Ruark R1S Smart Tabletop Radio

เพิ่งจะหยิบเรื่องราวของแบรนด์ Ruark Audio มาเล่าสู่กันฟังไปเมื่อช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนนี่เอง

วันนี้มีบางผลิตภัณฑ์ของค่ายนี้มาแนะนำกันครับ แต่ก็ไม่ใช่รุ่นที่บอกว่าต้องตาผมจนต้องไปหารายละเอียด แล้วทำให้เพิ่งรู้ในตอนนั้นเองว่าสินค้ายี่ห้อนี้มีผู้นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราแล้ว

และบอกทิ้งท้ายไปคราวนั้นว่าหากมีโอกาสได้จับต้องลองเล่นอะไรของเขา จะนำมาบอกกล่าวให้ทราบกัน

ว่าแต่จำได้ไหมครับ กับแบรนด์นี้ที่บอกไปว่าก่อนหน้านั้นทำลำโพงมายาวนานนับเป็นสิบปียี่สิบปี แล้วพอหันมาทำเครื่องรับวิทยุดิจิทัลออกมารุ่นแรกก็ดังเปรี้ยงปร้าง

ขนาดสื่ออย่าง Sunday Telegraph ของสหราชอาณาจักร ถึงกับออกปากยกย่องให้เป็น The Aston Martin of DAB Radios นั่นเลย

 

สําหรับเครื่องที่ได้ลองเล่นแบบจับตัวเป็นๆ เอามาใช้งานอยู่พักใหญ่ๆ แล้ว ก็คือที่จ่าหัวไว้นั่นแหละครับ

ซึ่งก็คือเครื่องที่มีพื้นฐานมาจาก Model R1 ที่เป็น Tabletop Radio ระบบดิจิทัล (DAB : Digital Radio Broadcasting) รุ่นแรกของค่ายที่ใช้ชื่อแบรนด์ Vita Audio เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปี ค.ศ.2006 และได้รับการยกย่องว่าเปรียบได้ดั่งซูเปอร์ คาร์ อย่างแอสตัน มาร์ติน ของแวดวงวิทยุดิจิทัลดังที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นนั่นเอง

โดยเครื่องนี้เป็นพัฒนาการด้านการออกแบบมาจากเจเนอเรชั่นล่าสุด คือ Model R1 Mk4

ที่เมื่อกดสวิตช์เปิดให้เครื่องทำงาน แผงหน้าจอแสดงผลก็ยังคงขึ้นตัวอักษรส่องสว่างเพียงแค่ R1 เหมือนเครื่องต้นแบบ โดยไม่มีอักษร S ด้วย

ในโลกตะวันตกโดยเฉพาะทางแถบยุโรปนั้น เครื่องรับวิทยุยังคงเป็นที่นิยมและมีผู้ใช้งานกันมากกว่าสื่อความบันเทิงแบบอื่นๆ เพราะสามารถใช้รับฟังข่าวสารในตัวได้อย่างสะดวก

ยิ่งปัจจุบันทางแถบนั้นการแพร่กระจายเสียงด้วยระบบดิจิทัลเป็นที่แพร่หลายมาก อุปกรณ์อย่าง DAB/DAB+ Radio จึงเฟื่องฟูมากด้วย

และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของทุกวันนี้ ที่ทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ สามารถย่อส่วนให้เล็กลงได้มากๆ การเพิ่มฟังก์ชั่นหรือภาคการทำงานอื่นๆ เข้าไปจึงทำได้สะดวก โดยที่มิพักต้องมีขนาดของเครื่องใหญ่โตเทอะทะ ทำให้หลายๆ เครื่องที่เห็นเล็ก กะทัดรัด แต่สามารถให้การทำงานได้หลากหลายหน้าที่อย่างน่าทึ่งมาก

 

Ruark R1S มีโครงสร้างแบบวิทยุตั้งโต๊ะขนาดย่อมๆ เป็นกล่องสี่เหลี่ยมลบมุม ที่ทำให้แลเนียนตาด้วยเส้นสายอันโค้งมน ดูละมุนละไมดี มีแผงหน้าที่กว้างและสูงน้อยกว่าพ็อกเก็ต บุ๊ก มาตรฐานพอประมาณ ผนังตู้ขึ้นรูปด้วยโพลีเมอร์ที่ภายในได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านอะคูสติกเป็นอย่างดี จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นตู้ลำโพงระบบ Bass Reflex ชั้นเลิศอยู่ในทีด้วย มีสีเทาหม่นเคลือบแล็กเกอร์ ส่วนแผงหน้านั้นตอนบนของพื้นที่ประมาณ 1/3 เป็นจอแสดงผลแบบ TFT Full Colour ที่ให้ปรับระดับความสว่างได้ แผงหน้าตอนล่างขึ้นรูปในลักษณะตะแกรงไม้ระแนงร่วมสมัยสีน้ำตาล เป็นงานฝีมือแบบ Hand Crafted นอกจากแลดูสวยลงตัวและคลาสสิคแล้ว ยังทำหน้าที่ปกป้องตัวขับเสียงหรือดอกลำโพงที่เป็นแบบ Full Range ชิ้นเดียว ขนาด 75 มิลลิเมตร

ตัวขับเสียงที่ว่านี้คือ Ruark NS+ Driver ที่ขึ้นชื่อของแบรนด์ และถูกนำไปใช้ในเครื่องของ Ruark Audio หลายรุ่นมาก โดยทำงานร่วมกับภาคขยายหรือแอมปลิไฟเออร์ คลาสส์-เอ/บี

โดยพื้นฐานแล้วเครื่องนี้ทำหน้าที่รับวิทยุจากการกระจายเสียงทั้ง Internet/DAB/DAB+ รวมถึง FM พร้อมรองรับการสตรีมผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth v5.0 และให้เข้าถึงผู้ให้บริการสตรีมมิงยอดนิยมสามรายได้อย่างรวดเร็ว ประกอบไปด้วย Spotify Connect, Deezer และ Amazon Music

สําหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกนั้น มีพอร์ต USB-C สำหรับเครื่องเล่น MP3 และสามารถใช้เป็นช่องประจุไฟให้กับสมาร์ตโฟนได้ พร้อมกับมีช่องเสียบ Mini Jack 3.5mm. สำหรับเฮดโฟน และ Aux Input อย่างละช่อง โดยที่ช่องเสียบต่อชุดหูฟังนั้นสามารถจดจำระดับความดังเสียงที่ใช้งานครั้งล่าสุดได้

ช่องเสียบต่อทั้งหมดนั้นเรียงแถวอยู่ตอนล่างของแผงหลังเครื่อง รวมทั้งช่องเสียบสำหรับอะแด็พเตอร์ไฟ AC ด้วย ส่วนด้านบนเป็นเสาอากาศสำหรับรับ DAB/DAB+/FM แบบยืดขึ้นและพับเก็บได้

ที่ฝาหลังตู้ด้านบนเป็นส่วนควบคุมการทำงานของเครื่องแบบวงกลมซ้อนวงกลม ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของแบรนด์ที่เรียกว่า Ruark RotoDial Controller วงแรกติดขอบนอกเป็นปุ่มกดเจ็ดปุ่ม เรียงติดต่อกันในลักษณะติดขอบครึ่งวงกลมตอนบน ใต้ลงมาที่จุดกึ่งของวงนอกตอนล่างเป็นปุ่มกดเปิด/ปิดเครื่อง ที่เมื่อกดปิดแล้วเครื่องยังทำหน้าที่ Stand-By ต่อไปอีก 20 นาที

ส่วนวงกลมด้านใน (สูงกว่าวงนอก) เป็นปุ่มควบคุมระดับความดังเสียง แบบมีหลุมให้ใช้นิ้วหมุนวนซ้าย/ขวา

ทั้งหมดให้ใช้งานได้แบบเรียบง่าย แต่อาจจะไม่สะดวกสำหรับใครที่คุ้นชินกับการใช้รีโมตคอนโทรล ควบคุมการทำงานของเครื่อง โดยเครื่องรุ่นนี้มีอุปกรณ์ที่เป็นออปชั่นที่ต้องซื้อแยกต่างหาก (หากต้องการ) อยู่สองชิ้น หนึ่ง คือรีโมตคอนโทรล ส่วนอีกหนึ่ง คือ Power Back-Pack สำหรับแปะติดด้านหลังของเครื่อง ในกรณีต้องการนำไปใช้งานนอกสถานที่แบบเครื่องพกพาเพื่อความสะดวกและคล่องตัว

กับแบตเตอรี่สำรองหรือเพาเวอร์ แบ็ก-แพ็กนี้, เมื่อติดตั้งแล้วควรปล่อยไว้ให้อยู่ด้วยกันอย่างถาวร เพราะเมื่อเสียบใช้งานไฟ AC ผ่านอะแด็พเตอร์ มันจะประจุไฟเข้าแบตสำรองไปในตัวด้วย ซึ่งทำให้รู้สึกง่ายที่จะหยิบฉวยเครื่องไปเปิดใช้งานที่ไหนๆ ก็ได้อย่างสะดวก คล่องตัว เมื่อไฟเต็มแบตสำรองแล้ว สามารถถอดปลั๊กไฟ AC ใช้งานแบบพกพาได้นานถึง 12 ชั่วโมงโดยประมาณ เพราะขึ้นอยู่กับระดับความดังเสียงที่เปิดฟัง แบบว่าเปิดฟังเสียงดังมากต้องใช้พลังงานเยอะ ไฟในแบตก็หมดเร็ว, ว่างั้นเถอะ

โดยในกล่องที่ให้มานอกจากตัวเครื่องวิทยุแล้ว ก็มีอะแด็พเตอร์ไฟ AC ที่ให้เปลี่ยนเต้าเสียบ (ปลั๊กตัวผู้) ได้ ซึ่งมีให้มาสองชิ้นแบบสามขากับสองขา

อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะดวก คล่องตัว และการใช้งานได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเข้าถึงวิทยุอินเตอร์เน็ต และการค้นหาพอดแคสต์ ควรดาวน์โหลด Oktiv Application มาใช้งาน ซึ่งมีให้บริการฟรีทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และ iOS

 

Ruark R1S มีคุณสมบัติให้ตั้งค่าล่วงหน้าเพื่อการเข้าถึงสถานี และเพลย์ลิสต์จากซอร์ซต่างๆ ได้อย่างละ 8 สถานี/ชื่อ ส่วนในฟังก์ชั่นนาฬิกานอกจากบอกเวลาแล้ว ยังให้ใช้ตั้งปลุกเตือนเวลาได้สองรูปแบบ ทั้งแบบปลุกรายวันและเตือนรายสัปดาห์ รวมถึงทำหน้าที่เป็น Sleep Timer เพื่อพักการทำงานของเครื่องเมื่อถึงเวลาที่กำหนดได้ด้วย

ทางด้านเสียงนั้นมีภาคโทน คอนโทรล แยกปรับทุ้ม/แหลม รวมทั้งได้ผนวก Adaptive EQ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบในทุกระดับความดังเสียง จึงมิพักต้องเป็นกังวลว่าเสียงที่บางความถี่จะขาดหายไปเมื่อหรี่เสียงลง หรือเสียงที่บางความถี่จะโดดหรือแตกพร่าเมื่อเร่งความดังเสียงมากขึ้น

มิติโครงสร้างเครื่อง (กว้าง x สูง x ลึก) 130 x 175 x 135 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม

เที่ยวหน้ามาว่ากันต่อครับ •

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]