‘สอน’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

ในป่ามีสัตว์ที่กินพืช และสัตว์ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมปริมาณสัตว์กินพืช สัตว์พวกนี้ถูกเรียกว่าเป็น นักล่า

เขี้ยวเล็บ รวมทั้งทักษะในการทำงานของสัตว์นักล่านี้ ได้รับการออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับงานที่ได้รับมอบหมายมาให้ทำ

เขี้ยวเล็บ หรือเครื่องมือที่พวกมันได้รับมานี่แหละ ทำให้สัตว์นักล่า คล้ายเป็นชีวิตอันดุร้ายอันตราย รวมกับเรื่องเล่าข้างกองไฟ อันถูกขยาย จึงทำให้สัตว์ผู้ล่า เป็น “ผู้ร้าย” ในนิยาย, ภาพยนตร์ และอื่นๆ กลายเป็นความเชื่อที่ฝังอยู่ในใจผู้คน

เป็นความเชื่อซึ่งทำให้เหล่าสัตว์ผู้ล่า ไม่ว่าจะอยู่ในป่า หรือในทะเล ถูกฆ่า กระทั่งหลายชนิดแทบสูญสิ้นพันธุ์

ในการทำงานของนักล่า แน่นอนว่า จะหาความปรานีไม่พบ สิ่งที่เห็นคือ ความโหดเหี้ยม จุดประสงค์คือการฆ่า เสือมีฟันที่เหมาะสมกับการกัดได้อย่างหนักหน่วงรุนแรง เหยื่อจะสิ้นใจโดยเร็ว

หากใช้เพียงแค่สายตามอง วิธีการทำงานของพวกมัน หลีกเลี่ยงไม่พ้นกับภาพของสัตว์ดุร้าย อันตราย

 

ที่จริง ในป่า คนไม่พบเหล่าสัตว์นักล่านักหรอก พวกมันมีประสาทสัมผัสที่ดี ทั้งจมูกและหู

จึงมักหลบเลี่ยงไปก่อนที่คนจะได้พบเจอ

ช่วงเวลาทำงานในป่าของผม นักล่าที่พบเห็นได้บ่อยกว่านักล่าตัวอื่นๆ

คือ หมาไน

 

ต้นฤดูฝน

บ่ายวันนั้น มองออกไปนอกซุ้มบังไพร ผมเห็นกวางซึ่งเกือบโตเต็มวัยแล้ว วิ่งออกมาจากชายป่า ด้านหลังมีหมาไนหลายตัววิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด ที่วิ่งตามมา เป็นกวางตัวเมียโตเต็มวัยแล้วหนึ่งตัว

กวางตัวหน้า คงเป็นลูก ส่วนตัวที่วิ่งตามมาน่าจะเป็นแม่

หมาไนฝูงนี้ทำงานตามความถนัด วิ่งเข้าล้อม กระโดดกัด วิ่งไล่ จนเหยื่อหมดแรง ในกรณีนี้ เป้าหมายของหมาไนคือ ลูกกวาง

พวกมันล้อมแม่ไว้ ตัวลูกแยกออกมา หมาไนเข้าถึงตัว ตัวหนึ่งกระโดดกัดคอกวาง งับแน่นไม่ปล่อย กวางดิ้นรนอยู่ไม่นานก็อ่อนแรงหัวทิ่มลง มันพยายามผงกกัวขึ้นมาสอง-สามครั้งก่อนจะแน่นิ่ง

หมาไนตัวที่ลงมือผละจากซาก วิ่งเหยาะๆ มาสังเกตการณ์รอบนอก หมาไนตัวอื่นลงมือกินเหยื่อ

กวางตัวแม่กระทืบตีนลงพื้น คล้ายอาการขู่ เหมือนตอนที่มันได้กลิ่นสัตว์ผู้ล่า

มันมองที่ซากลูก สักพักก็หันหลังเดินจากไปอย่างยอมรับในชะตากรรม ก่อนหน้านี้ มันได้ต่อสู้ดิ้นรนอย่างไม่ยอมจำนนจนถึงที่สุดแล้ว

จากนี้ไป คือการเริ่มต้นใหม่ ทิ้งความโศกเศร้า ล้มเหลวไว้ข้างหลัง

 

กวางตัวแม่ต้องพบกับความสูญเสีย พวกมันอยู่ในสถานภาพของความเป็นเหยื่อ การหลุดพ้นนักล่าขณะทำงานมาได้ย่อมถือได้ว่าเป็นบทเรียน เมื่อพลาดก็ชดใช้ด้วยชีวิต

อีกทั้งการจะหลบเลี่ยงให้พ้นจากฝูงนักล่า ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงอย่างหมาไนนี้ ทำได้ไม่ง่าย

กวางตัวแม่เดินจากไป ไม่มีหมาไนตัวใดสนใจ

งานของพวกมันในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว พวกมันไม่ได้ล่าตลอดเวลา หรือจะฆ่าเหยื่อทุกตัวที่พบเจอ

ครั้งนี้ย่อมไม่ใช่การฆ่าครั้งแรกของหมาไนฝูงนี้ และอาจไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่กวางพบกับความสูญเสีย

อีกทั้งไม่ใช่ครั้งแรกของผมเช่นกัน ที่ได้รับโอกาสให้อยู่ในช่วงเวลาที่นักล่าทำงาน

หมาไน – หมาไนเป็นนักล่าที่มีประสิทธิภาพ พวกมันแบ่งหน้าที่กันทำงาน และเมื่อฝูงกำลังกินเหยื่อ จะมีตัวที่ออกมาสังเกตการณ์ คอยระวังภัยอย่างเคร่งครัด

ก่อนหน้าหลายปี ผมอยู่ในเหตุการณ์ซึ่งทำให้ “รู้จัก” ชีวิตของนักล่าอย่างหมาไนอีกด้านหนึ่ง

เหมือนกับครั้งนี้ หมาไนสามตัววิ่งไล่วัวแดง ผ่านหน้าซุ้มบังไพร

มันลงมือใกล้ๆ ผมเห็นมันกระโดดเข้ากัดก้นวัวแดง กระชากชิ้นส่วนออกมา ตั้งแต่วัวแดงยังไม่ล้ม ตัวหนึ่งกระโดดงับลูกนัยน์ตา เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด วัวแดงล้มลง ชิ้นส่วนถูกกระชากไปกินก่อนหมดลมหายใจ หลายตัวรุมกินซาก มีสองตัวออกมานอนหมอบห่างๆ แบบทำหน้าที่ระวังภัย

……………

ผ่านไปราวสองชั่วโมง ซากร่อยหรอ ถึงเวลาพักผ่อน หมาไนหลายตัวเลือกทำเลเหมาะๆ นอนเหยียดยาวหลับตาพริ้ม บางตัวจับคู่เล่นหยอกล้อ บางตัวลงเล่นน้ำในลำห้วย

สำหรับผม “ภาพ” ของหมาไนเปลี่ยนไป ต่างจากตอนที่พวกมันกำลังทำงาน

คล้ายกับว่า ผมกำลังมองดู “หมา” ที่มีกิริยาอาการน่ารักน่าเอ็นดู

ผมนำเรื่องราววันนั้นมาเขียน เล่าถึงนักล่า ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ในอีกแง่มุมหนึ่ง

 

แต่ในครั้งที่สอง ดูเหมือนว่า บรรยากาศระหว่างหมาไนกับผม จะเปลี่ยนแปลง

ไม่มีเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากกวาง หมาไนใช้วิธีกัดที่คอจนกวางสิ้นใจ

ล้มเหยื่อได้แล้ว หมาไนตัวที่ทำหน้าที่สังเกตการณ์ สัมผัสได้ว่าผมอยู่ใกล้ๆ มันส่งเสียงเบาๆ หมาไนทุกตัวผละจากเหยื่อ วิ่งเข้ามาล้อมซุ้มบังไพร เดินวนเวียนมองมาทางผมอย่างไม่วางใจด้วยแววตาแข็งกร้าว

ไม่มีท่าทีของความเป็นมิตร

 

พลบค่ำ ผมเดินกลับแคมป์

นึกถึงเหตุการณ์ที่ได้อยู่ในขณะนักล่าทำงาน พวกมันปฏิบัติกับผมต่างกัน ครั้งแรก คล้ายจะเห็นความผ่อนคลาย ความเป็นชีวิตจริงๆ อย่างที่พวกมันเป็น

ส่วนครั้งที่สอง สิ่งที่หายไปคือ บรรยากาศแห่งความเป็นมิตร

หมาไนเป็นนักล่าที่ผมพบเจอบ่อย รวมทั้งเล่าเรื่องราวของพวกมันบ่อยๆ กระนั้นก็เถอะ การพบเจอบ่อย ไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้จักพวกมันดีขึ้นสักเท่าใด

แต่สิ่งหนึ่งที่เข้าใจมากขึ้น นั่นคือ คงไม่ถูกต้องนัก หากจะพูดว่า “รู้จัก” อะไรอย่างแท้จริง

สิ่งที่ใกล้ชิด หรือคิดว่ารู้จักดี แท้จริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

โอกาสดีของผมนั่นคือ ได้รับบทเรียนที่ดี ได้เรียน โดยมีหมาไนเป็นผู้ “สอน”

เป็นบทเรียนที่ผมนำมาทำความเข้าใจ ขณะอยู่ในสังคมของคน •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ