ไขคดีฆ่า ‘สา’ ดาวโซเชียล มีดแทง-โยนทิ้งบ่อน้ำร้าง วงจรปิดมัด ‘นาย’ อดีตแฟน เพื่อนชี้ชนวนถูกทวงเงิน

เรื่องราวดาวติ๊กต๊อก ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อกลุ่มเพื่อนๆ ช่วยกันโพสต์ตามสื่อโซเชียล ตามหาตัว น.ส.ซูซาอัง หรือ สา สาวชาวเมียนมา พนักงานร้านกาแฟ ในห้างดังของเมืองนครศรีธรรมราช และยังเป็นดาวดังในโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ที่หายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมกับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม

หลังเกิดเหตุทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าวต่างลงพื้นที่หาข้อมูลเบาะแสเพื่อคลี่คลายคดี เบาะแสสำคัญหนีไม่พ้นการไล่กล้องวงจรปิด ที่เมื่อตรวจสอบตามเส้นทางก็พบภาพขณะ น.ส.สา ขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบก์ไปที่บ้านของนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือนาย อายุ 27 ปี อดีตแฟน ใกล้กับวัดท้าวโคตร ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แต่ไม่เห็นภาพขี่รถกลับออกมา ประกอบกับนายพิทญา ก็มาหายตัวไปด้วย

ความสงสัยทั้งหมดจึงพุ่งเป้าไปที่นายพิทญาอย่างเลี่ยงไม่ได้

โพสต์สุดท้ายของ สา ก่อนหายตัว

ต่อมาเวลา 11.40 น. วันที่ 11 มีนาคม พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.ธีรพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป. นำกำลังชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบบ่อน้ำร้างในกุฏิร้างหลังวัดท้าวโคตร ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

หลังรับแจ้งจากผู้สื่อข่าวที่เกาะติดกรณีการหายตัวไปของ น.ส.สา อย่างใกล้ชิด พร้อมพูดคุยกับคนในครอบครัวผู้ต้องสงสัยและคนในพื้นที่ จนได้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับการหายตัวไปของ น.ส.สา

ที่เกิดเหตุพบว่าอยู่บริเวณหลังตลาดชุมชนเป็นกุฏิร้างรอรื้อถอน ตอนหลังของกุฏิเป็นบ่อน้ำเก่าลึกลงไปราว 3.5 เมตร ก้นบ่อพบจีวรพระถูกทิ้งอยู่เต็มบ่อ แต่ที่สำคัญคือมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยขึ้นมาจากก้นบ่อตลอดเวลา

เจ้าหน้าที่มูลนิธิไต้เต็กตึ๊งตัดสินใจโรยตัวลงไปพิสูจน์ พบว่าใต้ผ้าจีวรมีศพหญิงสาวถูกทิ้งขึ้นอืดอยู่ คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-6 วัน จึงนำศพขึ้นมาชันสูตรที่ด้านบน

ก่อนพบว่าผู้ตายคือ น.ส.ซูซาอัง หรือสา ที่หายตัวไป

น.ส.ซูซาอัง หรือ สา สาวชาวเมียนมา ผู้เสียชีวิต

ขณะที่กลุ่มเพื่อนของผู้ตายและเพื่อนชายคนสนิทคนใหม่ได้เข้ามาดูที่เกิดเหตุต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ตายเป็นคนขยันมาก ไม่เคยเล่าเรื่องปัญหาใดๆ กับใครให้ฟัง เอาการเอางาน

นอกจากทำงานแล้ว ในช่วงกลางคืนยังไปทำพาร์ตไทม์ชำแหละไก่กับนายจ้างคนเก่า และยังเช่าห้องเช่าของนายจ้างอยู่ด้วย

หลังจากหายตัวไปได้มีชายคนหนึ่งได้นำรถจักรยานยนต์สีชมพูของผู้ตายมาจอดไว้ที่บ้าน ก่อนชายคนนั้นได้หลบหนีไป

ซึ่งชายดังกล่าวนั้นยืนยันว่าคือ นาย อดีตแฟนเก่าที่พยายามมาขอคืนดีกับผู้ตาย แต่ถูกปฏิเสธ ก่อนที่จะหายตัวไปกระทั่งมาพบศพดังกล่าว

พ.ต.อ.กิตติชัย ระบุว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามตั้งแต่รับแจ้งคนหาย จนพบหลักฐานว่าหลังหายตัวไป 2 วัน อดีตแฟนหนุ่มชื่อ นายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือนาย อายุ 27 ปี ได้นำทองรูปพรรณหนัก 3 บาทของ น.ส.สา ไปขายในร้านทองแห่งหนึ่งย่านตลาดท่าม้า ก่อนขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์มาจอดที่บ้านเช่า จากนั้นขึ้นจักรยานยนต์รับจ้างกลับออกไป

มีภาพกล้องวงจรปิดทั้งหมด รวมทั้งภาพจากการไล่กล้องก่อนจะหายตัวไปละแวกใกล้เคียงกับกำแพงวัดท้าวโคตร ซึ่งใกล้เคียงกับบ้านของนายพิทญา

ใครเป็นใครชัดเจนทั้งหมดแล้ว อยู่ในระหว่างการขอหมายจับข้อหาที่เกี่ยวกับทรัพย์ กระทั่งมาพบศพ

บริเวณจุดพบศพ

หลังกลายเป็นคดีฆาตกรรม พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผู้กำกับการ สภ.เมือง และพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอหมายจับกุมนายพิทญา หรือนาย ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”

ขณะที่การสืบสวนพบว่า หลบหนีไปตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม หลังนำทองรูปพรรณของผู้ตายหนัก 3 บาทไปขาย โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะแล้วไปจอดที่ห้องเช่าของผู้ตายก่อนนั่งจักรยานยนต์รับจ้างให้ไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร แล้วนั่งรถโดยสารไปลงที่ จ.กระบี่

โดยชุดสืบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปยัง จ.กระบี่ เพื่อประสานงานการสืบสวนติดตามล่าตัว คาดว่าน่าจะไปกบดานอยู่ที่บ้านญาติคนใดคนหนึ่งในพื้นที่อ่าวนาง จ.กระบี่

ส่วนการชันสูตรศพ น.ส.สา เบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์บริเวณต้นคอ 1 แผล หน้าอก 2 แผล และปากฉีกขาด

นายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ นาย

เพื่อนสนิทเผยชนวนสังหาร

เพื่อนสนิทของน้องสาคนหนึ่งระบุว่า สาเหตุที่นายฆ่าสา เพราะตอนอยู่ด้วยกัน นายหยิบยืมเงินของสานับแสนบาท หลังเลิกรากันก็มีการไปทวงเงินดังกล่าวได้บ้างไม่ได้บ้าง เชื่อว่าในวันเกิดเหตุ สาน่าจะไปทวงเงินจากนายที่กำลังเมายาบ้าจึงถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

ส่วนเพื่อนชายคนสนิทของ น.ส.สา กล่าวว่า เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากสาเลิกรากับนายแล้ว ก็หันมาคบพูดคุยกับตนตามปกติเหมือนเพื่อนทั่วไปไม่ได้คบกันเป็นแฟนแต่อย่างใด และระยะหลังทราบว่า นายชอบมาตอแยขอยืมเงินจากสาเป็นประจำ จนมาทราบว่าน้องสาหายไปและกลายเป็นศพ

ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ญาติๆ และเพื่อนร่วมงานเดินทางมารับศพ น.ส.สา หลังแพทย์ผ่าชันสูตรศพเสร็จสิ้นแล้ว โดยญาติได้นำศพขึ้นรถของมูลนิธิไต้เต็กตึ๊งนครศรีธรรมราช มาบำเพ็ญกุศลที่วัดบุญนารอบ ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

ซึ่งญาติได้กำหนดสวดอภิธรรมระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม และเผาวันที่ 14 มีนาคม

นายขจรเกียรติ นักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมสอบปากคำ

เย็นวันที่ 12 มีนาคม ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายขจรเกียรติ นักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมกันสอบปากคำนายพิทญา หรือนาย หลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามไปกดดันอย่างหนัก จนผู้ต้องหาทนไม่ไหวติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชคนหนึ่งซึ่งมีความสนิทกันเพื่อขอเข้ามอบตัว และมีการนัดหมายมอบตัวกันที่ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนนำตัวมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อแจ้งข้อหาและสอบสวนปากคำ

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นรับสารภาพว่ารู้สึกสำนึกผิดในการก่อเหตุครั้งนี้จึงได้ติดต่อขอมอบตัว ส่วนสาเหตุในการฆ่ามาจากความหึงหวง ขณะที่เงินที่นำทองของผู้เสียชีวิตไปขายได้เกือบ 100,000 บาท ได้ใช้จ่ายในระหว่างหลบหนีไปจนหมด เหลือติดตัวแค่ 100 กว่าบาท

นายรับว่า หลังจากก่อเหตุแล้วก็ได้หลบหนีไปแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ยอมรับว่าทนแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ไม่ไหว ประกอบกับเป็นห่วงแม่ จึงติดต่อมอบตัว โดยการก่อเหตุตนเป็นคนลงมือคนเดียวไม่มีใครร่วมด้วย

แม้นนายจะรับว่าทำคนเดียว แต่ก็ยังมีข้อชวนสงสัย ทั้งจุดที่ฆ่าซึ่งแนวทางสืบสวนเชื่อว่าเป็นในห้องนอนที่บ้านของนาย รวมทั้งขั้นตอนการนำศพไปทิ้งอำพรางในบ่อร้าง ที่จะมีคนในบ้านรู้เห็นหรือให้ความช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่

กู้ภัยลงพิสูจน์ก้นบ่อน้ำร้าง

ขณะที่มีการนำตัวผู้ต้องหาแถลงการจับกุมอยู่ในห้องของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช มีบรรดาเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตและนางประภัสสร พิกุลวัน หรือกะสาว ซึ่งเป็นนายจ้างของ น.ส.สา ได้ตะโกนโวยวายด่าทอด้วยความแค้น ว่าเป็นการโกหกใส่ร้ายผู้เสียชีวิตที่บอกว่ามาจากเรื่องชู้สาวและหึงหวง เนื่องจากสาเลิกรากับผู้ต้องหาไปนานแล้ว

แต่สาเหตุที่ฆ่าเพราะจะหนีหนี้และต้องการเงินโดยเชื่อว่าครอบครัวของผู้ต้องหาอาจร่วมด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยุติการแถลงข่าวและนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถเพื่อนำตัวไปควบคุมที่ สภ.เมืองต่อไป

ความโด่งดังเป็นดาวโซเชียลของผู้ตาย ทำให้คดีนี้เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง ลงเอยคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วและได้ตัวผู้ก่อเหตุอย่างไม่ล่าช้า

ส่วนสาเหตุการตาย เป็นประเด็นที่น่าสนใจ ถือเป็นบทเรียนกับทุกคน ควรเรียนรู้เพื่อระมัดระวัง ไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อ จนต้องถูกเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด