บุตรแห่งควนทองคำ | เรื่องสั้น : วาริส วารินทร์กวี

เรื่องสั้น | วาริส วารินทร์กวี

บุตรแห่งควนทองคำ

 

ไอร้อนระอุจากสายลมเที่ยงวันพัดกระทบผิวกร้านแดดของชายหนุ่มบนรถกระบะตอนเดียว มีโครงเหล็กกั้น เคียวเหล็กด้ามยาวถูกวางขนานไปกับตัวรถส่วนปลายคมของมันหันไปทางท้ายของป้ายทะเบียน ผูกสัญลักษณ์ด้วยผ้าขาดๆ สีจางๆ แต่ก็ยังดูออกว่ามันเคยเป็นสีแดง ยามเมื่อแดดเที่ยงแผดเผาสาดกระทบโครงเหล็กและคันเคียวนั้นชวนให้เขาทำหน้าหงุดหงิดพอๆ กับการนั่งรอเงินค่าแรงตัดปาล์ม

ไม่ใช่หนแรกที่เงินได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย “เสือมันควัด” เสียงสบถจากชายหนุ่มร่างสูงมีกล้ามผิวดำมะเมื่อม ความจริงแล้วทุกคนท้ายกระบะอยากพ่นคำด่ากันทั้งนั้นไม่เว้นแต่ อะหมาด หนุ่มวัย 21 ที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ขึ้นรถ เขาไม่ปริปากใดๆ ทั้งๆ ที่ทำงานกรำแดดจนตัวงอ แต่นายหัวกลับตอบแทนด้วยเงินที่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันรถกระบะเก่าเอาเสื้อสาบกลิ่นตัวเช็ดใบหน้า ยอมรับชะตากรรมต่อการศึกษาอันน้อยนิดที่ต้องแลกมากับแรงงานที่เกินกำลัง คงมีแต่แผ่นดินที่เขาเหยียบยืนเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขามีชีวิตน่าบัดซบแค่ไหน

เย็นวันหนึ่งชายหนุ่มนักเลงแทงปาล์มลากกันไปนั่งกินโรตีชาชักร้านครูบาหรีในตลาดละงู ไม่รู้ว่าสายลมใดกันพัดพาพนักงานเสิร์ฟสาวจากบ้านยางในคงให้อะหมาดตกหลุมรักทันทีที่สบตา เขาไม่เคยเป็นแบบนั้น แม้จะยกแก้วน้ำชาขึ้นซดก็ขวยเขินเต็มที เขาต้องวอนขอเพื่อนร่วมโต๊ะให้ช่วยขอเบอร์ ขอไลน์ หรือเฟซบุ๊ก อะไรก็ได้ อาซีดเพื่อนรักไม่ทำให้เขาผิดหวัง ได้ชื่อติดต่อพ่วงเลขสิบหลักมาอีกต่างหาก เกลอหนุ่มจะเดินมาตบไหล่เบาๆ พลางส่งเศษกระดาษให้อะหมาด “กูว่าน้องเขาก็มีใจว่ะ”

รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าโทนเข้มเพราะแดดงาน จนลืมเรื่องนายหัวชอบโขกสับเงินลูกน้องเสียสนิท เศษเงินค่าแทงปาล์มนั้นแหละเขาใช้จ่ายค่าโรตีน้ำชาเลี้ยงเพื่อน

 

วันเวลาล่วงเลย เส้นทางรักของหนุ่มแห่งลูกควนมะนังกับสาวยางในคงราบรื่นด้วยดี ไปมาหาสู่กันบ่อย พ่อของฝ่ายหญิงเห็นว่าหากอะหมาดพร้อมก็ควรมานิก๊ะห์ให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ดีกว่าเป็นขี้ปากคนในหมู่บ้าน ไหนๆ ลูกสาวของตนก็ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว หลังจากจบการศึกษาภาคบังคับก็ออกมาทำงานไปเรื่อย เคยจัดของบนชั้นในโลตัสควนโดน ทอดโรตีอยู่ริมถนนฉลุง ขายชาไข่มุกกับพี่สาวเปิดท้ายดูสน สุดท้ายหลบมาอยู่ใกล้บ้านพ่อจึงฝากให้ทำงานเสิร์ฟร้านครูบาหรีซึ่งเป็นเกลอเก่าสมัยวัยรุ่น

เรื่องแต่งงานใครๆ ก็อยากแต่งทั้งนั้นแหละ อะหมาดเล่าเรื่องกลุ้มใจให้สหายรักฟัง ปัญหามีอยู่ว่าค่าสินสอดว่าที่พ่อตาตกให้ฟังคือ เงินสดหนึ่งแสนบาท พ่วงด้วยทองอีกสองบาท คิดแล้วก็เหงื่อแตก อาศัยว่าแทงปาล์มอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะมีให้ทำทุกวัน อีกทั้งยังโดนนายหัวลักกินเปล่าเสียอีก ได้วันหนึ่งไม่ถึงสามร้อย อาซีดบอกว่าถ้าจะขอเมียก็ต้องหางานเสริม เขาบอกว่าเมื่อวานได้ยินผู้ใหญ่บ้านหาคนตัดหญ้าให้วัวชนอยู่ ลองไปขอทำดู เขาหน้าจะคิดราคาเป็นกระสอบ ถ้าขยันก็ได้เงินเยอะ ไม่รวมกับพาวัวออกเดินตามท้องถนนตอนเช้า นั่นน่าจะอีกราคา อะหมาดพยักหน้ารับ เขารู้สึกว่ามีความหวังขึ้นมาแม้เหมือนว่ากำลังปีนภูเขาสูงเสียดฟ้าด้วยมือเปล่า เงินเป็นแสนไม่ใช่น้อยๆ เกิดมาไม่เคยได้จับ แต่เพื่อคนรักเขาต้องทำงานเก็บเงินไปตามสัญญาว่าที่พ่อตากำชับว่าอย่าให้เกินสิ้นปีนี้ ซึ่งเหลืออีก 6 เดือน ไม่งั้นเด็กราชภัฏนาพญามาตัดหน้าแน่ แกพูดกับอะหมาดเหมือนจะหยอกพลางหัวเราะกลบเกลื่อน แต่นั่นทำให้นักเลงแทงปาล์มเจ็บแสบไปถึงขั้วหัวใจ

“นายหัวก็เปรต พ่อตามึงก็เบล้อครัน” รอสากสบถลั่นขณะขึ้นกิ่งเงาะข้างบ้าน ด้านล่างมีอะหมาดกับอาซีดนั่งสูบใบจากปล่อยควันขาวนวลโลมไล้โคนต้นเงาะแล้วค่อยๆ จางไป รอสากเกลอปากจัดฉุนแทนเพื่อนเมื่อทราบข่าวว่าพ่อตาจากยางในคงตกสินสอดหลักแสน เขามองว่าแพงเกินไปสำหรับสาวเด็กเสิร์ฟร้านโรตีชาชัก ตัวก็ไม่ขาวแถมติดคล้ำเสียด้วยซ้ำ เป็นคนคลุมฮิญาบแต่ใส่เสื้อแขนสั้น นุ่งกางเกงวอร์มซื้อเปิดท้ายวันพุธ จะมาเอาเงินจากกุลีเคียวปาล์ม เห็นทีจะต้องไปคุยกันเสียใหม่ มันแพงเกินไป การแต่งงานกลายเป็นการซื้อขายสินค้าประเภทคนไปเสียแล้วหรือนี่?

อะหมาดได้แต่นั่งก้มหน้าแกะเปลือกเงาะออกโยนเนื้อขาวเข้าปาก เขาอายที่จะไปพูด ครั้นจะให้ผู้ใหญ่ไปคุยให้ก็เกรงใจพ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวยทรัพย์สิน ที่ดินผืนสุดท้ายคือบ้านกับสวนเงาะขนาด 2 ไร่ ที่นั่งอยู่นี่แหละ หากจะขายไป แล้วน้องชายอีกคนคงลำบาก ต้องร่ำต้องเรียน การขอเมียไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น แต่มันเป็นปัญหาของเขา

“ตัดหญ้าให้วัว วัวละรถสิบล้อ หรือพาวัวเดินวันฝูงก็ไม่น่าได้ขอทันสิ้นปีนี้หรอกเพื่อนเห้อ กูว่ามึงต้องหาวิธีอื่น” รอสากพูดพลางคลี่ใบจากสอดยาเส้น เพื่อสูบอีกครั้ง

 

“มึงเคยได้ยินเรื่องทองของโต๊ะราไวแห่งควนมะนังมั้ยวะ” อาซีดโพล่งประเด็นแปลกแหวกขึ้นมากลางวง “ใครๆ ก็ได้ยินหากเกิดมาในแผ่นดินมะนัง” รอสากพูดพลางพ่นควันใบจาก อาซีดบอกอะหมาดเกลอรักว่าหากไม่มีทางอื่นแล้วเห็นทีต้องเพิ่งโชคเพิ่งดวง ตามตำนานแห่งควนมะนัง มีชายเศรษฐีชราคนหนึ่งชื่อราไว แกร่ำรวยจากการค้าขายจนเรียกได้ว่ามะนังสมัยก่อนแทบทั้งหมดเป็นที่ดินของแก น่าเสียดายที่ลูกหลานไม่ติดใจเอาเงินทองหรือที่ดินในหุบในพง จึงเก็บกระเป๋าเข้าเมืองหลวงกันเสียหมด ปล่อยให้เขาอยู่กับภรรยาคือ โต๊ะยูเนาะ จนนางกลับไปสู่ความเมตตาเสียก่อน เหลือไว้เพียงชายชรากับขุมสมบัติมหาศาลไปฝังไว้ที่ควนลูกใดสักแห่งในเขตมะนัง ว่ากันว่าทองของแกต้องทุกขนด้วยรถสิบล้อถึงสิบคัน ก่อนโต๊ะราไวสิ้นชีวิต แกจ้างให้คนขับรถบรรทุกทองคำของแก ส่วนค่าตอบแทนให้พวกขับรถบรรทุกขนทองให้แกคือ ทองหนึ่งคันรถให้เอาไปแบ่งกัน ชายหนุ่มบางคนในจำนวนนั้นตอนนี้เป็นเศรษฐีประจำจังหวัดไปเสียแล้ว

อาซีดเล่าเรื่องนี้ไม่รู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ให้กำลังใจ ปลอบประโลม ให้ไปเสี่ยงโชคหาสมบัติ หรือว่างเปล่า

“นิทานหลอกเด็กของคนแก่เคี้ยวหมาก” รอสากผู้ปากหมาค้านทันที ตนไม่เชื่อเรื่องทองขนาดคันรถสิบล้อจะมีอยู่จริง นั่นก็แค่นิยายขายฝันให้คนรุ่นหลังก็เท่านั้น ไม่มีอะไร

อะหมาดแหงนคอมองแสงอาทิตย์สาดกระทบใบเงาะที่กำลังเริงระบำเพราะถูกลมจากทิศตะวันตกเย้าหยอก

เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

สามวันให้หลัง อะหมาดไม่ไปแทงปาล์ม ไม่ตัดหญ้าให้วัว ไม่พาวัวเดินออกกำลังกายอีกแล้ว เขาให้เหตุผลกับนายหัวและผู้ใหญ่บ้านว่าเขามีงานอื่นแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่แสนจะบ้าบอและไม่เอาไหน เมื่อเขาบอกว่า “กูจะไปขุดทองโต๊ะราไว”

เมื่อรู้ข่าวอาซีดรีบควบรถมาบ้านเกลอรักทันที “มึงรู้หรือว่าควนทองคำนั่นอยู่ลูกไหน” อะหมาดพยักหน้ารับ เขาเด็ดเดี่ยวและสายตาคู่นั้นก็ดูจริงจังเอาเรื่อง อาซีดไม่ได้จะมาห้าม แต่เขามาเพื่อทำให้แน่ชัดว่าที่ที่เพื่อนกำลังจะไปนั้นไม่อันตราย เพราะได้ยินข่าวล่าสุดว่าแถบควนมะนังตอนนี้มีพวกทหารแก่ๆ ยศสูงเพิ่งเกษียณ กวาดซื้อที่ดินแถบนั้นเสียเกลี้ยงเตียน หากทำอะไรผลีผลามอาจถูกเล่นงานได้ นี่ไม่ใช่ยุคสมัยก่อนที่จะทำอะไรคล่อง ทุกสิ่งทุกอย่างกุลีจนๆ อย่างเราควรระวังตัว อะหมาดพยักหน้ารับอีกครั้ง “น่าจะใช่ควนลูกนั้น พ่อกูเคยพาไปดูสมัยก่อน ตอนนี้ไม่รู้ใครถือครอง คนพวกนั้นไม่เชื่อเรื่องงมงายเรื่องทองนั้นเสียแล้ว คนยุคก่อนก็ไปขุด แต่ผีเจ้าที่แรงเลยกลัวผีหักคอ กูจะแต่งเมีย กูไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” อะหมาดยืนยันต่อสหายคนสนิท พลางกระชับจอบตราจระเข้ไว้ข้างลำตัว

“มึงอย่ามาเปรต ไอ้เวร ทองเบล้อๆ นิทานหลอกเด็กทั้งเพ อย่าไปให้เสือลายพรางมันกัดมึงดีกว่า” รอสากเดินดุ่มมาจากสวนยางข้างบ้านอะหมาด ความจริงแล้วเขาไม่กังวลเรื่องอื่น มีเรื่องเดียวที่นักเลงปากจัดอย่างเขากลัว คือ เสือลายพราง ที่เขาหมายถึงนั่นคือพวกทหารชรานั่นแหละ วันดีคืนดีนึกอยากอยู่กับธรรมชาติบั้นปลายชีวิตก็ซื้อแผ่นดินในชนบทไปเสียเกลี้ยง ทั้งๆ ที่ว่าเป็นเขตสงวนแต่เดิม แต่อย่างที่เขาว่ากัน กฎหมายเป็นเพื่อนกับพวกเขา เสกให้เขาหรือควนสักลูกให้กลายเป็นวิมานฮาเร็มได้ในพริบตา ช่างวิเศษจริงๆ คนอย่างพวกเขา มีลูกน้องบริวารคอยรับใช้เป็นทหารเกณฑ์ “กูยังสงสัยว่ารถแบ๊กโฮคันใหญ่ขนาดนั้นขึ้นไปได้ยังไงบนยอดเขาชัน ไม่แน่บางทีมันอาจมีคาถาอาคม” รอสากบ่นพลางสูบใบจาก “มึงนั่นแหละอย่าเบล้อ ทหารจะมีคาถาอาคมอย่างไร มันไม่ใช่ขุนพันธ์”

รอสากคิดอยู่ไม่นานจึงอธิบายเพื่อนอีกสองคนว่าหากไม่ใช่เวทมนตร์คาถาแล้วเป็นอะไรอื่น เจ้าที่บนควนนั้นแรง ทุกคนรู้ดี แค่เงินตราผีพวกนั้นใช้จ่ายไม่ได้หรอก หรือบางทีผีตายหมดแล้ว ไฟฟ้าเข้าถึง ถนนลาดยางตลอดแนวขอบป่า รอสากย้ำทิ้งทวนว่ายังไงเสือบนควนนั่นก็น่ากลัว “น่ากลัวกว่าผีเสียอีก”

อะหมาดนั่งฟังเพื่อนทั้งสองพูดถึงควนมะนังทำให้นึกกังวล แต่เขาตัดสินใจแล้ว ต้องไปขุด ขุดทุกวันหากทองคำมีจริงเขาจะได้แต่งกับฟาตีม๊ะ ว่าที่เจ้าสาวแห่งบ้านยางในคง หากขุดแล้วไม่พบอะไรนั้นเขาก็ไม่เผื่อใจ ก่อนสิ้นปีพ่อของฝ่ายหญิงกำหนดวันหมดอายุงานวิวาห์ไว้แค่นั้น ไม่มีทางเลือกให้เขาอีกแล้ว ไม่ว่าผีหรือเสือก็กลัวไม่ได้อีกแล้ว

“กูจะแต่งเมีย” เขาบอกลาเกลอรักทั้งสองก่อนแดดบ่ายจะสาดส่อง ขึ้นควบขี่มอเตอร์ไซค์เวฟ 100 ทิ้งให้เพื่อนอีกสองคนมองตามหลังด้วยความเชื่อ ผสมกับความบัดซบของคนคนหนึ่ง

 

วันแล้ววันเล่าที่เขาหายหน้าจากหมู่บ้านตั้งแต่เสียงอะซานละหมาดซุบฮิ จวบจนแว่วเสียงอะซานละหมาดอีชา ถึงตอนนั้นแหละ พ่อกับแม่ของเขาได้ยินเสียงรถของลูกชาย ในขณะนั้น พ่อเสนอว่าจะขายที่ดินส่วนที่เหลือ แต่เขากลับปฏิเสธเสียงแข็ง เดิมทีพ่อแม่ก็คิดว่าเสียเวลาเปล่า ไม่คิดว่าเรื่องเล่าก่อนนอนจะทำให้ลูกชายกลายไปเป็นอีกคนไปเสียแล้ว

แม่ทนดูไม่ได้เมื่อเวลาผ่านไปจากหนุ่มกำยำกลายเป็นคนโทรมๆ แก้มตอบ ผอมแห้งเหมือนคนขาดสารอาหาร ในระหว่างขุดหาทองเขาแทบไม่ได้ติดต่อกับคนรักเลย เพราะตั้งใจว่าจะไปขอแต่งทีเดียวเมื่อขุดพบขุมทรัพย์ หญิงสาวบ้านยางในคงก็แปลกเมื่อรู้ว่าอะหมาดหายไป เธอก็ไม่ติดต่อมาเช่นกัน

วันหนึ่งขณะอาซีดกำลังแบกทะลายปาล์มโยนขึ้นท้ายกระบะ รอสากเปรยขึ้นว่า “มึงว่าเกลอเราจะพบทองจริงเห้อไอ้ซีด” อาซีดไม่ตอบอะไร เขาได้แต่เป็นห่วงเพื่อนรักอยู่ในห้วงลึก รอสากบอกว่าเขานั้นคงไม่เอาเมียแล้วแหละ เคยมีคนรักแต่เรือรักล่มทุกทีเมื่อขั้นไปขอแต่งนี่แหละ เขาบอกว่าคนสมัยนี้คิดค่าตัวลูกสาวเหมือนนักฟุตบอลยุโรป ไม่รู้เอาค่านิยมเรื่องขั้นการศึกษามาแต่ไหน แต่จริงเป็นเรื่องจริง เขาจึงเข็ดหลาบ

ตอนนี้พื้นฐานหากเจ้าสาวสวยๆ สักหน่อยจบชั้น ม.6 ค่าสินสอดยืนพื้นที่สามแสน ส่วนหากจบปริญญาตรีดีดไปโน้น ห้าแสน “รักครั้งนั้นก็เวรกรรม สาวนั้นมันจบ ม.6 กำลังเข้าเรียนต่อมหา’ลัย กูก็เสือกไปขวางทางชีวิตน้องเขา ถูกพ่อของเธอชี้หน้าด่าไปหลายยก คนแก่อุบาทว์” รอสากว่าไม่ต้องถึงขั้น ม.6 หรอก ไปหยบรุนกันแล้วท้องกลางคันก็ดีดไปหลักแสนเหมือนกันนั่นแหละ ตรรกะสมัยนี้มันป่วยไปเสียแล้ว

อาซีดเป่าปาก แม้จะเป็นเรื่องน่าขัน แต่ไม่รู้อะหมาดจะผจญกับอะไรบ้างบนควนลูกนั้น เขาไม่ผิด เขาแค่อยากมีเมีย

 

วันเวลาหมุนไปอย่างน่าเสียดายราวกับลูกโป่งสวรรค์หลุดมือจากเด็กน้อยคนหนึ่ง หลุมแล้วหลุมเล่าที่อะหมาดขุด ไม่มีข่าวคราวถึงทองคำ ดวงอาทิตย์ตกและขึ้นคล้ายกับการเล่นตลกจากสรวงสวรรค์ เดือนธันวาคมมาเยือนโดยไม่รู้ตัว หลายต่อหลายครั้งขณะขุดดินแข็งๆ ด้วยจอบกับมืออันสากด้าน มีเสียงกระสุนคำรามขู่อยู่เป็นระยะ มิใช่จากที่ไหนหรอก แต่เป็นเสือลายพรางอย่างที่รอสากเคยพูดหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่มีผีตนใดมาหลอกหลอนให้หวั่นใจ แต่กระสุนห่าใหญ่กลับไม่ลดละความพยายามที่ขับไล่วิญญาณบริสุทธิ์ของคนคนหนึ่งซึ่งฝันถึงทองคำของโต๊ะราไวมาเป็นเวลายาวนานร่วมหลายเดือน

เขาเจียนจะตายเสียหลายครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะล้มเลิกความพยายาม ฟาติม๊ะไม่ส่งข่าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น เขาแทบลืมไปเสียแล้วฝ่ายเจ้าสาวเงียบหายเหมือนดอกไม้บานหลังม่านหมอก เขาได้แต่ครุ่นคิดและครุ่นคิดถึงทองคำก็เท่านั้น

ทหารชราวัยเกษียณกำลังเกษมสำราญในฮาเร็มที่ตอนนี้แปลงสภาพจากควนทั้งลูกกลายเป็นสถานรื่นเริงส่วนบุคคล สระว่ายน้ำ อาหาร เครื่องดื่ม เสียงดนตรีตลอดทั้งคืน บริวารรับใช้ไม่ขาดมือและหญิงสาวรูปงามที่สลับกันเวียนมาแทบไม่เว้นคืน จะมีอะไรสนุกสนานบนโลกเท่านี้กันอีกเล่า หากไม่ใช่ชีวิตของชายผู้บัดซบอย่างอะหมาดที่แม้คิดแค่จะแต่งงานกับหญิงสาวก็เป็นเรื่องยากเย็นไปเสียแล้ว หากแต่หวังอย่างเดียวคือทองคำจากธรณีส่องแสงออกมาให้เห็น จนตอนนี้เขาแทบไร้วี่แววของแสงเรืองรองที่จะสาดส่องเล็ดลอดเม็ดดินกรวดออกมาจากหลุม

เขาขุดดินแข็งๆ นั่น วันแล้ววันเล่าท่ามกลางแดดร้อนของปลายเดือนธันวาคม ชายหนุ่มยังหวังจะเห็นแสงสีทองผ่องอำไพจากผืนแผ่นดิน ในขณะเสียงเพลงดาวน์สาว ของกวีศรีชาวไร่ ค่อยๆ ตีทวนระลอกลมขับกล่อมพงพนา •