เลือกตั้งแรกของปี 2024 | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์
(Photo by Yasuyoshi CHIBA / AFP)

13 มกราคม 2024 ไต้หวันมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 8 ของประเทศ มีสื่อต่างประเทศหลายสำนักเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยว่า ไต้หวันเป็นประเทศสำคัญทางเศรษฐกิจของโลก

ในอดีตไต้หวันเป็นแหล่งผลิตและความรู้เกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร แต่ด้วยเหตุของการพัฒนาทางเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนมีประเด็นความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาด้วย ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตทางด้านชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ต่อมาผลิตชิพคุณภาพสูงสำหรับอุปกรณ์ทางทหารและพลเรือนด้วย

อย่างไรก็ตาม ไต้หวันอยู่ท่ามกลางข้อถกเถียง เป็นประเทศเอกราช กับ ประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งกับจีน มาตั้งแต่คนจีนจำนวนหนึ่งหนีพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาที่เกาะนี้เมื่อปี 1949 แล้ว

ในโลกปัจจุบัน ไต้หวันเป็นอิสระหรือเป็นส่วนหนึ่งของจีน ย่อมมีผลต่อภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองโลกโดยเฉพาะในเอเชียอย่างยิ่ง

เราจึงควรติดตามและเข้าใจการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน

 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน
กับ 3 แนวทาง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันครั้งนี้มีผู้สมัครชิงชัย 3 คน

คนแรก รองประธานาธิบดี William Lai พรรค Democratic Progressive Party-DPP

คนที่สอง นายกเทศมนตรีคนใหม่ นครไทเป นาย Hou Yu-ih จากพรรคก๊กมินตั๋ง (Kuomintang-KMT)

คนที่สาม อดีตนายกเทศมนตรี นาย Ko Wen-je จากพรรค Taiwan People’s Party-TPP

เราควรทำความเข้าใจแนวความคิดด้านกิจการต่างประเทศและด้านความมั่นคงของทั้งสามคน

นาย Hou Yu-ih เขาเป็นตำรวจโดยอาชีพ เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นอธิบดีกรมตำรวจไต้หวันก่อนได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครไทเปปี 2018 และได้รับเลือกอีกครั้งด้วยคะแนนท่วมท้นปี 2022 เขามีประสบการณ์น้อยด้านการทูตและนโยบายต่างประเทศ

เขาวางนโยบายเป็นทางเลือกระหว่าง สงครามและสันติภาพ (War and Peace) Hou ย้ำว่า การเลือกตั้งปีนี้ เป็นทางเลือกระหว่างสงครามและสันติภาพ ถ้าประชาชนต้องการสันติภาพ ความมั่นคง รัฐบาลปลอดคอร์รัปชั่น และช่องแคบไต้หวันมีเสถียรภาพ ให้เลือกพรรคก๊กมินต๋ง

นาย William Lai จากพรรค DPP ได้วางนโยบายเป็นทางเลือกระหว่างประชาธิปไตยกับอำนาจนิยม แนวทางของ DPP ต่อความสัมพันธ์ในช่องแคบไต้หวันเป็นอันตราย และถ้าล้มเหลวในการรักษาคำพูดเรื่องช่องแคบไต้หวัน จะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของไต้หวัน

นาย Ko Wen-je พรรค Taiwan People’s Party-TPP นาย Ko Wen-je อดีตนายกเทศมนตรีนครไทเป เขากล่าวในรายการโทรทัศน์ เขาจะพูดคุยกับจีน ซึ่งเขาย้ำบอกปัดข้อเสนอการพูดคุย ซึ่งเชื่อว่า เขาคือฝ่ายแบ่งแยกที่อันตราย1

เขากล่าวว่า ที่เรียกว่า เอกราชไต้หวัน ตำแหน่งพื้นฐานคือ อธิปไตยและอิสระไต้หวันเป็นของประชาชนไต้หวัน 23 ล้านคน ไม่ใช่สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐจีนและสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาซึ่งกันและกัน นี่เป็นนิยามอิสระของไต้หวัน2

 

การแสวงหาการกลับมาร่วมมืออีกครั้ง

นาย Hou และพรรคก๊กมินตั๋งเชื่อว่า การพูดคุยเรื่องช่องแคบไต้หวันและความร่วมมือกับจีนเรื่องการค้า การแลกเปลี่ยนประชาชนกับประชาชน และการให้บริการการท่องเที่ยว ทำให้เกิดเสถียรภาพได้

ในบทความของนาย Hou ในวารสารดัง Foreign Affairs เขาเสนอ Three Ds คือ ขัดขวาง (Deterrance) พูดคุย (Dialogue) และไม่ยกระดับ (de-escalation)3 (ความรุนแรง-ขยายความโดยผู้เขียน) Hou เห็นว่า การพูดคุยคือแนวทางสำคัญที่ปฏิเสธวิกฤตการณ์และทำให้แน่ใจเรื่องสันติภาพและเสถียรภาพ

พรรคก๊กมินตั๋งได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจากปี 2008-2016 ไต้หวันลงนาม 20 ข้อตกลงกับจีน รวมทั้ง Economic Cooperation Framework Agreement หลังแลกเปลี่ยนข้อตกลงกัน เรียกว่า 1992 Consensus ไต้หวันหมายถึง สองฝ่ายมีจีนเดียว แต่มีการตีความแตกต่างกันเรื่อง ใครคือตัวแทนที่ถูกต้องของจีน

สำหรับพรรคก๊กมินตั๋งคือ สาธารณรัฐจีน (Republic of China) ไม่ใช่สาธารณรัฐประชาชนจีน (People Republic of China)

แต่จีนหมายความว่า จีนเดียว (One China) ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และสาธารณรัฐประชาชนจีนคือตัวแทนทางกฎหมายอันเดียว

ด้วยความสับสนและมีความกังวลมากขึ้นของคนไต้หวัน นำไปสู่ไม่มีทางเลือกจากการรวมชาติ (Unification) กับจีน ทำให้คนไต้หวันทั้งหมดไม่สนับสนุน 1992 Consensus

เพื่อชนะการเลือกตั้ง พรรคก๊กมินตั๋งไม่ควรเสนอนโยบายที่ผู้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย ดังนั้น นาย Huo พยายามถอยห่างจาก 1992 Consensus และไม่เสนออีก เมื่อนาย Huo มีอิทธิพลในพรรคมากขึ้น เขาได้เขียนใน Foreign Affairs แล้วแย้งว่า 1992 Consensus ไม่เท่ากับล้มเลิกอธิปไตยไต้หวันเหมือนของพรรค DPP4

นาย Huo คัดค้านความเป็นอิสระของไต้หวัน คนส่วนใหญ่ของชาวไต้หวัน ไม่ต้องการเป็นอิสระอย่างเป็นทางการ และผลักไปสู่หนทางทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร

ในเวลาเดียวกัน นาย Huo ต่อต้าน หนึ่งประเทศ (One Country) สองระบบ (Two System) ว่าเป็นความพยายามแบ่งแยกทัศนะสาธารณะและเป็นความสงสัยลึกๆ ต่อจีน และกังวลว่า ไต้หวันจะกลายเป็นฮ่องกงต่อไป

นาย Huo กล่าวว่า เขาจะหาทางรื้อฟื้น Cross-Strait Service Trade Agreement-CSSTA ข้อตกลงแรกที่อดีตประธานาธิบดีม่า (Ma) จุดประกายตอนขบวนการเคลื่อนไหว Sunflower ทำการประท้วงเข้ายึดรัฐสภาไต้หวันปี 2014 CSSTA จะเปิดตลาดภาคบริการบางส่วนของไต้หวันให้การลงทุนของจีน ซึ่งจะสร้างความกังวลว่าไต้หวันพึ่งพาจีนเพิ่มขึ้น เขาประกาศด้วยว่า จะอนุญาตนักศึกษาจีนทำงานได้ในระหว่างเรียนอยู่ที่ไต้หวัน

ด้วยการเสนอชัดเจนเรื่อง 1992 Consensus และเริ่มมีการบูรณาการทางเศรษฐกิจกับจีนและร่วมมือกันมากขึ้น จีนตกลงจะเปิดการพูดคุยอีกครั้งกับไต้หวัน และจีนจะลดแรงกดดันทางการทหาร เศรษฐกิจและการเมืองต่อไต้หวัน

 

ท่าทีของประธานาธิบดีสี เจิ้นผิง
ต่อไต้หวัน

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 31 ธันวาคม วันสุดท้ายของปี 2023 ประธานาธิบดีสี (Xi Jing Ping) แถลงอย่างเป็นทางการอวยพรปีใหม่แก่ชาวจีน แต่ได้กล่าวถึงไต้หวันอย่างชัดเจนอีกด้วย

การรวมไต้หวันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ประธานาธิบดีสีกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าคำอวยพรปีใหม่ของเขาเมื่อปีที่แล้ว คราวนี้ เขากล่าว 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ของไต้หวัน5

เขากล่าวผ่านสำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ที่มีล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า

การรวมชาติโดยแผ่นดินแม่คือ ประวัติศาสตร์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คนชาติเดียวกันของทั้งสองช่องแคบไต้หวันจะผูกพันด้วยความรู้สึกร่วมกันของเป้าหมาย และร่วมกันแชร์ความรุ่งโรจน์ของวัยหนุ่มสาวของชาติจีน

ปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสีพูดเพียงว่า ประชาชนแต่ละฝ่ายของช่องแคบคือ สมาชิกหนึ่งและในครอบครัวเดียวกัน และเขาหวังว่าประชาชนทั้งสองข้างจะทำงานร่วมกัน เพื่อร่วมเร่งความสำเร็จสุดท้ายของชาติจีน

Daily Mail6 รายงานว่า ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า จีนพิจารณาไต้หวันเป็นดินแดนต้องห้ามของตนและไม่เคยเรียกร้องการใช้กำลังเพื่อนำมาอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน

ประธานาธิบดีสีไม่ได้พูดถึงการคุกคามทางทหารในคำปราศรัยของเขา

 

ความหมายของชัยชนะ

เป็นไปได้ที่นาย Hou และพรรคก๊กมินตั๋งจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่

ไต้หวันภายใต้การนำของเขาและพรรคก๊กมินตั๋งจะประนีประนอมกับจีนมากขึ้นและมากกว่าพรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบันซึ่งไม่เห็นด้วยกับการรวมชาติจีน

ข้อเสนอและแผนงานด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการท่องเที่ยวอาจช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างไต้หวันกับจีนและในช่องแคบไต้หวันลงได้

แต่ท่าทีจีนต่อไต้หวัน ด้วยการคงรักษานโยบายจีนเดียว และยืนยันการรวมชาติของผู้นำสูงสุดของจีน จะหมายความถึงชัยชนะอันจำกัดเขตและพลังทั้งในการเมืองภายในไต้หวันและการเมืองระหว่างประเทศ

ชัยชนะของก๊กมินตั๋งยังไม่ใช่ทางเลือกสงครามหรือสันติภาพเสียที

ประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่จะนำพาไต้หวันไปทางไหน โปรดติดตาม

 


1Ben Blanchard and Faith Hang, Reuter, 1 January 2024, : 1.

2Ibid.,

3Hou Yu-ih, “Taiwan’s Path Between Extremes” Foreign Affairs, 18 September 2023, : 1.

4Ibid.,

5“China’s Xi Says ‘Reunification with Taiwan Is Inevitable” Reuter 30 December 2023.

6Miriam Kuepper, “Tyrant Xi Jinping warns that all Chinese on both sides of Taiwan Strait will be reunified’ in sabre-rattling new year message” Daily Mail 31 December 2023 : 1.