อสังหาฯ แก้เกมปฏิเสธปล่อยกู้

ปัญหาผู้ซื้อที่อยู่อาศัยบ้าน คอนโดฯ ถูกปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินมีอัตราส่วนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ เนื่องนับทศวรรษที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดหนี้ครัวเรือนพอกพูนมากขึ้นเป็นลำดับสูงถึงกว่า 90% ของ GDP เป็นความเสี่ยงของสถาบันการเงินที่จะปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือ mortgage loan

ยิ่งมาเจอกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่มีการทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย จาก 0.5% เป็น 2.5 % เพิ่มขึ้น 2.0% ภายในปีเดียว ธนาคารพาณิชย์ก็ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามไปด้วย

ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระหนี้ที่มีอาศัยเกิดภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านใหม่ซื้อบ้านได้ในราคาต่ำกว่าเดิมขณะที่รายได้ยังเท่าเดิม

ที่เกิดผลกระทบวงกว้างมาก ก็คือ ความเสี่ยงของผู้กู้มากขึ้น อัตราการปฏิเสธปล่อยกู้ก็ยิ่งมีแนวโน้มสูงมากขึ้นกว่าเดิม

ขณะเดียวแนวโน้มหนี้ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน (หรือหนี้ SW) ของกลุ่มหนี้ซื้อบ้าน คอนโดฯ ก็เพิ่มสูงขึ้น และกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้กู้ซื้อบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาทมีสัดส่วนมากเป็นพิเศษ

ก็จะยิ่งทำให้สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยกู้มากยิ่งขึ้นไปอีก

 

ปัญหาลูกค้ากู้สินเชื่อไม่ผ่านกลายเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจบ้าน คอนโดฯ ในปีนี้ การรณรงค์การตลาดเพื่อให้ลูกค้าเป้าหมายสนใจเข้าแวะเยี่ยมชมและจองซื้อก็นับเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่ยังต้องคัดกรองคุณสมบัติการกู้ของลูกค้าอย่างรอบคอบ ช่วยแนะนำแก้ไขปัญหาหนี้สินอื่นๆ ที่จะส่งผลต่อการพิจาณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมทั้งการส่งคำขอยื่นกู้สินเชื่อกับธนาคารให้กับลูกค้าให้สถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติก่อน

ล่าสุดได้มีนวัตกรรมเพื่อช่วยลูกค้า บริษัทเงินสดใจดีในเครือ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยการเงินส่วนตัวให้ลูกค้า วิเคราะห์และวางแผนเพื่อให้เป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น โดย

1. วิเคราะห์สถานะการเงินลูกค้าด้วยเครดิตบูโร และ DSR (ความสามารถผ่อนชำระ)

2. ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรายย่อยภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าซื้อบ้านได้ในกรณีสถานะการเงินยังกู้ธนาคารไม่ผ่าน

3. การสร้างเครดิตผ่านการเช่าซื้อ เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินและเครดิตที่ดี เพื่อสามารถกู้ซื้อบ้านได้ในอนาคต

“เงินสดใจดี” เริ่มทดลองให้บริการเมื่ปี 2566 สามารถช่วยให้ลูกคัาเป็นเจ้าของบ้านได้ 7-10% จากยอดที่ธนาคารปฏิเสธปล่อยกู้

ในปี 2567 “เงินสดใจดี” ตั้งเป้าช่วยให้ลูกค้าที่ถูกปฏิเสธให้สินเชื่อจากธนาคารเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างน้อย 10-15%

เชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ลูกค้ากู้ซื้อบ้านไม่ผ่านอัตราสูงเช่นนี้ จะมีวิธีการรูปแบบต่างๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าซื้อบ้านสามารถซื้อได้ตามที่ต้องการจากอีกหลายๆ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ •

 

ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.