“นัย”ใน”ปิ๊กบ้าน” | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

“นัย”ใน”ปิ๊กบ้าน”

 

“อะหยัง”หรืออะไร รอนายทักษิณ ชินวัตร อยู่ หลังจาก ปิ๊กบ้านเชียงใหม่

แน่นอน นอกเหนือการได้พบญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง แล้ว

“อะหยัง” ที่คนเฝ้าดูอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

คงไม่พ้น “นัยทางการเมือง” ที่แฝงอยู่

แน่นอน เมื่ออยู่ในระดับ”นัย” จึงไม่อาจยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่จริง

เป็นเพียงข้อสังเกตุ และคาดการที่จะเกิดขึ้นโดยอนุมานจากสิ่งที่เห็น

สิ่งที่น่าสังเกตุแรกนั่นก็คือ โปรแกรม”ปิ๊กบ้าน”ครั้งนี้

ไม่ได้มีเพียงการไหว้บรรพบุรุษ และพบแพทย์ทางลือกเท่านั้น

หากแต่มีโปรแกรม “การดูงาน”สอดแทรกตลอดรายทาง

ไม่ว่าชมโครงการพืชสวนโลก ดูอ่างเก็บน้ำหนองเขียว ตรวจเยี่ยมหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สา ดูคลองแม่ข่า แหล่งท่องเที่ยวใหม่กลางเมืองเชียงใหม่

ซึ่งอาจจะ”หนัก”สำหรับคนป่วยหนักอยู่ตามสมควร

แต่ กระนั้น นายทักษิณ ก็ดูสดชื่น แจ่มใส

จนมีการคาดหมายว่า หากนายทักษิณกลับมาแข็งแรง ปกติ และพ้นการพักโทษ โดยสมบูรณ์

การเดินสายดูงาน คงไม่ใช่แค่เชียงใหม่ แต่อาจเป็นทั่วประเทศ

รวมถึงสันนิษฐานเพิ่มขึ้นไปอีกว่า ในวัย 75 ปีของนายทักษิณ อาจจะยังไม่ถึงเวลา ที่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน

หากแต่น่าจะแอคทีฟ และมีส่วนบริหารงานเพื่อช่วยประเทศชาติต่อไป

ส่วนจะช่วยในระดับไหน ก็คงต้องรอดู

และสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ ในตอนนี้ ความโน้มเอียง ที่นายทักษิณจะเป็น”คนการเมือง”ต่อไปมีสูงมาก

สูงแล้วจะจัดวางบทบาทอย่างไร ให้สมดุล กลมกลืน กับผู้นำรัฐบาลปัจจุบันคือนายเศรษฐา ทวีสิน และ ผู้นำพรรคเพื่อไทย คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

เพื่อไม่ให้เกิดภาวะ ผู้นำ1 ผู้นำ2 ผู้นำ3 อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน

นี่เป็นโจทย์การเมือง ที่สังคมเฝ้ามอง

เฝ้ามองเช่นเดียวกับอีกข้อสังเกตุหนึ่ง นั่นก็คือ “งาน”ที่นายทักษิณ “ไปตรวจ”นั้น เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงไปกับการเมืองท้องถิ่น อย่างปฏิเสธไม่ได้

ทั้งที่เกี่ยวกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งว่ากันว่า กำลังอยู่ในภาวะของการเปลี่ยนผ่าน และเปลี่ยนแปลง จาก”พลังสีส้ม”

การที่จะทำให้เชียงใหม่ กลับมาเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร ทั้งการเมืองระดับท้องถิ่นและต่อเนื่องถึงระดับชาติ คงต้องฟื้นฟูกันอีกหลายประการ

ดังนั้นโครงการต่างๆที่นายทักษิณไปเยี่ยมชมจากการปิ๊กบ้านครั้งนี้

จึงถูกประเมินว่าต้องการจะแก้โจทย์การเมืองใหม่ ที่บ่อนเซาะ ทำลาย การเมืองเดิมด้วย

ข้อที่น่าสังเกตุอีกประการหนึ่ง นั่นคือการไปเชียงใหม่ของนายทักษิณครั้งนี้ ผู้ที่มีบทบาทโดดเด่น เป็นที่จับตามอง

นั่นก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ขนเอา ข้าราชการบิ๊กๆ ตั้งแต่ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมชลประธาน มาต้อนรับอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ด้านหนึ่ง โครงการที่นายทักษิณไปดู เกี่ยวข้องกับงานของกระทรวงเกษตรฯ จึงมีเหตุผลที่ร.อ.ธรรมนัส จะจัดเต็ม

แต่อีกด้าน เป็นการตอกย้ำว่า แม้ร.อ.ธรรมนัส จะเคยเป็นแม่น้ำแยกสายไปหลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 แต่สัมพันธ์แนบแน่น ที่ร.อ.ธรรมนัส เคยมีกับนายทักษิณ ไม่เปลี่ยนแปลง

และในวันนี้ ก็ถูกทำให้สังคม เห็นและเข้าใจได้อีกครั้งว่า สัมพันธ์ของนายทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส ยังอยู่

รวมทั้งอาจพัฒนาไปสู่ ความสัมพันธ์ทาง”การเมืองใหม่” ที่สลับขั้ว ผสมขั้ว อย่างซับซ้อน

และจะเกี่ยวข้องกับ”ดีล”การเมือง อะไรอีกหรือไม่

ซึ่งก็ชวนให้ มโนและจินตนการถึง”นัย”ในการ”ปิ๊กบ้าน” อย่างฟุ้งซ่าน

—————-