคุณครูและเสียงปรบมือของเพื่อนๆ เปรียบเสมือนลมใต้ปีกคอยพัดหนุนให้ผมเข้าเรียนอย่างตั้งใจ

กระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามผมก็เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ โลกฝันแสนงามหลังห้องเรียนของผมขยายใหญ่ขึ้น มีหนังสือมากมายให้ผมได้เริ่มเปิดอ่านโดยเฉพาะหนังสือเรื่องประชาธิปไตยในโรงเรียน ผมได้รับการชักชวนจากรุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าให้ร่วมสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการสภานักเรียน ผมไม่รีรอที่จะตอบรับโอกาสอันดีนั้น และพวกเราก็ทำมันได้จริงๆ พวกเราได้รับคะแนนเสียงทิ้งห่างทีมอื่นมาก ซึ่งผมสัญญากับตัวเองว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาโรงเรียนของเรา

จากโลกฝันเล็กๆ หลังห้องเรียน กลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ เพราะอกอุ่นแรกของป้า รอยยิ้มของคุณครู เสียงปรบมือของเพื่อนๆ และการให้โอกาสของคณะกรรมการสถานศึกษา “หมูเถื่อน” นักเรียนหลังห้องจึงสามารถเอาชนะพายุร้ายนั้นได้

เช่นกันสำหรับนักเรียนหลังห้องคนอื่นๆ คงมีเรื่องราวชีวิตไม่ต่างอะไรกับผมมากนัก ความฝัน ความหวัง และความเข้าใจคือสิ่งที่พวกเขาเพรียกหา ผมได้แต่เพียงหวังว่าโลกแห่งความเป็นจริงจะเปิดพื้นที่และให้โอกาสพวกเขาเหล่านั้นเช่นเดียวกับผม

 

ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของภานุพงษ์ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ที่เห็นผลเป็นรูปธรรม เป็นความภาคภูมิใจที่ไม่อาจลืมเลือน ยังมีอีกหลายกรณีโดยเฉพาะการพัฒนาทักษะอาชีพหลากหลายจนชีวิตดีขึ้น

แม้เป็นความสำเร็จในระดับพื้นที่ก็ตาม แต่หากกิจกรรมพื้นที่แห่งฝัน นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสร้างสรรค์ กระจายออกไปทุกโรงเรียน ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ จะสั่นสะทือนการศึกษาในระดับมหภาคกว้างขวางยิ่งขึ้นและช่วยแบ่งเบาภาระรัฐได้ไม่น้อย

ที่สำคัญทำให้เด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ก้าวพลาด กลับมามีชีวิตใหม่ที่ดี สดใส มีอนาคตอีกครั้งหนึ่ง

การศึกษาเชิงพื้นที่จึงเป็นคำตอบ เป็นทางเลือกหนึ่งของระบบการศึกษาอันหลากหลายไม่จบสิ้น จะช่วยเปลี่ยนชีวิตเด็กหลังห้อง ให้กลายเป็นความหวังของสังคมได้อีกมากมาย