สนทนา’เจ้าคุณพิพิธ’ วัดสุทัศน์ วอนหยุดทับถมโจมตีกัน อย่าเร่งเวลา ‘นายกฯ’-ให้กำลังใจทำงาน

สนทนาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ‘เจ้าคุณพิพิธ’ วัดสุทัศน์ วอนหยุดทับถมโจมตีกัน อย่าเร่งเวลา ‘นายกฯ’-ให้กำลังใจทำงาน

พระเทพปฏิภาณวาที หรือเจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ให้สัมภาษณ์กับ “มติชนสุดสัปดาห์” เนื่องในวาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ว่าจะขอแสดงทัศนะต่อท่านผู้อ่านทั้งหลาย ว่าประเทศไทยเรามีนายกฯ คนใหม่ อยากจะเตือนท่านทั้งหลายว่า “การมีจิตอาสาทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง” ไม่ใช่ทำเพื่อธุรกิจ แต่พร้อมดำเนินนโยบายต่างๆ ที่เขาคิดเอาไว้ก่อน ถูกวางแผนเอาไว้ ไม่ใช่เป็นการเข้ามาเสวยอำนาจ แต่เป็นการเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

ดังนั้น เมื่อเราได้นายกฯ คนใหม่มา นายกฯ จึงถูก 3 คาด คือ 1. คาดการณ์ 2. คาดหวัง 3. คาดโทษ

ความคาดหวังกับคาดโทษมันเป็นสิ่งที่ผู้คนเร่งร้อนอยากจะให้เขารีบแสดงฝีมือเพื่อจะแก้ไขปัญหาของประชาชน และถ้าเราไปดูแต่ละวันที่นายกรัฐมนตรีท่านนี้มารับตำแหน่ง ท่านก็วางแผนของท่านไว้แล้วกับคณะทีมงาน จึงขอพูดคำนี้สักคำหนึ่งว่า “อย่าไปพูดถึงเรื่องการเมือง” อาตมาเชื่อว่าทุกคนบริสุทธิ์ใจ มีฐานะมีความมั่นคงในชีวิตแล้ว ก็อยากจะทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชน

โดยส่วนตัวอาตมากับท่านไม่รู้จักกัน นักการเมืองทุกๆ คนอาตมาก็รู้จักโดยอ่านประวัติแต่ไม่เคยคบหาสมาคมด้วยเพราะว่ามันจะเป็นภัยต่อความเป็นกลาง แล้วไม่รับกิจนิมนต์

เราหันมาดูภารกิจนายกฯ ที่บินไปในแต่ละวัน บินไปหลายประเทศตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง บินเพื่อเชิญชวนนักลงทุนเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่เขาก็มีข้อต่อรองมากมายมหาศาล แล้วประเทศไทยของเราเจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าของพื้นที่เยอะ ยังมีผีสางเป็นเจ้าที่เจ้าทางอีก คิดดูว่าคนหนึ่งมารับอาสาใช้เรา เราคิดอย่างไร การเดินทางโดยเครื่องบินนี่อาตมาไม่ไปนะ เป็น air sickness คือไม่สบาย ซึ่งในชีวิตของคนแต่ละคนเมื่อเขามีจิตอาสาขึ้นมา ก็อยากจะทำงานเพื่อประเทศชาติ ทำไมต้องไปประเทศนั้นประเทศนี้ เพื่อเกียรติยศเพื่อชื่อเสียงตัวเองเหรอ ความจริงมันไม่ใช่

อย่างอาตมภาพทำงานไม่ได้หวังอะไรเลย ตั้งแต่ พ.ศ.2528 จนถึงปัจจุบันนี้ที่ออกโทรทัศน์ ที่สร้างสรรค์สังคม โรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม เราไม่ได้หวังอะไรเพื่อตัวเอง แต่เราหวังว่าเราจะใช้ชีวิตของเราซึ่งอยู่รอดแล้วพาคนอื่นไปให้รอดด้วย

ในห้วง 3 เดือนที่นายกฐมนตรีคนปัจจุบันเข้ามาทำงาน อาตมาเห็นการทับถมโจมตี คนนั้นจะเอาอย่างงั้น ฉันจะเอาอย่างนี้ทำไมไม่ได้ เพราะว่าสิ่งที่จ่ายให้ประชาชนลงไปก็คือสิ่งที่จะต้องมีรายได้เกิดขึ้นก่อน ณ ขณะนี้ขอฝากนายกฯ ไว้ด้วยว่าหาเงินให้ได้ก่อน เพราะฉะนั้นนายกฯ จะทำหนี้ให้ประเทศชาติ แล้ว “หนี้ประเทศชาติก็เพื่อประชาชน” แต่รัฐมนตรี, รัฐมนตรีช่วยแต่ละกระทรวง กระเตื้องกันบ้างหรือเปล่า? ทำงานกันหรือเปล่า? ทุกวันนี้เห็นคนเอาแต่ด่านายกฯ ไม่เห็นใครด่ารัฐมนตรีเลย

ความสามารถของนายกรัฐมนตรีเนี่ยก็เหมือนเรือที่พ่วงเรือทรายเรือข้าวสารที่แม่น้ำเจ้าพระยา มันเหนื่อยนะต้องใช้พลังงาน คนอายุ 60 แล้วมันก็เหนื่อย อาตมาอายุมากกว่านายกฯ ทำงานทุกวันจนบางทีมันเบื่อแต่เราก็เบื่อไม่ได้เพราะว่ายังมีคนที่พ่วงมาอีกยาวเป็นแถว ถ้าลำหน้ามันไม่ดี ถ้าเรือที่มันพ่วงมันไม่ดีข้างหลังมันก็ล่มหมด ขอให้ประชาชนคิดอย่างนั้น

ให้รัฐมนตรีทุกคนขยับตัวบ้าง เมื่อเราอยากเป็นแล้ว ได้เป็นแล้วบางกระทรวงเนี่ยเราไม่เป็น เราไม่มีความรู้เลย put the right Man on the right Job แต่การเมืองประเทศไทยมันไม่ใช่อย่างงั้นบางทีมัน put the Wrong Man on the Wrong Job มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดเป็นความผิดของนายกฯ

ถ้าจะถามหาความเป็นธรรมมันจะถูกต้องมั้ยก็ต้องตอบว่าไม่ถูกต้อง

ดังนั้น จึงขอบอกท่านทั้งหลายว่า ลองคิดกันช้าๆ แล้วก็สร้างเนื้อสร้างตัว

สําหรับด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเพิ่งมา 3 เดือนใครจะมาสร้างโรงงานขนาดใหญ่ได้ทันที จะเชิญชวนต่างประเทศมาลงทุนขนาดยักษ์ใหญ่ได้เพื่อจะเลี้ยงประชาชนเพื่อจะนำภาษีมาแล้วต้องมาเจอเจ้าพ่อเจ้าแม่เจอข้าราชการ ที่จะต้องจ่ายอะไรใต้โต๊ะอะไรต่อมิอะไรเนี่ยเลิกกันเสียทีเถอะเรื่องจ่ายใต้โต๊ะเนี่ย มันน่าอับอายขายขี้หน้า คนลงทุนทุกๆ คนถูกเบียดเบียนก็เบื่อหน่าย ประเทศไทยของเราพังเพราะเจ้าพ่อเจ้าแม่ข้าราชการเยอะแยะไปหมดเจ้าถิ่นเจ้าที่ผีสางนางโกง

อย่าไปทำกับเขาอย่างงั้น

ใครลงทุนก็แล้วแต่ เขาต้องการส่งเสริมการลงทุน อย่าง BOI ที่ส่งเสริมการลงทุน สำคัญที่คนเจรจา พอได้เห็นการทำงานแล้วก็เห็นใจแล้ว อย่าไปเร่งเวลา ทุกอย่างมันไม่ได้เสกสร้างขึ้นภายในวันเดียว

การทับถมโจมตีกันไม่ดี คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หากจะให้ทัศนะก็ให้ทัศนะซอฟต์ๆ คนทำงานเขาคิดอีกแบบอีกอย่างหนึ่งกับคนวิจารณ์ นักข่าวทั้งหลายผู้วิจารณ์ทั้งหลายเนี่ยกรุณาเบาๆ หน่อย ชีวิตของพวกท่านทั้งหลายไม่ประสบความสำเร็จเท่าเขานะ ลองวัดความสำเร็จดู ถ้าวันนี้เอาพวกนักวิชาการไปเป็นนายกฯ เนี่ยประเทศชาติเหลวแหลก อย่าวิจารณ์กันหนักนัก

คนเรามันอยู่ที่กำลังใจ ทำไมไม่ให้กำลังใจกันล่ะ เมื่อให้กำลังใจต้องเปิดช่องโอกาสให้แล้วถ้ามีความรู้อะไร ก็ขอพบกันได้สนทนากันได้ ตั้งเวทีกันได้ เหมือนทีวีหลายๆ ช่องที่เขาจัดรายการ หนังสือพิมพ์หลายๆ หัวก็จัดรายการเพื่อจะให้เกิด compromise คือการประสานกันไม่ใช่เป็นการปะทะกัน ขอให้คนไทยทั้งหลายจัดระบบความคิดใหม่

แล้วก็อย่าหวังอะไรเร็วๆ แบบการแทงลอตเตอรี่ แบบไปเสี่ยงโชคกัน เศรษฐกิจไม่ใช่อย่างที่เราคิด

อาตมามาดูแลวัสุทัศน์ดูแลพระศาสนาใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะเป็นวัดสุทัศน์ที่ท่านทั้งหลายรู้จักการไหว้พระ 9 วัด ทำแบบซอฟต์เพาเวอร์แล้วก็ขยายไปจังหวัดละ 9 วัดไปเรื่อยๆ ใช้เวลาใช้เงินทองใช้สื่อสารมวลชนทุกแขนง การไหว้พระ 9 วัดจึงเกิดขึ้นในประเทศไทย

คนทำงานมักจะเห็นใจกัน แต่คนเรียกร้องต้องประสงค์มักจะไม่ค่อยเห็นใจคน แล้วก็ยาเสพติดมากมายมหาศาลเกิดจากอะไร ถ้าเศรษฐกิจดีสังคมดีคนมีความมั่นใจในชีวิตระบบการศึกษาถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยและใช้แรงงานได้อย่างดำรงชีวิตอยู่ได้มันก็ดีขึ้น คนก็ไม่ต้องไปค้ายา ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกินยาเสพติด

ปัญหาเหล่านี้มันสะสมมา แล้วก็เกิดโควิดขึ้นเอาว่า 3 ปีครึ่ง ใน 3 ปีครึ่งนี้พระทั้งประเทศหาปัจจัยมาเลี้ยงญาติโยมมาให้ทุนการศึกษาเท่าไหร่

แล้วอยากจะบอกท่านทั้งหลายว่าใน 3 ปีครึ่งนี้ทุกประเทศมีปัญหาคือเด็กไม่เกิดใหม่ขึ้น เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น เด็กหายไปแทบทุกประเทศ สิงคโปร์ต้องจ้างคนมีลูก ประเทศไทยล่ะ สามีภรรยานอนด้วยกันไม่ได้มีลูกแล้วเกิดในโรงพยาบาลก็ไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังทั้งหลายต้องเข้าใจ ถ้าท่านไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะตอบปัญหาอย่างไร

นักการเมืองต่างๆ ก็อย่าโจมตีกัน การเป็นนายกรัฐมนตรีหรือการเป็นรัฐมนตรีต้องลงกำลังให้มันเต็มที่ แต่ถ้ามาเป็นเพื่อหาชื่อเสียงผลประโยชน์อย่าเป็นเลย ชื่อเสียงมันไม่มีจริงหรอก ความเป็นผู้บริหารที่ดีคือความเป็นจริง แล้วเราจะภูมิใจตลอดชีวิตของเรา เงินทองทั้งหลายไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงในชีวิต แต่การที่เราเกิดมาทำตนเป็นประโยชน์เหมือนศาสดาทุกศาสนาเหมือนกับนักบุญทั้งหลายนั่นคือสิ่งที่เป็นจริง

ดังนั้น ก็ขอให้กำลังใจ แต่ไม่ต้องมาพบกันนะนักการเมืองทุกระดับ ไม่ต้องมาพบอาตมา อาตมาเป็นคนไม่เอียงคงไว้ซึ่งความเป็นธรรม แล้วก็ให้กำลังใจคนทำงานที่สุจริตทุกคน