โลกใบใหญ่ของยายมี | เรื่องสั้น : อนุรักษ์(ษ์)

เรื่องสั้น | อนุรักษ์(ษ์)

โลกใบใหญ่ของยายมี

 

“คูเมืองเก่า” มีป้ายเขียนบอกไว้อย่างนี้ ป้ายที่ทำด้วยปีกไม้ กับแกะเป็นร่องรอยอักษรและทาสีขาวเขียนไว้ คูเมืองเก่า เป็นคูเมืองประจำหมู่บ้านของพวกเราที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาก็ว่าได้

คูเมืองหรือคูดินนี้ผมเห็นมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ที่มองเห็นเป็นคูอย่างโดดเด่น เป็นคูดินชั้นกลาง แต่ที่ใกล้เข้ามาในบ้านเรือนของพวกเราเป็นคูดินชั้นใน และที่ห่างออกไป มองเห็นแต่เพียงน้อยนิดนั้นคือ คูเมืองชั้นนอก

ไม่มีใครเห็นความสำคัญของคูดินดังกล่าวว่าเป็นสมบัติของชาติ หรือประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของบ้านเราแต่คราวแรกเริ่มหรอก เพราะตรงคูดินชั้นกลางที่สูงเด่นนั้นเป็นที่ขับถ่ายของเสียของพวกเราทุกคน ในสมัยที่ไม่มีส้วมซึมหรือส้วมไว้ใช้ขับถ่าย

เราเรียกคูดินชั้นกลางอีกชื่อหนึ่งว่า “คูขี้”

ด้วยเป็นที่ขับถ่ายอุจจาระ อาจจะเป็นเพราะว่าการขับถ่ายอุจจาระอย่างเรี่ยราดนี่กระมัง? ที่ทำให้คูดินชั้นกลางเป็นหลักฐานที่มีความเด่นชัด บ่งบอกว่าเป็นคูเมืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่มีใครเข้าไปบุกรุกหรือสร้างโรงเรือนสำหรับการเกษตร ด้วยมีแต่อุจจาระ จึงไม่มีใครอยากเข้าไปเกี่ยวข้องหรือทำธุระอย่างอื่นนอกเสียจากการปลดทุกข์ เพียงเท่านั้นเอง

ที่สำคัญเมื่อตัดสินใจเข้าไปตรงที่ดังกล่าว มีน้อยรายเหลือเกินที่จะไม่เหยียบกับระเบิด (ขี้) ที่วางเอาไว้

คูดินชั้นในที่อยู่ใกล้กับบ้านเรือนของพวกเรากลายเป็นถนนคอนกรีตประจำหมู่บ้านในปัจจุบัน และคูดินชั้นนอกไม่เหลือความเป็นคูดินให้เห็นอีกแล้ว เพราะถูกบุกรุกกับถูกเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่การเกษตรเกือบทั้งหมด

 

เรื่องราวคูเมืองที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ดลบันดาลให้ผมมีความทะเยอทะยานอยากเป็นนักประวัติศาสตร์ จนเข้าศึกษาวิชาประวัติศาสตร์และสำเร็จออกมา

คูเมืองชั้นกลางอาจจะเป็นคูเมืองที่ใช้ประโยชน์เป็นแค่ที่ปลดทุกข์ต่อไป หากว่าไม่มีโครงการจัดให้หมู่บ้านกลายเป็นหมู่บ้านเชิงท่องเที่ยวหรือโฮมสเตย์ ผู้นำหมู่บ้านเราจึงเข้าจัดการทรัพย์สมบัติของชาติหรือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้กลายมาเป็น สมบัติหรือสถานที่สำหรับให้คนมาท่องเที่ยว เพื่อนำมาเป็นรายได้เข้าสู่หมู่บ้านของพวกเรา พร้อมกับการฟื้นฟูประเพณีวัฒนธรรมอย่างเก่าขึ้นมา จะได้ใช้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักอาศัยในหมู่บ้าน เรื่องการทำหรือปรับภูมิทัศน์ของคูเมืองชั้นกลางให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนั้น

ในคราวแรกได้เกิดปัญหากันอย่างมากมาย กับผู้เข้าไปทำการสร้างโรงเรือนการเกษตรหรือบ้านเรือนที่อยู่อาศัยใกล้เคียง สร้างความไม่พอใจกับทั้งสองฝ่าย จนต้องมีหน่วยงานของราชการเข้ามาสอบสวนตรวจสอบความเป็นมาหาความถูกต้อง และในที่สุดจึงเกิดการไกล่เกลี่ยประนีประนอมกัน ด้วยการให้คงบ้านเรือนที่เคยอยู่อาศัยมานานไว้ ส่วนโรงเรือนทางการเกษตรหรือเล้าไก่คอกวัวควาย จะต้องทำการรื้อออก ไม่ให้กีดขวางหรือบดบังคูเมืองที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์

มีเงินเข้ามาทำการสร้างให้ภูมิทัศน์ของบริเวณรอบๆ หมู่บ้านกลายเป็นสถานที่สะอาดสะอ้าน ในเชิงอนุรักษ์หลายล้าน แต่ด้วยความไม่เข้าใจในหลักการอะไรบางอย่าง ประกอบกับผู้นำขาดความรู้ในการศึกษาข้อมูลการสร้างสถานที่ทางประวัติศาสตร์ จึงใช้รถแบ๊กโฮมาปรับคูเมืองเสียใหม่ ทำเป็นคูดินแบบใหม่ขึ้นมาตามแต่ใจตัวเองนึกคิดเอา

ชั้นดินทางประวัติศาสตร์อันเป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวเพื่อใช้ในการศึกษา ความเป็นมาของประวัติศาสตร์อันหมายถึงสมบัติของชาติ ได้กลายเป็นดินชั้นใหม่ที่ถูกรถปรับขึ้นมาเท่านั้นเอง เป็นการทำลายหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างแท้จริง เนื่องจากผู้นำต้องการสนองนโยบายของรัฐบาลในเชิงการท่องเที่ยว จึงได้สร้างหมู่บ้านให้มีความสะอาดเรียบร้อย มีป้ายบอกชื่อหัวหน้าครอบครัวหรือเจ้าของบ้าน มีกระถางปลูกต้นไม้พืชผักสวนครัว หนองน้ำที่เป็นของสาธารณะถูกพัฒนาในบางวันที่จัดขึ้น หรือจัดขึ้นบ่อยๆ

วัชพืชอันเก่าที่เคยอยู่กับหนองมานาน ถูกขุดลอกขึ้นและปล่อยบัวหลวงใหญ่ลงแทน มีเสาไฟวางเว้นระยะตามถนนรอบหนอง และทำให้หนองน้ำคล้ายเป็นสวนสาธารณะ มีการนำต้นลำดวนอันเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดมาปลูกแทนต้นจานที่ออกดอกแดงส้มบานสะพรั่งไม่นาน แต่ต้องถูกโค่นอย่างน่าเสียดาย เพราะเสือกเป็นต้นไม้ไม่ได้เชิดหน้าชูตาเท่ากับดอกลำดวน มีการนำแคร่หรือโล้ชิงช้าที่ทำด้วยไม้ไผ่เข้ามาตั้ง

รอบๆ คูเมืองชั้นกลาง มีกระถางที่ทำด้วยล้อรถยนต์วางเรียงรายรอบหนองสาธารณะกันเป็นทิวแถว รั้วไม้ไผ่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบงดงาม

 

ดูเหมือนว่าหมู่บ้านของเราจะกลายเป็นหมู่บ้านใหม่ทางธรรมชาติอย่างทันตา แม้ว่าหมู่บ้านของพวกเราจะเปลี่ยนจากหมู่บ้านอย่างเก่ากลายเป็นบ้านเรือนที่มีกำแพงล้อมกั้นล้อมรอบ มีถนนคอนกรีตกลบเส้นทางเดินเท้าแบบสมัยเก่าก็ตาม มีรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และยวดยานพาหนะต่างๆ วิ่งสวนทางกันไปมาไม่เว้นแต่ละวัน

สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการขุดขึ้นมาใหม่ก็คือประเพณีวัฒนธรรมอย่างเก่าที่เราเคยมีมา และเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยกลับคืนชีพขึ้นมาอย่างทันตาเห็น เมื่อมีนักท่องเที่ยวตามตารางที่ได้นัดไว้กับผู้นำหมู่บ้าน

เราจึงไม่แปลกใจที่จะได้ยินเสียงแคนฟ้อนผีฟ้าผีแม่สะเอิงในฤดูของการทำนา อันขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ว่า หน้าทำการทำงานไม่มีการละเล่นไม่มีเสียงปี่เสียงแคนหรือพิธีกรรมแต่อย่างใด อย่างที่ผู้นำของหมู่บ้านจัดขึ้นในเวลานี้ พิธีกรรมต่างๆ ล้วนแต่จัดขึ้นหลังเสร็จนาข้าวขึ้นยุ้งจนหมดแล้ว จึงมีพิธีกรรมประเพณีวัฒนธรรมอย่างเก่า แต่ตอนนี้ มีคนเก็บดอกจำปาเพื่อนำไปประกอบพิธีฟ้อนผีฟ้าในหน้าฝน ซึ่งดอกไม้ดังว่าไม่สามารถออกดอกได้ ถึงแม้จะออกดอกก็ไม่ได้มีอย่างมากมายถึงแก่พอความต้องการ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคูเมืองกับคนในหมู่บ้านของเรากับประเพณีวัฒนธรรมกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ในตอนแรก และกลายมาเป็นความเคยชินในเวลาต่อมา

คนในหมู่บ้านจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเป็นอยู่สำหรับให้เกิดความเรียบร้อยสวยงาม กับผู้ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในหมู่บ้านของพวกเรา

 

บ้านติดพื้นไม่มีใต้ถุนเหมือนบ้านอื่นกับค่อนข้างเล็ก อยู่ต่ำกว่าพื้นถนนคอนกรีตเกือบครึ่งตัวบ้าน หน้าบ้านมีต้นสะเดากับต้นมะขามหลายปียืนเด่นอยู่ ดูเหมือนว่าบ้านหลังดังกล่าวแทบจะกลายเป็นส่วนเกินของหมู่บ้านในโครงการอันเชิดหน้าชูตาเสียมากกว่า

หญ้าขึ้นรกอยู่หน้าบ้าน ศาลประจำบ้านล้มเค้เก้ฟุบหักลง ไม่มีรั้วหรือกระถางปลูกพืชผักสวนครัวเหมือนกับบ้านหลังคาอื่น

ด้านข้างมีวัชพืชขึ้นรกทางด้านทิศตะวันตกของตัวบ้าน ส่วนด้านทิศตะวันออกมีเศษผ้าที่ไม่ใช้ใช้แล้วกองสุมอยู่ มองลึกเข้าไปเห็นโอ่งเก็บน้ำฝนขนาดใหญ่แตกเหลือเพียงแค่ก้นโอ่งเท่านั้น ต้นมะพร้าวสูงชะลูด แต่เลยครึ่งลำต้นไปกิ่วจะขาดมิขาดแหล่ แต่มันก็ยังมีลูกมะพร้าวหล่นร่วงเมื่อแห้งได้ที่ ให้ผู้คนเก็บไปใช้ประโยชน์อย่างไม่ขาดตอนเหมือนกัน

แม้ว่าบ้านหลังนี้จะติดกับโครงการขยะรีไซเคิลอันเป็นโครงการหนึ่งในหลายโครงการ สำหรับเกิดขึ้นมาเพื่อประกอบหรือรองรับการพัฒนาหมู่บ้านในเชิงท่องเที่ยวก็ตาม แต่มันน่าจะกลายเป็นขยะไปด้วยกันเสียมากกว่า จะดีทีเดียว ดีกว่าจะเป็นบ้านหรือสมาชิกหนึ่งในจำนวนครัวเรือนของหมู่บ้านพวกเรา

บ้านนี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกันเพียงสองคน คือ ยายกับหลาน

ยายคือยายมี ยายมีเป็นโรคความจำเสื่อม

ส่วนหลานพ่อแม่ทิ้งไปหลายปีและกลายเป็นเด็กมีปัญหา มีเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยๆ เมื่อคราวป้าที่เป็นลูกของยายมีมาส่งข้าวส่งน้ำให้ยายมี

ยายมีเป็นโรคความจำเสื่อมส่วนมากจึงต้องขังไว้ในห้อง เพราะไม่ต้องการให้ออกจากบ้าน อาจเดินไปเพ่นพ่านตามที่ต่างๆ และที่หนักหนาสาหัสก็คือ แกลืมกระทั่งว่าจะต้องใส่เสื้อผ้าจึงต้องเดินเปลือยกายในหลายครั้ง ก็มีให้เห็น

มีเพียงบ้านของยายมีหลังเดียวเท่านั้น ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งรกหูรกตาผู้นำที่ต้องการสร้างความเป็นอัตตลักษณ์ของหมู่บ้านในเชิงท่องเที่ยวอย่างที่สุด

บ้านของยายมีไม่มีใครอยากให้มีอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าว แต่ไม่มีใครสามารถขับไล่บ้านหลังดังกล่าวได้ เพราะยายมีแกตั้งบ้านเรือนในที่สาธารณะมาอย่างเนิ่นนาน ยากจะขับไล่ให้ไปปลูกสร้างหรือมีคำสั่งให้รื้อถอนได้อย่างบ้านหรือโรงเรือนหลังอื่นๆ ที่เคยทำมาก่อนจะมีโครงการ

 

“บ้านหลังนี้เป็นมลพิษเหลือเกิน” บ่อยครั้งหรือหลายๆ ครั้งที่มีคนบ่นใส่บ้านยายมีขณะเดินผ่าน และเห็นแกเดินเปลือยกายยักแย่ยักยันออกมานั่งยองๆ และฉี่ที่หน้าบ้าน

ผู้นำกับคณะกรรมการของหมู่บ้านหลายคนเหมือนกันที่พยามเข้าไปทำความสะอาดบ้านของยายมีกับหลานยายมี แต่ต้องยอมแพ้กับความสกปรกกับความโสโครกของคนทั้งสองกลับมาทุกที

ในบ้านยายมียังขับถ่ายกองอุจจาระไว้หลายที่เหมือนกัน บ้านที่คล้ายเหมือนถูกปิดตายส่งกลิ่นอับคาวเหม็นแทบคลื่นไส้อาเจียน อาหารที่หลานกินได้ปล่อยทิ้งไว้จนบูดหนอนขึ้นเต็มไปหมด และหลานก็กลายเป็นผลิตผลแห่งความโสโครกได้เป็นอย่างดี เพราะอยู่กับต้นตำรับแห่งความโสมมมานานปี มีการเถียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง และผู้นำกับคณะกรรมการพยายามเดินทางมาไกล่เกลี่ยขอร้องเชิงบังคับว่า หากยังขืนสร้างความเป็นมลพิษทางเสียงให้เกิดกับหมู่บ้าน จะต้องถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะหมู่บ้านของพวกเรา เป็นหมู่บ้านเชิงท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์

เรื่องราวดังกล่าวมักจะเงียบหายไปได้เพียงสองสามวันเป็นอย่างมาก และก็ย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม อาจบางทีมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

หรือกลายเป็นว่าการพยายามจะสร้างความเข้าใจจากผู้นำของหมู่บ้านกับยายมีและคนเกี่ยวข้องในครอบครัวนี้ ได้สร้างมลพิษเพิ่มเติมร้ายแรงมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

ในที่สุด เหมือนกับว่าท่านผู้นำหรือผู้เกี่ยวข้องจะยอมแพ้เรื่องราวดังกล่าว พร้อมกับทยอยห่างหายรามือไป นานๆ สักครั้งจึงค่อยมาว่ากล่าวตักเตือน

 

ป้ายคูเมืองเก่าอันเป็นป้ายบอกสถานที่สำคัญของหมู่บ้านเชิงประวัติศาสตร์ สีซีดและเก่าเมื่อเวลาผ่านไปปีสองปี แคร่ไม้ไผ่ กับ ที่นั่งโล้ชิงช้าไม้ไผ่ผุพัง เพราะตากแดดตากฝน เครือบวบหอมกับวัชพืชอื่นๆ ขึ้นท่วมตัวหนังสือที่บอกว่าเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว แทบจะไม่เหลือคราบไคล

ทางประตูด้านทิศตะวันออกอันเป็นซุ้มประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว ก็เก่าซีดเช่นเดียวกัน กระถางจากล้อรถยนต์จำนวนหลายร้อยอันที่วางเรียงรายรอบหนองน้ำหายไปหมดสิ้น ไม่เหลือสักกระถางเดียว

สิ่งเหล่านี้ จะได้รับการปรับปรุงด้วยการประกาศทางหอกระจายข่าว ให้ชาวบ้านร่วมมือกันปรับภูมิทัศน์หรือที่เรียกกันอย่างง่ายๆ ว่าพัฒนานั่นเอง เมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากท้องถิ่นอื่นหรือหน่วยงานทางราชการมาเป็นแขกเข้ามาเท่านั้น

พร้อมกันนี้ บริเวณลานรอบหนอง อันเป็นบริเวณหน้าโรงสีกลุ่มสหกรณ์ของหมู่บ้านที่ล้มเลิกไปแล้ว ก็จะกลายเป็นเวทีจัดการแสดงร้องรำทำเพลงจากสถาบันราชภัฏในตัวเมืองไปด้วยในตัว มีการนำหวดนึ่งข้าวมาแขวนห้อยประดับสลับกับธงระโยงระย้า มีการสร้างลอบหรือไซ, อันเป็นเครื่องมือดักปลาขนาดใหญ่ขึ้นตั้งโชว์เอาไว้

นอกจากนี้ ยังมีการเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องในหมู่บ้าน ให้นำสินค้าพืชผักต่างๆ มาออกร้านขายในตอนมีแขกเข้ามาท่องเที่ยวด้วย ซึ่งหายากเหลือเกินสำหรับอาหารที่เป็นของประจำหมู่บ้านหรือเป็นเอกลักษณ์สำหรับหมู่บ้านของพวกเรา

แต่งานเชิงท่องเที่ยวในโครงการนี้ก็ยังจัดขึ้นบ่อยๆ เดือนละครั้งสองครั้งเป็นอย่างต่ำ อย่างมากซึ่งนานหน่อยอาจจะแค่สองเดือนมีหนึ่งครั้ง

ชาวบ้านบางส่วน โดยเฉพาะท่านผู้นำกับคณะกรรมการของหมู่บ้านมีส่วนได้ส่วนเสีย กับโครงการนี้เป็นอย่างมาก จึงพยายามจัดการควบคุมลูกบ้านให้อยู่ในกฎระเบียบที่วางเอาไว้อย่างเคร่งครัด ให้สมกับที่ได้เป็นหมู่บ้านในเชิงพัฒนาระดับประเทศหรือระดับอาเซียนเลยทีเดียว

 

อาจจะมีเพียงบ้านหลังเดียวที่ไม่ได้รู้สึกรู้สากับโครงการที่ว่านี้เลย คือ บ้านของยายมี บ้านยายมียังเป็นสิ่งรกหูรกตาหรือเป็นคล้ายมลพิษทางการท่องเที่ยวของหมู่บ้านต่อไป เมื่อมีนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม ผู้นำหรือคณะกรรมการมักจะรีบเดินนำขบวนให้หลีกห่างจากบ้านยายมีอยู่เสมอ หากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะเอาฉากหรืออะไรสักอย่างมาปิดกั้นปิดบังบ้านของยายมีด้วยซ้ำไป

แต่ขบวนกลุ่มนักท่องเที่ยวก็อดไม่ได้ที่จะได้รับรู้ว่ามีบ้านยายมีอยู่ในหมู่บ้านท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นี้อยู่ด้วย

ในที่สุด ผู้นำคณะกรรมและผู้เกี่ยวข้องกับโครงการโฮมสเตย์ของหมู่บ้าน ก็ไม่สามารถกำจัดมลพิษของบ้านยายมีออกไปได้สักที จึงต้องปล่อยให้มีบ้านยายมีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านเชิงอนุรักษ์ในการท่องเที่ยวต่อไป เพียงแต่ไม่ให้บ้านของยายมีหรือตัวของยายมีมาทำขายหน้าขายตามากเกินไปเท่านั้นเอง

“โฮมสเตย์ โฮมสะแ-ด” คณะกรรมการกับผู้นำของหมู่บ้าน และในบางครั้งอาจมีนักท่องเที่ยวร่วมมาด้วย มักจะได้ยินคำพูดเสียงดังจากบ้านของยายมีในประโยคดังกล่าวเสมอ แต่ต้องก้มหน้าคล้ายจะยอมรับในทีว่า ไม่สามารถจะจัดการทุกอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง ให้เป็นอย่างใจต้องการไปเสียทุกอย่างได้เลย

โลกของเราอาจจะต้องประกอบด้วยสัดส่วนของหลายสิ่งหลายอย่างต่อไป ทั้งดีทั้งเลว สกปรกสะอาดและโสโครก ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างใจต้องการเพียงอันเดียวเลย •