‘ปิ๊ก’ บ้าน ‘เปิ้น’ ‘อะหยัง’ รออยู่

สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยทั้งประเทศอากาศค่อนข้างร้อนระอุ ยิ่งภาคเหนือช่วงนี้อากาศไม่ดีมากๆ นอกจากร้อนจัดยังต้องเจอกับอากาศเป็นมลพิษ ปริมาณฝุ่นพีเอ็ม 2.5 พุ่งสูงระดับโลก

โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ ต้องเจอทั้งอากาศร้อน จนสำนักป้องกันควบคุมโรค ของ สธ. ต้องออกมาเตือนให้ระวังโรคลมแดด สัปดาห์เดียวกัน เชียงใหม่ยังทำสถิติฝุ่นพิษพุ่ง ทะยานสู่การเป็นเมืองที่อากาศแย่ที่สุดในโลก มองไปทางไหนก็เห็นหมอกควันหนา

ทั้งร้อนจัด ทั้งสำลักฝุ่น แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดความคิดถึงบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร ในการเดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่ บ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังจากต้องออกจากแผ่นดินไทยไป

สำหรับคนที่ห่างไกล การกลับ “บ้าน” คือการเยียวยาทางอารมณ์ ได้กลับมาเจอคนที่คุ้นเคย ญาติพี่น้อง เป็นการ “ชาร์จแบต” ชีวิต ให้กลับไปต่อสู้ในโลกปกติได้ต่อ

ส่วนคนที่อยู่ที่ “บ้าน” ก็ดีใจ ที่คนห่างไกลกลับมาให้เจอกัน

แต่การกลับบ้านของนายทักษิณ สู่จังหวัดที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของตระกูล “ชินวัตร” ฐานทัพหลักของพรรค “เพื่อไทย” ครั้งนี้ อาจไม่สวยงาม เดินทางกลับมาแบบเท่ๆ ตามที่เคยหวัง

เพราะเป็นการกลับบ้านเกิดในบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก บ้านหลังเดิม แต่ความคิดความอ่านของผู้คนเปลี่ยนไปไม่น้อย

 

การ “ปิ๊ก” หรือกลับเชียงใหม่ของนายทักษิณ ในสถานการณ์การเมืองกำลังร้อนแรงวันนี้ จึงถูกจับตามองว่าจะมี “อะหยัง” หรืออะไร จะเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่

เพราะถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขยับของนายทักษิณ ในทางการเมืองจะส่งผลต่อกองทัพ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งกำลังมีอำนาจนำทางการเมือง การบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้

ข่าวการกลับบ้านของนายทักษิน เริ่มจาก แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ออกมาบอกว่านายทักษิณบ่นอยากกลับไปไหว้บรรพบุรุษ หลังจากเพิ่งได้รับการพักโทษ ออกจาก รพ.ตำรวจกลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ถัดมาไม่นาน ก็มีรายงานข่าวเปิดเผยกำหนดการเดินทางแบบชัดๆ นายทักษิณจะเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กลับเชียงใหม่ วันที่ 14-16 มีนาคม มีการนัดครอบครัว “ชินวัตร” ไปไหว้บรรพบุรุษ

เป็นการตอกย้ำข่าวลือให้เป็นจริงยิ่งขึ้น

หนีไม่พ้นต้องเจอข้อสังเกตเรื่องความ “เหมาะสม” ของมาตรฐานต่างๆ

เพราะนายทักษิณเพิ่งออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักที่บ้าน ด้วยเหตุผลที่หลายหน่วยงานชี้แจงถึงอาการป่วย ระดับ “วิกฤต” ของนายทักษิณ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญของการ “พักโทษ” รวมถึงการส่งตัวด่วนเข้า รพ.ตำรวจนาน 180 วัน โดยไม่ต้องนอนเรือนจำแม้แต่วันเดียว

แต่คำถามทุกอย่างก็ถูกไขปริศนาลง เมื่อกรมคุมประพฤติออกมาไฟเขียว นายทักษิณสามารถกลับเชียงใหม่ได้ด้วยเหตุผลเพื่อสภาพจิตใจและการรักษาที่ดีขึ้น

นอกจากเหตุผลทำให้ผู้ป่วยจิตใจดีขึ้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยังเปิดประเด็นใหม่ในวันต่อมาว่า นายทักษิณขออนุญาตไปเชียงใหม่เพื่อพบแพทย์ทางเลือกอีกด้วย

หลังมีการยืนยันจากหน่วยงานรัฐ ว่านายทักษิณจะเดินทางกลับเชียงใหม่ ก็ยังมีการยืนยันจากนักการเมืองท้องถิ่นสังกัดพรรคเพื่อไทย เอฟซี แม้แต่เพื่อนมงฟอร์ตรุ่น 08 ถึงกับนัดรวมตัวชูป้ายรับนายทักษิณ

 

อันที่จริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลการไปไหว้บรรพบุรุษ หรือไปพบแพทย์ทางเลือก ก็คงไม่ใช่เหตุผลสำคัญนักสำหรับคอการเมืองที่จะติดตามดู “การเคลื่อน” ของนายทักษิณในครั้งนี้ เพราะนัยยะสำคัญของการไปเชียงใหม่ครั้งนี้ คือการ “ขยับ” ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าครั้งแรก

อย่าลืมว่าทุกการ “เคลื่อน” ของนายทักษิณ ล้วนส่งผลโดยตรงและโดยอ้อมต่อเพื่อไทย และรัฐบาล โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อย่างปฏิเสธมิได้

แต่บังเอิญทีเดียว หลังมีข่าวนายทักษิณไปเชียงใหม่ 14- 16 มีนาคม ก็ปรากฏข่าวกำหนดการลงพื้นที่เชียงใหม่ของนายกฯ ในวันที่ 15-17 มีนาคม เพื่อไปตรวจสถานการณ์ฝุ่น

หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อันที่จริงนายเศรษฐาไปพบนายทักษิณก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร

อย่าลืมว่านายเศรษฐาคือแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย พรรคที่นายทักษิณก่อตั้งเองกับมือ

การออกมาให้ข่าวทำนอง “ไม่ได้ตั้งใจ” เป็น “ความบังเอิญ” ต่างหาก ที่ทำให้ “ดูแปลก”

 

ประเด็นการเมืองสำคัญต่อเนื่องจากการเยือนของนายทักษิณ คือ 1. เป็นการหวนกลับคือสู่ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของตระกูลชินวัตร – เมืองหลวงของเพื่อไทยประจำภาคเหนือ

ที่น่าสนใจเพราะการเมืองเชียงใหม่ที่เป็นฐานกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทย วันนี้ถูกตีแตกด้วยฝีมือพรรคก้าวไกล ที่คว้าเก้าอี้ ส.ส.ไปได้ถึง 7 คน จาก 10 คน พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส. แค่ 2 คนเท่านั้น จากเดิมการเลือกตั้งปี 2562 ที่พรรคเพื่อไทยกวาดเรียบทุกเขต

การเยือนของนายทักษิณไปยังถิ่นบ้านเกิดจึงเป็นที่จับตา ว่าจะส่งสัญญาณทวงความเป็นเมืองหลวงของตระกูลชินวัตรได้หรือไม่ อย่างไร

2. เป็นการส่งสัญญาณไปยังการแข่งขันทางการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในสภาวะที่พรรคก้าวไกลมีความฮึกเหิม – บ้านใหญ่หลายหลังถอยจากเพื่อไทย บางคนขอไปอยู่กับก้าวไกล

จุดนี้เป็นที่สนใจว่าเพื่อไทยและนายทักษิณจะทำอย่างไร?

3. เป็นการตอกย้ำพลังของคนเสื้อแดงว่ายังมีอยู่อย่างสำคัญต่อเพื่อไทยหรือไม่?

ในแง่นี้ต้องยอมรับว่า เชียงใหม่คือจังหวัดที่มีความเคลื่อนไหวของพลัง “ประชาธิปไตย” ระดับสูงมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของภาคเหนือ เป็นฐานกำลังสำคัญของคนเสื้อแดง กำลังสำคัญในการต่อสู้กับการปกครองภายใต้รัฐบาลทหารมาอย่างต่อเนื่อง ในรอบเกือบ 2 ทศรรษที่ผ่านมา

การเดินทางเยือนของนายทักษิณ ด้านหนึ่งคือการรื้อฟื้น กู้คืน ความเป็นคนเสื้อแดง ที่เคยต่อสู้มาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ด้วยนั่นเอง

แต่อย่าลืมว่าการเมืองยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดต่อเนื่องมายังการเลือกตั้งปี 2566 ประชาชนต่างมองเห็นพัฒนาการเส้นทางการต่อสู้ของ “เครือข่ายพลังอำนาจแบบจารีต” ที่กระทำต่อ “กลุ่มก้อนอำนาจพลังใหม่”

นั่นคือเหตุผลสำคัญว่า บ้านเกิดนายทักษิณแท้ๆ ผลการเลือกตั้งเชียงใหม่ออกมา พรรคเพื่อไทยจึงรักษาเก้าอี้ได้แค่ 2 ที่นั่ง จาก 10 ที่นั่ง

 

การเยือนเชียงใหม่ของนายทักษิณนัยยะหนึ่งจึงเป็นการวัดกระแสนิยมทางการเมืองของนายทักษิณ ซึ่งครั้งหนึ่งนายทักษิณคือหนึ่งในสัญลักษณ์ของการต่อสู้ทางการเมืองตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นผู้ที่ถูกระบบทหาร อำนาจจารีต เล่นงานหนักที่สุด

การ “ปิ๊กบ้าน” ของนายทักษิณวันนี้ ไม่ได้ปูด้วยพรมแดงดังฝัน เป็นการกลับบ้านเกิดท่ามกลางความ “ไม่สบายใจ” ทางการเมืองมากมาย รวมถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณ ก็ยังคงต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ

และแม้เพื่อไทยพรรคที่นายทักษิณก่อตั้งจะได้เป็นรัฐบาล แต่ก็เป็นการครองอำนาจอย่างที่ถูกมองว่าเป็นการ หักดิบฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน พลิกขั้วเปลี่ยนข้างทางอุดมการณ์ แปลงกลายเป็นส่วนหนึ่งของทัพ “อนุรักษนิยมจารีต”

จึงเป็นการครองอำนาจแบบมีอำนาจไม่ “เต็มไม้เต็มมือ” ทำอะไรก็ติดขัด นโยบายเรือธงสำคัญหลายเรื่อง ก็ยังไร้วี่แววว่าจะเกิดขึ้นได้จริง กระทรวงสำคัญๆ ถูกยึดอยู่ในโควต้าขั้วอำนาจเก่า

นอกจากไม่มี “เครื่องมือที่ดี” ยังมาเจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ วิกฤตหนี้สินทั้งหนี้ภาครัฐ หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง หลายวิกฤต ตกพอกมาจากรัฐบาลทหารชุดก่อน นายกฯ ยิ่งทำงานยาก กอบกู้ศรัทธาคืนลำบาก

เร็วๆ นี้ต้องเจอฝ่ายค้าน ทั้งการซักฟอก ทั้งอภิปรายงบฯ เป็นศึกใหญ่

ขนาด ส.ว. ที่รัฐบาลทหารแต่งตั้ง และเป็นคนโหวตตั้งรัฐบาลเศรษฐามากับมือ ยังขอเปิดซักฟอกรัฐบาลเพื่อไทยทิ้งท้ายก่อนหมดวาระ ให้การบ้านมาเลยว่าเตรียมจัดหนักเรื่องการพักโทษนายทักษิณ

รวมถึงยังเป็นการ “ปิ๊กบ้าน” ในวิกฤตการเมือง ที่มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองจำนวนมากยังอยู่ในเรือนจำ ไม่ได้รับสิทธิพื้นฐานอย่าง “การประกันตัว” ทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสิน

ที่รออยู่หลังการ “ปิ๊กบ้าน” จึงไม่สนุก ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่